“วิทยา” โวนวดไทยสร้างรายได้ให้ประเทศปีละ 2-3 หมื่นล้านบาท ลั่นเป็นศักดิ์ศรีของ สธ.ที่จะเปลี่ยนประเทศไทยให้เป็นมหานครแห่งการนวด เร่งทำทุกสถานพยาบาลของรัฐให้มีนวดไทย เพิ่มการเข้าถึงบริการของประชาชน ชี้ช่วยลดการใช้ยา
วันนี้ (22 ส.ค.) ที่กรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) นายวิทยา บุรณศิริ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวระหว่างงานแถลงข่าวเปิดตัวโครงการ “งานมหกรรมสมุนไพรแห่งชาติ ครั้งที่ 9” ภายใต้แนวคิด “นวดไทย มรดกไทย สู่มรดกโลก” ว่า จากประวัติศาสตร์จารึกในสมัยสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ แสดงให้เห็นถึงความสำคัญของการนวดไทยมาตั้งแต่โบราณ โดยระบุว่า มีกรมหมอนวดซ้ายและขวา ซึ่งต่อมาในรัชสมัยของสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช (รัชกาลที่ 1) และ สมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 3) นับเป็นยุคที่รุ่งเรืองที่สุดของการนวดไทย ฉะนั้น การปล่อยให้การแพทย์แผนไทย และการนวดไทย ซึ่งเป็นภูมิปัญญาของชาติเลือนหายไปคงไม่ใช่เรื่องดี เพราะเรื่องนี้นับเป็นศักดิ์ศรีของกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งมีนโยบายให้การแพทย์แผนไทยอยู่คู่กับคนไทย
นายวิทยา กล่าวอีกว่า ปัจจุบันมีการรณรงค์ให้มีการใช้การนวดไทยแทนยาแก้ปวด แก้อักเสบ เพื่อลดผลข้างเคียงจากยาและค่าใช้จ่ายของประเทศ สำหรับสถานการณ์ด้านการนวดของไทย ขณะนี้มีผู้ประกอบโรคศิลปะสาขาการแพทย์แผนไทย ประเภทนวดไทย จำนวน 1,905 คน ซึ่งในจำนวนนี้ยังไม่นับรวมหมอนวดที่ผ่านการอบรมการนวดเพื่อส่งเสริมสุขภาพ จึงอาจกล่าวได้ว่า ประเทศไทยมีความพร้อมในการให้บริการนวดไทย จึงอยากให้ประเทศไทยเป็นมหานครแห่งการนวด ชาติใดที่ต้องการได้รับการนวดที่ดี นวดโดยหมอนวดที่ชำนาญต้องมาที่ประเทศไทยเท่านั้น
นายวิทยา กล่าวด้วยว่า สธ.ได้ส่งเสริมให้โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) ให้บริการ และทำหน้าที่ในการเผยแพร่ความรู้ด้านการนวดให้กับประชาชน เพื่อให้เกิดการนวดได้อย่างถูกต้องและปลอดภัย ในระดับของสถานบริการและสถานพยาบาลต้องมีคุณภาพและมาตรฐาน โดยเฉพาะสถานพยาบาลของรัฐทุกแห่งต้องมีการให้บริการนวดไทย เพื่อให้คนไทยทุกคนเข้าถึงบริการ ซึ่งจะทำให้การใช้ยาแก้ปวดลดลง นอกจากนี้ ยังมีการสนับสนุนให้มีการวิจัยด้านการนวดไทยแบบบูรณาการ นับเป็นการสร้างมูลค่าทางการตลาดให้กับประเทศไทย โดยมูลค่าทางการตลาดของการนวดไทยสามารถสร้างรายได้ให้กับประเทศปีละ 2-3 หมื่นล้านบาท โดยเฉพาะปี 2558 ซึ่งจะมีการรวมตัวของประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน
นพ.สุพรรณ ศรีธรรมา อธิบดีกรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยฯ กล่าวว่า งานแถลงข่าวมหกรรมสมุนไพรแห่งชาติ ครั้งที่ 9 ได้รับความร่วมมือจากภาคีเครือข่ายในการร่วมจัดนิทรรศการที่น่าสนใจ อาทิ เปิดกรุตำรับยา อาบ อบ ประคบ นวด จากโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร ขณะที่การนวดพื้นบ้านหลายอย่างมีผลวิจัยว่าช่วยรักษาโรคต่างๆ ได้อย่างชัดเจน อาทิ อัมพฤกษ์ อัมพาต นิ้วล็อก เป็นต้น ทั้งนี้ ภายในงานยังมีการเปิดอบรมระยะสั้นสำหรับผู้ที่สนใจกว่า 40 หลักสูตร ทั้งการนวดตัวเอง การนวดกดจุดบำบัด การทำสมาธิบำบัด ซึ่งเป็นการรวมพลังจากแพทย์แผนไทยและแพทย์พื้นบ้าน 5 ภูมิภาคทั่วประเทศ นอกจากนี้ ยังมีการประชุมหมอพื้นบ้านเครือข่ายลุ่มน้ำโขง 6 ประเทศ ได้แก่ กัมพูชา จีน ลาว พม่า เวียดนาม และไทย รวมไปถึงการจำหน่ายผลิตภัณฑ์สมุนไพรด้วย สำหรับงานมหกรรมสมุนไพรแห่งชาติ ครั้งที่ 9 จะจัดขึ้นในวันที่ 5-9 ก.ย.นี้ ที่ฮอลล์ 7-8 อิมแพ็ค เมืองทองธานี
วันนี้ (22 ส.ค.) ที่กรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) นายวิทยา บุรณศิริ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวระหว่างงานแถลงข่าวเปิดตัวโครงการ “งานมหกรรมสมุนไพรแห่งชาติ ครั้งที่ 9” ภายใต้แนวคิด “นวดไทย มรดกไทย สู่มรดกโลก” ว่า จากประวัติศาสตร์จารึกในสมัยสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ แสดงให้เห็นถึงความสำคัญของการนวดไทยมาตั้งแต่โบราณ โดยระบุว่า มีกรมหมอนวดซ้ายและขวา ซึ่งต่อมาในรัชสมัยของสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช (รัชกาลที่ 1) และ สมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 3) นับเป็นยุคที่รุ่งเรืองที่สุดของการนวดไทย ฉะนั้น การปล่อยให้การแพทย์แผนไทย และการนวดไทย ซึ่งเป็นภูมิปัญญาของชาติเลือนหายไปคงไม่ใช่เรื่องดี เพราะเรื่องนี้นับเป็นศักดิ์ศรีของกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งมีนโยบายให้การแพทย์แผนไทยอยู่คู่กับคนไทย
นายวิทยา กล่าวอีกว่า ปัจจุบันมีการรณรงค์ให้มีการใช้การนวดไทยแทนยาแก้ปวด แก้อักเสบ เพื่อลดผลข้างเคียงจากยาและค่าใช้จ่ายของประเทศ สำหรับสถานการณ์ด้านการนวดของไทย ขณะนี้มีผู้ประกอบโรคศิลปะสาขาการแพทย์แผนไทย ประเภทนวดไทย จำนวน 1,905 คน ซึ่งในจำนวนนี้ยังไม่นับรวมหมอนวดที่ผ่านการอบรมการนวดเพื่อส่งเสริมสุขภาพ จึงอาจกล่าวได้ว่า ประเทศไทยมีความพร้อมในการให้บริการนวดไทย จึงอยากให้ประเทศไทยเป็นมหานครแห่งการนวด ชาติใดที่ต้องการได้รับการนวดที่ดี นวดโดยหมอนวดที่ชำนาญต้องมาที่ประเทศไทยเท่านั้น
นายวิทยา กล่าวด้วยว่า สธ.ได้ส่งเสริมให้โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) ให้บริการ และทำหน้าที่ในการเผยแพร่ความรู้ด้านการนวดให้กับประชาชน เพื่อให้เกิดการนวดได้อย่างถูกต้องและปลอดภัย ในระดับของสถานบริการและสถานพยาบาลต้องมีคุณภาพและมาตรฐาน โดยเฉพาะสถานพยาบาลของรัฐทุกแห่งต้องมีการให้บริการนวดไทย เพื่อให้คนไทยทุกคนเข้าถึงบริการ ซึ่งจะทำให้การใช้ยาแก้ปวดลดลง นอกจากนี้ ยังมีการสนับสนุนให้มีการวิจัยด้านการนวดไทยแบบบูรณาการ นับเป็นการสร้างมูลค่าทางการตลาดให้กับประเทศไทย โดยมูลค่าทางการตลาดของการนวดไทยสามารถสร้างรายได้ให้กับประเทศปีละ 2-3 หมื่นล้านบาท โดยเฉพาะปี 2558 ซึ่งจะมีการรวมตัวของประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน
นพ.สุพรรณ ศรีธรรมา อธิบดีกรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยฯ กล่าวว่า งานแถลงข่าวมหกรรมสมุนไพรแห่งชาติ ครั้งที่ 9 ได้รับความร่วมมือจากภาคีเครือข่ายในการร่วมจัดนิทรรศการที่น่าสนใจ อาทิ เปิดกรุตำรับยา อาบ อบ ประคบ นวด จากโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร ขณะที่การนวดพื้นบ้านหลายอย่างมีผลวิจัยว่าช่วยรักษาโรคต่างๆ ได้อย่างชัดเจน อาทิ อัมพฤกษ์ อัมพาต นิ้วล็อก เป็นต้น ทั้งนี้ ภายในงานยังมีการเปิดอบรมระยะสั้นสำหรับผู้ที่สนใจกว่า 40 หลักสูตร ทั้งการนวดตัวเอง การนวดกดจุดบำบัด การทำสมาธิบำบัด ซึ่งเป็นการรวมพลังจากแพทย์แผนไทยและแพทย์พื้นบ้าน 5 ภูมิภาคทั่วประเทศ นอกจากนี้ ยังมีการประชุมหมอพื้นบ้านเครือข่ายลุ่มน้ำโขง 6 ประเทศ ได้แก่ กัมพูชา จีน ลาว พม่า เวียดนาม และไทย รวมไปถึงการจำหน่ายผลิตภัณฑ์สมุนไพรด้วย สำหรับงานมหกรรมสมุนไพรแห่งชาติ ครั้งที่ 9 จะจัดขึ้นในวันที่ 5-9 ก.ย.นี้ ที่ฮอลล์ 7-8 อิมแพ็ค เมืองทองธานี