ที่ปรึกษารองผู้ว่าฯ กทม.ยืนยันจัดหารถขยะโปร่งใส พร้อมเตรียมจัดหารถดูดเลนเพิ่มอีก 8 คัน วอนชี้ “ภักดีหาญส์” ต้องการทำลายความเชื่อถือ “สุขุมพันธุ์” ชวนเล่นการเมืองสะอาดอย่า white lie
นายอัศวัชร์ อภัยวงศ์ ที่ปรึกษาของ นายธีระชน มโนมัยพิบูลย์ รองผู้ว่าฯ กทม.เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 31 ส.ค.ที่ผ่านมา นายจุมพล สำเภาพล รองปลัด กทม.ได้รายงานผลการตรวจสอบข้อมูลโครงการของ กทม.หลังจากที่เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว นายภักดีหาญส์ หิมะทองคำ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และสมาชิกพรรคเพื่อไทย แถลงข่าวกล่าวหา กทม.เรื่อง การทุจริตจัดหารถขยะของสำนักสิ่งแวดล้อม ทั้งนี้ ยืนยันว่า ไม่ใช่งานในกำกับดูแลของนายธีระชน และเบื้องต้นจากการตรวจสอบกรณีนี้สำนักสิ่งแวดล้อมเจ้าของโครงการได้ดำเนินการประกวดราคาอย่างโปร่งใส และสามารถให้ทุกหน่วยงานตรวจสอบได้ ส่วนกรณีการจัดหารถดูดเลนให้แก่สำนักงานเขตต่างๆ นั้น ก็เกิดจากความต้องการของแต่ละหน่วยงานและขณะนี้มีการร้องขอให้จัดหาเพิ่มเติมอีกอย่างน้อย 8 สำนักงานเขต ขณะที่โครงการจัดซื้อเครื่องมือหนักนั้น ทางสำนักการโยธาก็ได้ใช้วิธีประกวดราคาแบบอิเล็กทรอนิกส์ หรือ E-Auction ไม่ใช่วิธีพิเศษ อีกทั้งโครงการดังกล่าวอนุมัติโดยรองผู้ว่าฯ ท่านเดิมซึ่งได้ลาออกไป ส่วนที่มีการระบุว่านายธีระชนเป็นผู้ลงนามอนุมัติโครงการและเสนอของบประมาณนั้น เป็นการลงนามสั่งการให้สำนักการโยธาเจ้าของโครงการตรวจสอบเรื่องร้องเรียนให้เสร็จสิ้นก่อน ซึ่งเป็นการเซ็นคำสั่งชะลอโครงการไม่ใช่เร่งรัดตามที่เป็นข่าว
นายอัศวัชร์ กล่าวต่อว่า ล่าสุด ภายหลังนายธีระชน ได้หารือ ทั้งกับทนายความส่วนตัว และทีมที่ปรึกษาด้านกฎหมายของ กทม.เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา เบื้องต้นได้ข้อสรุปว่าจะยื่นเรื่องฟ้องร้องต่อทุกศาลที่เกี่ยวข้อง ขอให้พิจารณาดำเนินคดีนายภักดีหาญส์ ฐานหมิ่นประมาททำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง อีกทั้งทำให้หน่วยงาน หรือองค์กรได้รับความเสียหายอย่างร้ายแรงด้วย ทั้งนี้ โดยเฉพาะกรณีที่นายภักดีหาญส์ซึ่งปัจจุบันดำรงตำแหน่งเป็นรองโฆษกประจำสำนักนายกฯ ซึ่งถือว่าเป็นเจ้าหน้าที่รัฐได้เจตนาใช้อำนาจหน้าที่แถลงข่าวใส่ร้ายป้ายสี หรือกล่าวหาผู้อื่นขณะที่ข้อเท็จจริงยังไม่ปรากฎ และใช้ทำเนียบรัฐบาลเป็นสถานที่จัดการแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ ด้วยประการทั้งปวงนี้ นับเป็นการกระทำหรือการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบด้วยกฎหมายทั้งสิ้นจึงจำเป็นต้องฟ้องร้องเอาผิดถึงที่สุด โดยคาดว่าจะรวบรวมหลักฐานยื่นฟ้องได้ภายในไม่เกินสัปดาห์นี้
“ขอให้ นายภักดีหาญส์ รอรับหมายศาลได้เลย ทั้งนี้ เพื่อป้องกันไม่ให้ทำเนียบรัฐบาลซึ่งเป็นสถานที่สำคัญในการบริหารบ้านเมืองถูกใช้เป็นสถานที่ใส่ร้ายป้ายสีกันทางการเมือง ซึ่งการออกมาให้ข่าวของนายภักดีหาญส์ในครั้งนี้ชัดเจนว่า มีวัตถุประสงค์ทางการเมือง คือ ต้องการสาดโคลนโดยพุ่งเป้าทำลายความน่าเชื่อถือของ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯ กทม.ที่ประกาศลงสมัครกลับเข้ามาบริหาร กทม.อีกสมัย อย่างไรก็ตาม เมื่อข้าราชการประจำระดับรองปลัดกทม.ที่กำกับหน่วยงานออกมายืนยันเช่นนี้แล้ว ก็เท่ากับว่า สิ่งที่ นายภักดีหาญส์ นำมาแถลงกล่าวหา กทม.นั้น เป็นการหมิ่นประมาทอย่างชัดเจน จึงอยากขอร้องให้พรรคเพื่อไทยอย่าสรรหาเรื่องโกหกเพื่อใช้หาเสียงไปวันๆ แบบ white lie ต่อไปอีกเลย” นายอัศวัชร์ กล่าว
นายอัศวัชร์ อภัยวงศ์ ที่ปรึกษาของ นายธีระชน มโนมัยพิบูลย์ รองผู้ว่าฯ กทม.เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 31 ส.ค.ที่ผ่านมา นายจุมพล สำเภาพล รองปลัด กทม.ได้รายงานผลการตรวจสอบข้อมูลโครงการของ กทม.หลังจากที่เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว นายภักดีหาญส์ หิมะทองคำ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และสมาชิกพรรคเพื่อไทย แถลงข่าวกล่าวหา กทม.เรื่อง การทุจริตจัดหารถขยะของสำนักสิ่งแวดล้อม ทั้งนี้ ยืนยันว่า ไม่ใช่งานในกำกับดูแลของนายธีระชน และเบื้องต้นจากการตรวจสอบกรณีนี้สำนักสิ่งแวดล้อมเจ้าของโครงการได้ดำเนินการประกวดราคาอย่างโปร่งใส และสามารถให้ทุกหน่วยงานตรวจสอบได้ ส่วนกรณีการจัดหารถดูดเลนให้แก่สำนักงานเขตต่างๆ นั้น ก็เกิดจากความต้องการของแต่ละหน่วยงานและขณะนี้มีการร้องขอให้จัดหาเพิ่มเติมอีกอย่างน้อย 8 สำนักงานเขต ขณะที่โครงการจัดซื้อเครื่องมือหนักนั้น ทางสำนักการโยธาก็ได้ใช้วิธีประกวดราคาแบบอิเล็กทรอนิกส์ หรือ E-Auction ไม่ใช่วิธีพิเศษ อีกทั้งโครงการดังกล่าวอนุมัติโดยรองผู้ว่าฯ ท่านเดิมซึ่งได้ลาออกไป ส่วนที่มีการระบุว่านายธีระชนเป็นผู้ลงนามอนุมัติโครงการและเสนอของบประมาณนั้น เป็นการลงนามสั่งการให้สำนักการโยธาเจ้าของโครงการตรวจสอบเรื่องร้องเรียนให้เสร็จสิ้นก่อน ซึ่งเป็นการเซ็นคำสั่งชะลอโครงการไม่ใช่เร่งรัดตามที่เป็นข่าว
นายอัศวัชร์ กล่าวต่อว่า ล่าสุด ภายหลังนายธีระชน ได้หารือ ทั้งกับทนายความส่วนตัว และทีมที่ปรึกษาด้านกฎหมายของ กทม.เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา เบื้องต้นได้ข้อสรุปว่าจะยื่นเรื่องฟ้องร้องต่อทุกศาลที่เกี่ยวข้อง ขอให้พิจารณาดำเนินคดีนายภักดีหาญส์ ฐานหมิ่นประมาททำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง อีกทั้งทำให้หน่วยงาน หรือองค์กรได้รับความเสียหายอย่างร้ายแรงด้วย ทั้งนี้ โดยเฉพาะกรณีที่นายภักดีหาญส์ซึ่งปัจจุบันดำรงตำแหน่งเป็นรองโฆษกประจำสำนักนายกฯ ซึ่งถือว่าเป็นเจ้าหน้าที่รัฐได้เจตนาใช้อำนาจหน้าที่แถลงข่าวใส่ร้ายป้ายสี หรือกล่าวหาผู้อื่นขณะที่ข้อเท็จจริงยังไม่ปรากฎ และใช้ทำเนียบรัฐบาลเป็นสถานที่จัดการแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ ด้วยประการทั้งปวงนี้ นับเป็นการกระทำหรือการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบด้วยกฎหมายทั้งสิ้นจึงจำเป็นต้องฟ้องร้องเอาผิดถึงที่สุด โดยคาดว่าจะรวบรวมหลักฐานยื่นฟ้องได้ภายในไม่เกินสัปดาห์นี้
“ขอให้ นายภักดีหาญส์ รอรับหมายศาลได้เลย ทั้งนี้ เพื่อป้องกันไม่ให้ทำเนียบรัฐบาลซึ่งเป็นสถานที่สำคัญในการบริหารบ้านเมืองถูกใช้เป็นสถานที่ใส่ร้ายป้ายสีกันทางการเมือง ซึ่งการออกมาให้ข่าวของนายภักดีหาญส์ในครั้งนี้ชัดเจนว่า มีวัตถุประสงค์ทางการเมือง คือ ต้องการสาดโคลนโดยพุ่งเป้าทำลายความน่าเชื่อถือของ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯ กทม.ที่ประกาศลงสมัครกลับเข้ามาบริหาร กทม.อีกสมัย อย่างไรก็ตาม เมื่อข้าราชการประจำระดับรองปลัดกทม.ที่กำกับหน่วยงานออกมายืนยันเช่นนี้แล้ว ก็เท่ากับว่า สิ่งที่ นายภักดีหาญส์ นำมาแถลงกล่าวหา กทม.นั้น เป็นการหมิ่นประมาทอย่างชัดเจน จึงอยากขอร้องให้พรรคเพื่อไทยอย่าสรรหาเรื่องโกหกเพื่อใช้หาเสียงไปวันๆ แบบ white lie ต่อไปอีกเลย” นายอัศวัชร์ กล่าว
