ASTVผู้จัดการรายวัน - “ปลัดกระทรวงศึกษา” หอบเอกสารพบ “ดีเอสไอ” แจงปมทุจริตจัดซื้อครุภัณฑ์ไทยเข้มแข็ง 5,300 ล้าน ยันทำตามระเบียบถูกต้อง ขณะที่ “ดีเอสไอ” รับเป็นคดีพิเศษแล้วหลังพบส่อทุจริตจริง
วานนี้ (23 ส.ค.) ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) น.ส.ศศิธารา พิชัยชาญณรงค์ ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวนดีเอสไอเพื่อเข้าให้ถ้อยคำกรณีจัดซื้อครุภัณฑ์ของสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) กระทรวงศึกษาธิการ ภายใต้โครงการแผนฟื้นฟูเศรษฐกิจระยะที่ 2 ไทยเข้มแข็ง วงเงินงบประมาณ 5,300 ล้านบาท
นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ กล่าวว่า ดีเอสไอได้รับคดีดังกล่าวเป็นคดีพิเศษแล้วเนื่องจากพิจารณาแล้วว่าคดีมีมูลความผิดและอยู่ในอำนาจการสอบสวน เบื้องต้นกำหนดแนวทางสอบสวนไว้ 5 ประเด็น ประกอบด้วย 1.การจัดซื้อครุภัณฑ์ของสอศ.มีราคาแพงเกินจริงหรือไม่ 2.ครุภัณฑ์ที่สอศ.ส่งให้กับวิทยาลัย ตรงความต้องการที่วิทยาลัยร้องขอหรือไม่ 3.ครุภัณฑ์ที่จัดส่งให้วิทยาลัยได้มีการเปิดการเรียนการสอบหรือไม่ 4.การตรวจรับพัสดุถูกต้องตามคุณสมบัติที่กำหนดไว้ในสัญญาหรือไม่และ 5.บริษัท/ห้างร้านที่เป็นคู่สัญญากับสอศ.หรือวิทยาลัยมีการสมยอมเสนอราคาหรือไม่ เนื่องจากตามวิธีปฏิบัติเกี่ยวกับการใช้จ่ายงบประมาณตามแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 ได้กำหนดให้ส่วนราชการ ระบุคุณลักษณะและประมาณราคาหรือผลการจัดหาของแต่ละรายการหรือราคามาตรฐานเพื่อขอจัดสรรเงินจากสำนักงบประมาณ
ด้านนายธานินทร์ เปรมปรีดิ์ รอง ผบ.สำนักคดีอาญาพิเศษ 2 กล่าวว่า จากการสืบสวนสอบสวนเบื้องต้นพบประเด็นราคาที่สอศ.ตั้งงบไว้มีความแตกต่างกับงบที่สำนักงบประมาณตั้งไว้มาก โดยบางรายการมีราคาสูงกว่าเงินที่ได้รับการจัดสรรมากกว่าครึ่ง ครุภัณฑ์บางรายการไม่ตรงกับที่วิทยาลัยต้องการ
ซึ่งประเด็นสำคัญที่ส่อว่าจะมีการทุจริตคือ กรณีที่หากมีการตกลงบริษัทที่ได้งาน สอศ.จะส่งใบงวดหรือใบจัดสรรเงินให้วิทยาลัยต่อรองราคาและเซ็นสัญญา แต่ถ้าบริษัทที่ตกลงไม่ได้อยู่ในกลุ่มเดียวกัน สอศ.จะไม่ส่งใบงวดให้แต่จะดึงใบงวดกลับและจัดซื้อเอง ซึ่งจากการสืบสวนวิทยาลัยในสังกัดที่สอศ.จัดสรรเงินให้ปรากฏว่าบริษัท/ห้างร้านที่นำมาเสนอราคาครั้งแรกและไม่สั่งให้ยกเลิกจะเป็นบริษัทกลุ่มเดียวกัน จึงน่าเชื่อว่าจะมีการสมยอมกันในราคาที่เกินความเป็นจริง หรือสูงว่าราคามาตรฐาน
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าดีเอสไอจะมีพยานหลักฐานค่อนข้างชัดเจน แต่คาดว่าต้องใช้เวลาอีกสักระยะเพราะมีวิทยาลัยอาชีวะเข้าร่วมโครงการกว่า 400 แห่ง ครุภัณฑ์ที่จัดซื้อในโครงการมีมากกว่า 100 รายการ ซึ่งวิทยาลัยบางแห่งอาจถูกดำเนินคดีหลายเรื่อง เพราะถือเป็นการทำผิดต่างกรรม ต่างวาระ
นายธานินทร์กล่าวอีกว่า หากสอบสวนพบความผิดในส่วนเอกชนดีเอสไอมีอำนาจดำเนินการเต็มที่ ส่วนกรณีพบความผิดของเจ้าหน้าที่รัฐระดับสูงจะส่งให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) หากระดับต่ำกว่าผู้อำนวยการลงมาจะส่งให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ(ป.ป.ท.) ไต่สวน อย่างไรก็ตาม ป.ป.ช. สามารถรับสำนวนคดีดังกล่าวไปสอบสวนเองได้ทั้งหมด เนื่องจากเป็นคดีที่เกี่ยวข้องกับการทุจริตข้าราชการ โดยดีเอสไอจะดำเนินคดีเอกชนที่ทำผิดฐานฮั้วประมูลและจัดส่งครุภัณฑ์ไม่ตรงสเปคไปให้วิทยาลัยต่าง ๆ เช่น กรณีที่พบว่าสัญญาจัดซื้อระบุให้วัสดุในเครื่องมือเป็นทองคำ แต่เมื่อผ่าเครื่องมือตรวจสอบแล้วกลับพบเป็นทองชุบ เบื้องต้นผู้ที่ต้องมีส่วนรับผิดชอบมีทั้งคณะกรรมการที่เป็นผู้ร่างทีโออาร์ บริษัทเอกชนผู้ขาย ซึ่งดีเอสไอจะสอบสวนขยายผลไปถึงข้าราชการระดับสูงกว่าปลัดกระทรวงศึกษาธิการรวมถึงนักการเมืองที่อาจมีส่วนเกี่ยวข้อง โดยจะสอบสวนความเชื่อมโยงตามพยานหลักฐานรวมถึงการให้ถ้อยคำของปลัดกระทรวงศึกษาธิการในวันนี้ด้วย เนื่องจากโครงการดังกล่าวมีจุดเริ่มต้นจากการเสนอโครงการของฝ่ายการเมืองที่เป็นผู้ขอจัดสรรงบประมาณจากโครงการไทยเข้มแข็ง อีกทั้งยังเป็นโครงการที่มีวงเงินงบประมาณสูงถึง 5,300 ล้าน ซึ่งเป็นอำนาจการอนุมัติของฝ่ายการเมือง
น.ส.ศศิธารากล่าวว่า นำข้อมูลหลักฐานมาประกอบการให้ถ้อยคำและพร้อมให้ความร่วมมือกับพนักงานสอบสวนทุกด้าน ส่วนตัวมีความเชื่อมั่นในความบริสุทธิ์ ยุติธรรม ที่ผ่านมายืนยันว่าได้ดำเนินการตามระเบียบและขั้นตอนอย่างถูกต้องแล้ว.
วานนี้ (23 ส.ค.) ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) น.ส.ศศิธารา พิชัยชาญณรงค์ ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวนดีเอสไอเพื่อเข้าให้ถ้อยคำกรณีจัดซื้อครุภัณฑ์ของสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) กระทรวงศึกษาธิการ ภายใต้โครงการแผนฟื้นฟูเศรษฐกิจระยะที่ 2 ไทยเข้มแข็ง วงเงินงบประมาณ 5,300 ล้านบาท
นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ กล่าวว่า ดีเอสไอได้รับคดีดังกล่าวเป็นคดีพิเศษแล้วเนื่องจากพิจารณาแล้วว่าคดีมีมูลความผิดและอยู่ในอำนาจการสอบสวน เบื้องต้นกำหนดแนวทางสอบสวนไว้ 5 ประเด็น ประกอบด้วย 1.การจัดซื้อครุภัณฑ์ของสอศ.มีราคาแพงเกินจริงหรือไม่ 2.ครุภัณฑ์ที่สอศ.ส่งให้กับวิทยาลัย ตรงความต้องการที่วิทยาลัยร้องขอหรือไม่ 3.ครุภัณฑ์ที่จัดส่งให้วิทยาลัยได้มีการเปิดการเรียนการสอบหรือไม่ 4.การตรวจรับพัสดุถูกต้องตามคุณสมบัติที่กำหนดไว้ในสัญญาหรือไม่และ 5.บริษัท/ห้างร้านที่เป็นคู่สัญญากับสอศ.หรือวิทยาลัยมีการสมยอมเสนอราคาหรือไม่ เนื่องจากตามวิธีปฏิบัติเกี่ยวกับการใช้จ่ายงบประมาณตามแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 ได้กำหนดให้ส่วนราชการ ระบุคุณลักษณะและประมาณราคาหรือผลการจัดหาของแต่ละรายการหรือราคามาตรฐานเพื่อขอจัดสรรเงินจากสำนักงบประมาณ
ด้านนายธานินทร์ เปรมปรีดิ์ รอง ผบ.สำนักคดีอาญาพิเศษ 2 กล่าวว่า จากการสืบสวนสอบสวนเบื้องต้นพบประเด็นราคาที่สอศ.ตั้งงบไว้มีความแตกต่างกับงบที่สำนักงบประมาณตั้งไว้มาก โดยบางรายการมีราคาสูงกว่าเงินที่ได้รับการจัดสรรมากกว่าครึ่ง ครุภัณฑ์บางรายการไม่ตรงกับที่วิทยาลัยต้องการ
ซึ่งประเด็นสำคัญที่ส่อว่าจะมีการทุจริตคือ กรณีที่หากมีการตกลงบริษัทที่ได้งาน สอศ.จะส่งใบงวดหรือใบจัดสรรเงินให้วิทยาลัยต่อรองราคาและเซ็นสัญญา แต่ถ้าบริษัทที่ตกลงไม่ได้อยู่ในกลุ่มเดียวกัน สอศ.จะไม่ส่งใบงวดให้แต่จะดึงใบงวดกลับและจัดซื้อเอง ซึ่งจากการสืบสวนวิทยาลัยในสังกัดที่สอศ.จัดสรรเงินให้ปรากฏว่าบริษัท/ห้างร้านที่นำมาเสนอราคาครั้งแรกและไม่สั่งให้ยกเลิกจะเป็นบริษัทกลุ่มเดียวกัน จึงน่าเชื่อว่าจะมีการสมยอมกันในราคาที่เกินความเป็นจริง หรือสูงว่าราคามาตรฐาน
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าดีเอสไอจะมีพยานหลักฐานค่อนข้างชัดเจน แต่คาดว่าต้องใช้เวลาอีกสักระยะเพราะมีวิทยาลัยอาชีวะเข้าร่วมโครงการกว่า 400 แห่ง ครุภัณฑ์ที่จัดซื้อในโครงการมีมากกว่า 100 รายการ ซึ่งวิทยาลัยบางแห่งอาจถูกดำเนินคดีหลายเรื่อง เพราะถือเป็นการทำผิดต่างกรรม ต่างวาระ
นายธานินทร์กล่าวอีกว่า หากสอบสวนพบความผิดในส่วนเอกชนดีเอสไอมีอำนาจดำเนินการเต็มที่ ส่วนกรณีพบความผิดของเจ้าหน้าที่รัฐระดับสูงจะส่งให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) หากระดับต่ำกว่าผู้อำนวยการลงมาจะส่งให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ(ป.ป.ท.) ไต่สวน อย่างไรก็ตาม ป.ป.ช. สามารถรับสำนวนคดีดังกล่าวไปสอบสวนเองได้ทั้งหมด เนื่องจากเป็นคดีที่เกี่ยวข้องกับการทุจริตข้าราชการ โดยดีเอสไอจะดำเนินคดีเอกชนที่ทำผิดฐานฮั้วประมูลและจัดส่งครุภัณฑ์ไม่ตรงสเปคไปให้วิทยาลัยต่าง ๆ เช่น กรณีที่พบว่าสัญญาจัดซื้อระบุให้วัสดุในเครื่องมือเป็นทองคำ แต่เมื่อผ่าเครื่องมือตรวจสอบแล้วกลับพบเป็นทองชุบ เบื้องต้นผู้ที่ต้องมีส่วนรับผิดชอบมีทั้งคณะกรรมการที่เป็นผู้ร่างทีโออาร์ บริษัทเอกชนผู้ขาย ซึ่งดีเอสไอจะสอบสวนขยายผลไปถึงข้าราชการระดับสูงกว่าปลัดกระทรวงศึกษาธิการรวมถึงนักการเมืองที่อาจมีส่วนเกี่ยวข้อง โดยจะสอบสวนความเชื่อมโยงตามพยานหลักฐานรวมถึงการให้ถ้อยคำของปลัดกระทรวงศึกษาธิการในวันนี้ด้วย เนื่องจากโครงการดังกล่าวมีจุดเริ่มต้นจากการเสนอโครงการของฝ่ายการเมืองที่เป็นผู้ขอจัดสรรงบประมาณจากโครงการไทยเข้มแข็ง อีกทั้งยังเป็นโครงการที่มีวงเงินงบประมาณสูงถึง 5,300 ล้าน ซึ่งเป็นอำนาจการอนุมัติของฝ่ายการเมือง
น.ส.ศศิธารากล่าวว่า นำข้อมูลหลักฐานมาประกอบการให้ถ้อยคำและพร้อมให้ความร่วมมือกับพนักงานสอบสวนทุกด้าน ส่วนตัวมีความเชื่อมั่นในความบริสุทธิ์ ยุติธรรม ที่ผ่านมายืนยันว่าได้ดำเนินการตามระเบียบและขั้นตอนอย่างถูกต้องแล้ว.