รองโฆษก รบ.อ้างสิทธิคน กทม. ชี้ทุจริต 3 โครงการ กทม. “รถเก็บขนมูลฝอย-รถดูดล้างท่อ-รถบดสั่นสะเทือนล้อเหล็ก” พบล็อกสเปกเอื้อพรรค ปชป. ไม่ได้ใช้ประโยชน์ แถมจัดซื้อไม่ระบุวงเงิน ซัดผลาญงบทิ้งทวนก่อนเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. เตรียมยื่น ป.ป.ช.สอบ
วันนี้ (30 ส.ค.) นายภักดีหาญส์ หิมะทองคำ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงถึงความไม่ชอบมาพากลในหลายโครงการของ กทม.ว่า ที่ตนแถลงวันนี้ไม่ใช่ในฐานะรองโฆษกรัฐบาล แต่แถลงในฐานะคน กทม.ที่เสียภาษี เนื่องจากพบว่ามีหลายโครงการของ กทม.มีความไม่ชอบมาพากล และเป็นการใช้เงินอย่างสุรุ่ยสุร่าย คือ 1. โครงการเช่ารถเก็บขนมูลฝอย จำนวน 4 โครงการวงเงิน 4 พันกว่าล้านบาท ซึ่งโครงการขนาดใหญ่มีเพียง 2 บริษัทเสนอราคา คือ บริษัท อิทธิพร อิมปอร์ต จำกัด และ ห.จ.ก.ที.ไอ.พี.ออโต้พาร์ท และ 2 บริษัทเป็นผู้ได้งานทั้งหมดทั้งที่มีผู้ร่วมประมูล 13 ราย ซึ่งงบประมาณส่วนนี้อยู่สำนักงานสิ่งแวดล้อม มีนายธีระชน มโนมัยพิบูลย์ รองผู้ว่าฯ กทม.ดูแล ซึ่งเห็นได้ชัดว่ามีการล็อกสเปกให้ 2 บริษัทเข้ามาดำเนินการได้
นายภักดีหาญส์กล่าวต่อว่า 2. โครงการรถดูดล้างท่อขนาด 3 ลูกบาศก์เมตร จำนวน 42 คัน ยี่ห้ออีซูซุ รุ่น FRR90LZL ราคาคันละ 8,145,000 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 342 ล้านบาท รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม 22 ล้านบาท ซึ่งโครงการดังกล่าวเป็นการยัดเยียดให้แต่ละเขต ทั้งที่ไม่มีการร้องขอ และยังพบว่ารถดังกล่าวไม่สามารถใช้การได้ 3. โครงการจัดซื้อรถบดสั่นสะเทือนล้อเหล็ก จำนวน 5 ชุด รถขุดตีนตะขาบแขนยาวพร้อมหัวคีบตัดจำนวน 2 ชุด รถไสผิวถนนขนาดความกว้างหัวไสไม่น้อยกว่า 2 เมตร พร้อมรถเทรลเลอร์หัวลากและหางกึ่งพ่วงชานต่ำขนาดบรรทุกไม่น้อยกว่า 35 ตัน จำนวน 3 ชุด รวม 1 พันล้านบาท ซึ่งการจัดซื้อรถแต่ละชุดไม่ได้มีการระบุวงเงินการจัดซื้อ ทั้งนี้มีการคุยเรื่องนี้เพียง 2 วัน ก็ตกลงจัดซื้อแล้ว
ทั้งนี้ งบประมาณดังกล่าวนี้อยู่ในงบประมาณปี 55 โดยงบฯ 1000 ล้านบาท วางตัวเลขกลมๆ แต่ไม่ได้ระบุว่า 1 พันล้านบาทจะนำไปซื้ออะไร โดยนายธีระชนได้โอนงบฯ ดังกล่าวให้สำนักงานโยธาธิการ 1 พันล้านบาทภายใน 2 วัน และไม่มีการระบุสเปก และเงินส่วนนี้ 100 ล้านบาท ใช้งบฯปี 55 อีก 900 ล้านบาท ใช้งบฯปี 56 อยากถามว่าถ้าไม่ทิ้งทวนก่อนครบวาระการเป็นผู้ว่าฯ หรือรองผู้ว่าฯ ทำไมไม่รอให้ผู้ว่าฯคนใหม่เข้ามาจัดสรรงบประมาณ ดำเนินการแบบนี้เพราะต้องการใช้งบฯ ให้หมดหรือไม่ ทั้งที่รู้ว่าจะมีการเลือกตั้งในเดือนมกราคม 2556 นี้
นายภักดีหาญส์กล่าวต่อว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่เพราะมีหลายหน่วยงานทำหนังสือเปิดผนึกร้องเรียน เพราะโดนฮั้วประมูลโดย กทม.ทำให้ไม่สามารถเข้าไปเปิดซองได้ตามกฎหมาย และ 2-3 บริษัทเป็นของพรรคประชาธิปัตย์เอง โครงการเหล่านี้ยังส่อพิรุธเพราะกำหนดเงื่อนไขผู้เสนอราคาต้องเป็นผู้ผลิต หรือผู้แทนจำหน่ายที่ได้รับการแต่งตั้งโดยตรงจากผู้ผลิตคุรุภัณฑ์ทุกประเภท ภายใน 180 วัน
“ถือเป็นการกีดกันตัวแทนจำหน่ายอื่น ถ้าไม่หมายความว่าล็อกให้บริษัทที่ต้องการเข้ามา จะออกข้อกำหนดอย่างนี้ทำไม มันผิดกฎหมายชัดเจน เรื่องทั้งหมดผมจะมีการยื่นให้กับคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) โดยบริษัทที่เป็นผู้เสียหายที่ไม่สามารถเข้าร่วมการประมูลได้ เพราะมีการผูกขาดข้อกำหนดไว้ที่จะเป็นผู้ยื่นเอง นอกจากนี้ ผมจะรวบรวมเอกสารทั้งหมดให้กับกระทรวงมหาดไทยในฐานะหน่วยงานที่กำกับดูแลด้วย” นายภักดีหาญส์กล่าว