เปิดมหกรรมสมุนไพรแห่งชาติ “นวดไทย มรดกไทย สู่มรดกโลก” เน้นเผยแพร่นวดไทยให้เป็นที่ยอมรับทั้งไทยและเทศ หลังยูเนสโกขึ้นทะเบียนวัดโพธิ์เป็นมรดกความทรงจำโลก ด้าน “วิทยา” สั่งเร่งผลิตแพทย์แผนไทยประจำ รพ.สต.400 แห่งในปี 2556 พร้อมเปิดโรงพยาบาลรักษาด้วยแพทย์แผนไทย เชื่อช่วยลดการใช้ยา
วันนี้ (5 ก.ย.) ที่อิมแพ็ค เมืองทองธานี จ.นนทบุรี นายวิทยา บุรณศิริ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวภายหลังเป็นประธานเปิดงานมหกรรมสมุนไพรแห่งชาติครั้งที่ 9 ภายใต้แนวคิด “นวดไทย มรดกไทย สู่มรดกโลก” และการประชุมการแพทย์พื้นบ้านแม่น้ำโขง ครั้งที่ 5 ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 5-9 ก.ย.2555 ว่า ที่ผ่านมา ภาพรวมของตลาดสินค้าสมุนไพร ยาแผนดั้งเดิม อาหารและผลิตภัณฑ์สุขภาพจากสมุนไพร ในประเทศไทยในปี 2554 มีมูลค่าถึง 2,000 ล้านบาท และคาดว่าในปี 2558 ซึ่งประเทศไทยจะก้าวเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน จะมูลค่าอุตสาหกรรมแปรรูปสมุนไพรสูงถึง 30,000 ล้านบาท รัฐบาลมีนโยบายให้ความสำคัญในการส่งเสริม คุ้มครอง อนุรักษ์ภูิมิปัญญาไทย และส่งเสริมการใช้การแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือกในระบบบริการสาธารณสุขทุกระดับ
นายวิทยา กล่าวอีกว่า ในปี 2556 ได้วางแผนพัฒนาด้านการแพทย์แผนไทยและสมุนไพร 4 เรื่อง ได้แก่ 1.เร่งผลิตแพทย์แผนไทยส่งไปประจำในโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) ให้ได้ 400 แห่ง 2.พัฒนาโรงพยาบาลตรวจรักษาดูแลด้วยการแพทย์แผนไทยต้นแบบ โดยจะเปิดให้บริการ 14 แห่ง ซึ่งจะมีบริการนวดเพื่อการรักษาและนวดเพื่อส่งเสริมสุขภาพ ซึ่งสามารถช่วยลดการใช้ยาแก้ปวด และยาคลายเครียดได้มาก 3.จัดทำราคากลางอ้างอิงยาแผนไทยในสถานบริการสาธารณสุข เพื่อให้สถานบริการจัดซื้อในราคาที่เป็นมาตรฐานเดียวกันทั่วประเทศ ซึ่งที่ผ่านมา ราคากลางมีเฉพาะยาแผนปัจจุบัน และ 4.เพิ่มรายการยาสมุนไพรในบัญชียาหลักแห่งชาติให้ได้ 100 รายการ ซึ่งปัจจุบันมีแล้ว 71 รายการ ซึ่งจะทำให้มียาสมุนไพรที่มีคุณภาพและความปลอดภัย รักษาอาการเจ็บป่วยมากขึ้น
“การนวดไทยถือเป็นการบำบัดอาการปวดเมื่อยที่ได้ผลดีมากและให้ผลทางจิตใจ โดยจะมีการรวบรวมและพัฒนาองค์ความรู้การนวดอย่างเป็นระบบ ให้เป็นที่ยอมรับและสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนในวงกว้างทั้งในและต่างประเทศ และนำเข้าสู่ระบบการรักษาอาการปวดเมื่อย เนื่องจากวัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหาร หรือวัดโพธิ์ ได้รับการขึ้นทะเบียนนานาชาติจากองค์การยูเนสโก ให้เป็นมรดกความทรงจำแห่งโลก ได้มีการรวบรวมความรู้ต่างๆ ของไทยหลายหมวด จารึกลงบนแผ่นหินอ่อนจำนวน 1,360 แผ่น และหนึ่งในนั้นเป็นหมวดที่ว่าด้วยเรื่อง อนามัย ตำรายา ตำราแพทย์แผนไทย และมีการปั้นรูปฤๅษีดัดตนในท่าต่างๆ จำนวน 80 ท่า เพื่อใช้อธิบายประกอบตำรับตำรา ซึ่งปัจจุบันเป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลาย” รมว.สาธารณสุข กล่าว
นพ.สุพรรณ ศรีธรรมมา อธิบดีกรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กล่าวว่า การจัดประชุมการแพทย์พื้นบ้านลุ่มน้ำโขงครั้งที่ 5 เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนประสบการณ์และความรู้ด้านการแพทย์พื้นบ้านลุ่มน้ำโขง 6 ประเทศ ได้แก่ กัมพูชา จีน ลาว เมียนมาร์ ไทย และ เวียดนาม ซึ่งได้มีการจัดตั้งเครือข่ายความร่วมมือแพทย์พื้นบ้านลุ่มน้ำโขง ร่วมกันพัฒนาและอนุรักษ์การแพทย์พื้นบ้านลุ่มน้ำโขงต่อไป
ทั้งนี้ นายวิทยา ยังได้มอบรางวัลหมอไทยดีเด่นแห่งชาติ พ.ศ.2555 แก่ พ่อหมอสง่า พันธุ์สายศรี หมอพื้นบ้านเหยียบเหล็กแดง แห่งตำบลพะยอม อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา ซึ่งเป็นวิธีการช่วยบรรเทาอาการปวดเมื่อยด้วย
สำหรับกิจกรรมภายในงานมหกรรมสมุนไพรแห่งชาติครั้งที่ 9 อาทิ การแสดงวัฒนธรรมภูมิปัญญาท้องถิ่นด้านสุขภาพ การประชุมวิชาการประจำปี มีการเสวนาทางวิชาการ เรื่อง “แผนยุทธศาสตร์การนวดไทย มรดกไทยสู่มรดกโลก พ.ศ.2555-2559” การประกวดผลงานวิชาการ การฝึกอบรมระยะสั้น 50 หลักสูตร พร้อมมอบประกาศนียบัตรแก่ผู้ผ่านอบรมโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย การนวดตนเองด้วยอุปกรณ์โบราณ การตรวจรักษาด้วยการแพทย์แผนจีน สวนสมุนไพรกว่า 100 ชนิด ซึ่งจะมีการแจกต้นไม้วันละกว่า 3,000 ต้น และหนังสือบันทึกของแผ่นดิน 5 สมุนไพร เป็นต้น
วันนี้ (5 ก.ย.) ที่อิมแพ็ค เมืองทองธานี จ.นนทบุรี นายวิทยา บุรณศิริ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวภายหลังเป็นประธานเปิดงานมหกรรมสมุนไพรแห่งชาติครั้งที่ 9 ภายใต้แนวคิด “นวดไทย มรดกไทย สู่มรดกโลก” และการประชุมการแพทย์พื้นบ้านแม่น้ำโขง ครั้งที่ 5 ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 5-9 ก.ย.2555 ว่า ที่ผ่านมา ภาพรวมของตลาดสินค้าสมุนไพร ยาแผนดั้งเดิม อาหารและผลิตภัณฑ์สุขภาพจากสมุนไพร ในประเทศไทยในปี 2554 มีมูลค่าถึง 2,000 ล้านบาท และคาดว่าในปี 2558 ซึ่งประเทศไทยจะก้าวเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน จะมูลค่าอุตสาหกรรมแปรรูปสมุนไพรสูงถึง 30,000 ล้านบาท รัฐบาลมีนโยบายให้ความสำคัญในการส่งเสริม คุ้มครอง อนุรักษ์ภูิมิปัญญาไทย และส่งเสริมการใช้การแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือกในระบบบริการสาธารณสุขทุกระดับ
นายวิทยา กล่าวอีกว่า ในปี 2556 ได้วางแผนพัฒนาด้านการแพทย์แผนไทยและสมุนไพร 4 เรื่อง ได้แก่ 1.เร่งผลิตแพทย์แผนไทยส่งไปประจำในโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) ให้ได้ 400 แห่ง 2.พัฒนาโรงพยาบาลตรวจรักษาดูแลด้วยการแพทย์แผนไทยต้นแบบ โดยจะเปิดให้บริการ 14 แห่ง ซึ่งจะมีบริการนวดเพื่อการรักษาและนวดเพื่อส่งเสริมสุขภาพ ซึ่งสามารถช่วยลดการใช้ยาแก้ปวด และยาคลายเครียดได้มาก 3.จัดทำราคากลางอ้างอิงยาแผนไทยในสถานบริการสาธารณสุข เพื่อให้สถานบริการจัดซื้อในราคาที่เป็นมาตรฐานเดียวกันทั่วประเทศ ซึ่งที่ผ่านมา ราคากลางมีเฉพาะยาแผนปัจจุบัน และ 4.เพิ่มรายการยาสมุนไพรในบัญชียาหลักแห่งชาติให้ได้ 100 รายการ ซึ่งปัจจุบันมีแล้ว 71 รายการ ซึ่งจะทำให้มียาสมุนไพรที่มีคุณภาพและความปลอดภัย รักษาอาการเจ็บป่วยมากขึ้น
“การนวดไทยถือเป็นการบำบัดอาการปวดเมื่อยที่ได้ผลดีมากและให้ผลทางจิตใจ โดยจะมีการรวบรวมและพัฒนาองค์ความรู้การนวดอย่างเป็นระบบ ให้เป็นที่ยอมรับและสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนในวงกว้างทั้งในและต่างประเทศ และนำเข้าสู่ระบบการรักษาอาการปวดเมื่อย เนื่องจากวัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหาร หรือวัดโพธิ์ ได้รับการขึ้นทะเบียนนานาชาติจากองค์การยูเนสโก ให้เป็นมรดกความทรงจำแห่งโลก ได้มีการรวบรวมความรู้ต่างๆ ของไทยหลายหมวด จารึกลงบนแผ่นหินอ่อนจำนวน 1,360 แผ่น และหนึ่งในนั้นเป็นหมวดที่ว่าด้วยเรื่อง อนามัย ตำรายา ตำราแพทย์แผนไทย และมีการปั้นรูปฤๅษีดัดตนในท่าต่างๆ จำนวน 80 ท่า เพื่อใช้อธิบายประกอบตำรับตำรา ซึ่งปัจจุบันเป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลาย” รมว.สาธารณสุข กล่าว
นพ.สุพรรณ ศรีธรรมมา อธิบดีกรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กล่าวว่า การจัดประชุมการแพทย์พื้นบ้านลุ่มน้ำโขงครั้งที่ 5 เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนประสบการณ์และความรู้ด้านการแพทย์พื้นบ้านลุ่มน้ำโขง 6 ประเทศ ได้แก่ กัมพูชา จีน ลาว เมียนมาร์ ไทย และ เวียดนาม ซึ่งได้มีการจัดตั้งเครือข่ายความร่วมมือแพทย์พื้นบ้านลุ่มน้ำโขง ร่วมกันพัฒนาและอนุรักษ์การแพทย์พื้นบ้านลุ่มน้ำโขงต่อไป
ทั้งนี้ นายวิทยา ยังได้มอบรางวัลหมอไทยดีเด่นแห่งชาติ พ.ศ.2555 แก่ พ่อหมอสง่า พันธุ์สายศรี หมอพื้นบ้านเหยียบเหล็กแดง แห่งตำบลพะยอม อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา ซึ่งเป็นวิธีการช่วยบรรเทาอาการปวดเมื่อยด้วย
สำหรับกิจกรรมภายในงานมหกรรมสมุนไพรแห่งชาติครั้งที่ 9 อาทิ การแสดงวัฒนธรรมภูมิปัญญาท้องถิ่นด้านสุขภาพ การประชุมวิชาการประจำปี มีการเสวนาทางวิชาการ เรื่อง “แผนยุทธศาสตร์การนวดไทย มรดกไทยสู่มรดกโลก พ.ศ.2555-2559” การประกวดผลงานวิชาการ การฝึกอบรมระยะสั้น 50 หลักสูตร พร้อมมอบประกาศนียบัตรแก่ผู้ผ่านอบรมโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย การนวดตนเองด้วยอุปกรณ์โบราณ การตรวจรักษาด้วยการแพทย์แผนจีน สวนสมุนไพรกว่า 100 ชนิด ซึ่งจะมีการแจกต้นไม้วันละกว่า 3,000 ต้น และหนังสือบันทึกของแผ่นดิน 5 สมุนไพร เป็นต้น