กทม.คุมเข้มขออนุญาตใช้พื้นที่หลังเกิดเหตุถนนอโศกยุบตัว พร้อมเตรียมหารือหน่วยงานสาธารณูปโภคลงนามใน MOU ให้มีวิศวกรอิสระเพื่อควบคุมงาน จัดทำประกันอุบัติเหตุสำหรับบุคคลที่ 3 และแจ้งแบล็กลิสต์บริษัทผู้รับเหมาที่ไม่ได้มาตรฐานให้ กทม.ทราบ
นายธีระชน มโนมัยพิบูลย์ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) แถลงภายหลังการประชุมผู้บริหาร กทม.ถึงกรณีถนนยุบตัวบริเวณถนนอโศกมนตรีเมื่อวันที่ 19 ส.ค.ที่ผ่านมาว่า จากการตรวจสอบเหตุการณ์ดังกล่าวพบว่า เกิดจากความบกพร่องของผู้รับเหมาหน่วยงานสาธารณูปโภคซึ่งเกิดขึ้นหลายครั้งแล้ว คณะผู้บริหาร กทม.จึงเห็นควรให้สำนักการโยธา (สนย.) ประสานผู้บริหารหน่วยงานสาธารณูปโภคเพื่อหารือในการจัดทำบันทึกความเข้าใจร่วมกัน (MOU) โดยนอกเหนือจากให้มีวิศวกรเพื่อควบคุมงานโครงการต่างๆ ตามปกติแล้ว จะกำหนดให้มีวิศวกรอิสระ (Independence Consulting Engineer : ICE) เพิ่มเติม เพื่อให้เข้าไปมีส่วนร่วมในการควบคุมงานด้วย ซึ่งเป็นมาตรฐานสากลที่หลายประเทศถือปฏิบัติเช่นเดียวกัน รวมทั้งให้หน่วยงานจัดทำประกันอุบัติเหตุเพื่อประกันความเสียหายในชีวิตและทรัพย์สินของบุคคลที่สาม ในกรณีเกิดเหตุไม่คาดคิด และจัดทำบัญชีดำ (Blacklist) บริษัทที่ไม่ได้มาตรฐาน แล้วแจ้งให้กทม.รับทราบด้วย
นายธีระชนกล่าวอีกว่า ถึงแม้ กทม.จะได้จัดทำคู่มือก่อสร้างสาธารณูปโภคปี 2550 ในถนนสายหลัก เพื่อแจกจ่ายให้แก่หน่วยงานต่างๆ ไปแล้ว แต่ก็พบว่าหลายครั้งที่หน่วยงานไม่ได้ถือปฏิบัติตาม ยังมีการปล่อยปละละเลยกับผู้รับเหมา ซึ่งเหตุการณ์ล่าสุดที่เกิดขึ้นก็พบว่าไม่มีวิศวกรผู้ควบคุมโครงการอยู่ในพื้นที่ด้วย ดังนั้น ในการขออนุญาตเพื่อเข้าใช้พื้นที่ของ กทม.ดำเนินการใดๆในอนาคต กทม.จะไม่อนุญาตให้ง่ายๆ อีกต่อไป ซึ่งถือเป็นมาตรการในการดูแลรับผิดชอบเบื้องต้นของ กทม.
สำหรับมาตรฐานถนนในพื้นที่กรุงเทพฯ ปัจจุบันพบว่ามีถนนหลายสายที่มีการใช้งานเกินอายุการออกแบบ จึงต้องมีการตรวจสอบและแก้ไข ปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง โดยในระยะสั้นภายหลังการใช้เครื่องสแกนเพื่อตรวจคุณภาพพื้นผิวถนน กทม.ได้ซ่อมแซมแก้ไขไปแล้ว 169 จุด ระยะกลางดำเนินการปรับปรุงถนนสายใหญ่ไปแล้วกว่า 50% สำหรับระยะยาวจะมีการจัดซื้อเครื่องสแกนเพื่อติดตั้งบนรถและทำการสแกนในพื้นที่ให้ทั่วถึงต่อไป
นายธีระชน มโนมัยพิบูลย์ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) แถลงภายหลังการประชุมผู้บริหาร กทม.ถึงกรณีถนนยุบตัวบริเวณถนนอโศกมนตรีเมื่อวันที่ 19 ส.ค.ที่ผ่านมาว่า จากการตรวจสอบเหตุการณ์ดังกล่าวพบว่า เกิดจากความบกพร่องของผู้รับเหมาหน่วยงานสาธารณูปโภคซึ่งเกิดขึ้นหลายครั้งแล้ว คณะผู้บริหาร กทม.จึงเห็นควรให้สำนักการโยธา (สนย.) ประสานผู้บริหารหน่วยงานสาธารณูปโภคเพื่อหารือในการจัดทำบันทึกความเข้าใจร่วมกัน (MOU) โดยนอกเหนือจากให้มีวิศวกรเพื่อควบคุมงานโครงการต่างๆ ตามปกติแล้ว จะกำหนดให้มีวิศวกรอิสระ (Independence Consulting Engineer : ICE) เพิ่มเติม เพื่อให้เข้าไปมีส่วนร่วมในการควบคุมงานด้วย ซึ่งเป็นมาตรฐานสากลที่หลายประเทศถือปฏิบัติเช่นเดียวกัน รวมทั้งให้หน่วยงานจัดทำประกันอุบัติเหตุเพื่อประกันความเสียหายในชีวิตและทรัพย์สินของบุคคลที่สาม ในกรณีเกิดเหตุไม่คาดคิด และจัดทำบัญชีดำ (Blacklist) บริษัทที่ไม่ได้มาตรฐาน แล้วแจ้งให้กทม.รับทราบด้วย
นายธีระชนกล่าวอีกว่า ถึงแม้ กทม.จะได้จัดทำคู่มือก่อสร้างสาธารณูปโภคปี 2550 ในถนนสายหลัก เพื่อแจกจ่ายให้แก่หน่วยงานต่างๆ ไปแล้ว แต่ก็พบว่าหลายครั้งที่หน่วยงานไม่ได้ถือปฏิบัติตาม ยังมีการปล่อยปละละเลยกับผู้รับเหมา ซึ่งเหตุการณ์ล่าสุดที่เกิดขึ้นก็พบว่าไม่มีวิศวกรผู้ควบคุมโครงการอยู่ในพื้นที่ด้วย ดังนั้น ในการขออนุญาตเพื่อเข้าใช้พื้นที่ของ กทม.ดำเนินการใดๆในอนาคต กทม.จะไม่อนุญาตให้ง่ายๆ อีกต่อไป ซึ่งถือเป็นมาตรการในการดูแลรับผิดชอบเบื้องต้นของ กทม.
สำหรับมาตรฐานถนนในพื้นที่กรุงเทพฯ ปัจจุบันพบว่ามีถนนหลายสายที่มีการใช้งานเกินอายุการออกแบบ จึงต้องมีการตรวจสอบและแก้ไข ปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง โดยในระยะสั้นภายหลังการใช้เครื่องสแกนเพื่อตรวจคุณภาพพื้นผิวถนน กทม.ได้ซ่อมแซมแก้ไขไปแล้ว 169 จุด ระยะกลางดำเนินการปรับปรุงถนนสายใหญ่ไปแล้วกว่า 50% สำหรับระยะยาวจะมีการจัดซื้อเครื่องสแกนเพื่อติดตั้งบนรถและทำการสแกนในพื้นที่ให้ทั่วถึงต่อไป