ภาคประชาชน เตรียมล่ารายชื่อ 200 องค์กร ค้านการเจรจาการค้าเสรีเหล้า-บุหรี่ ซัดกรมเจรจาฯตบหน้าประชาชน เห็นแก่เงินจนมองข้ามความตายคนในประเทศ ฝาก ครม.แสดงความกล้าหาญปกป้องคนไทย
วันนี้ (19 ส.ค.) นายชูวิทย์ จันทรส เลขานุการเครือข่ายรณรงค์ป้องกันภัยแอลกอฮอล์ (ครปอ.) กล่าวถึงกรณีที่กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ ได้ประชุมร่วมกับผู้บริหารระดับสูงและเตรียมยื่นข้อเสนอต่อ คณะรัฐมนตรี (ครม.) ให้ยกเลิกยุทธศาสตร์นโยบายแอลกอฮอล์ระดับชาติ ของสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ เพื่อหวังเปิดทางให้เครื่องดื่มแอลกอฮอล์และบุหรี่เป็นสินค้าที่ต้องเจรจาการค้าเสรีกับสหภาพยุโรป (อียู) ว่า เป็นที่น่าเสียใจที่กรมเจรจาฯบิดเบียนความคิดเห็นของประชาชนชนิดหน้ามือเป็นหลังมือ เพราะการเปิดรับฟังความคิดเห็นกรณีการเจรจาการค้าเสรีระหว่างไทยกับอียู เมื่อปี 2553 ภาคประชาชนได้เข้าร่วมทุกเวที อีกทั้งในที่ประชุมต่างเห็นด้วย และ ครม.ได้ให้การรับรองมติที่ประชุมสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ โดยระบุไว้ชัดเจนว่า ขอให้รัฐบาลและทุกภาคส่วนของสังคมไทย ให้สัตยาบัน ว่า จะให้ความสําคัญกับผลกระทบต่อ สุขภาวะและสังคม ไม่น้อยไปกว่าผลประโยชน์ ทางเศรษฐกิจ ในทุกกระบวนการที่เกี่ยวข้องกับกลไกการค้าระหว่างประเทศ และแสดงจุดยืนในการป้องกันผลกระทบดังกล่าวต่อคู่เจรจาต่างประเทศ และขอให้กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ จัดทํากรอบการเจรจาการค้าเสรีระหว่างประเทศที่ไม่ขัดแย้งกับมติสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ รวมถึงนโยบายและยุทธศาสตร์แห่งชาติที่เกี่ยวข้อง
“เรารู้สึกผิดหวังที่ผลสุดท้ายกรมเจรจาฯได้ฉีกความคิดเห็นของภาคประชาชนโยนทิ้งอย่างไม่ไยดี และที่เจ็บปวดกว่านั้นยังเสนอให้แก้ไขมติ ครม.การกระทำดังกล่าวจึงเป็นการตบหน้าประชาชน โดยเอาเงินและเศรษฐกิจเป็นตัวตั้งมองข้ามชีวิต ความเป็นความตายของประชาชน เพราะข้อมูลวิชาการ ก็บ่งชี้ว่า คนไทยเสียชีวิตจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ปีละกว่า 5 หมื่นคน บาดเจ็บพิการอีกหลายเท่าตัว ยังไม่นับรวมมูลค่าความสูญเสียอื่นๆ ขณะเดียวกัน เครื่องดื่มแอลกอฮอล์และบุหรี่จะทำให้การค้าเสรีเป็นการ “ฆ่าเสรี” เพราะตัวเลขประชากรทั่วโลกที่เสียชีวิตจากสินค้า 2 ชนิดนี้ มีมากกว่าคนที่เสียชีวิตจากอาวุธสงครามถึง 30 เท่า” นายชูวิทย์ กล่าว
นายชูวิทย์ กล่าวอีกว่า เครือข่ายภาคประชาชนจะเตรียมล่ารายชื่อองค์กรต่างๆ ที่ไม่เห็นด้วย ให้ได้มากกว่า 200 องค์กร เพื่อยื่นคัดค้านเรื่องดังกล่าวต่อ ครม.และพร้อมที่จะเคลื่อนไหวเพื่อทวงถามและตรวจสอบการทำงานของกรมเจรจาฯ อย่างไรก็ตาม เชื่อว่า คณะรัฐมนตรีจะไม่ทำตามข้อเสนอของกรมเจรจาฯเพราะจะเท่ากับเป็นการหักหลังประชาชน ทั้งนี้ เราอยากเห็นรัฐบาลมีความกล้าหาญในการปกป้องชีวิตและสุขภาพคนไทย มากกว่าจะมองมติด้านเศรษฐกิจเพียงอย่างเดียว ซึ่งปัจจุบันประเทศไทยกำลังถูกจับตามองในความก้าวหน้าด้านนโยบายควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในระดับสากล สอดคล้องกับองค์การอนามัยโลกที่ต้องการแก้ไขปัญหานี้
วันนี้ (19 ส.ค.) นายชูวิทย์ จันทรส เลขานุการเครือข่ายรณรงค์ป้องกันภัยแอลกอฮอล์ (ครปอ.) กล่าวถึงกรณีที่กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ ได้ประชุมร่วมกับผู้บริหารระดับสูงและเตรียมยื่นข้อเสนอต่อ คณะรัฐมนตรี (ครม.) ให้ยกเลิกยุทธศาสตร์นโยบายแอลกอฮอล์ระดับชาติ ของสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ เพื่อหวังเปิดทางให้เครื่องดื่มแอลกอฮอล์และบุหรี่เป็นสินค้าที่ต้องเจรจาการค้าเสรีกับสหภาพยุโรป (อียู) ว่า เป็นที่น่าเสียใจที่กรมเจรจาฯบิดเบียนความคิดเห็นของประชาชนชนิดหน้ามือเป็นหลังมือ เพราะการเปิดรับฟังความคิดเห็นกรณีการเจรจาการค้าเสรีระหว่างไทยกับอียู เมื่อปี 2553 ภาคประชาชนได้เข้าร่วมทุกเวที อีกทั้งในที่ประชุมต่างเห็นด้วย และ ครม.ได้ให้การรับรองมติที่ประชุมสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ โดยระบุไว้ชัดเจนว่า ขอให้รัฐบาลและทุกภาคส่วนของสังคมไทย ให้สัตยาบัน ว่า จะให้ความสําคัญกับผลกระทบต่อ สุขภาวะและสังคม ไม่น้อยไปกว่าผลประโยชน์ ทางเศรษฐกิจ ในทุกกระบวนการที่เกี่ยวข้องกับกลไกการค้าระหว่างประเทศ และแสดงจุดยืนในการป้องกันผลกระทบดังกล่าวต่อคู่เจรจาต่างประเทศ และขอให้กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ จัดทํากรอบการเจรจาการค้าเสรีระหว่างประเทศที่ไม่ขัดแย้งกับมติสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ รวมถึงนโยบายและยุทธศาสตร์แห่งชาติที่เกี่ยวข้อง
“เรารู้สึกผิดหวังที่ผลสุดท้ายกรมเจรจาฯได้ฉีกความคิดเห็นของภาคประชาชนโยนทิ้งอย่างไม่ไยดี และที่เจ็บปวดกว่านั้นยังเสนอให้แก้ไขมติ ครม.การกระทำดังกล่าวจึงเป็นการตบหน้าประชาชน โดยเอาเงินและเศรษฐกิจเป็นตัวตั้งมองข้ามชีวิต ความเป็นความตายของประชาชน เพราะข้อมูลวิชาการ ก็บ่งชี้ว่า คนไทยเสียชีวิตจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ปีละกว่า 5 หมื่นคน บาดเจ็บพิการอีกหลายเท่าตัว ยังไม่นับรวมมูลค่าความสูญเสียอื่นๆ ขณะเดียวกัน เครื่องดื่มแอลกอฮอล์และบุหรี่จะทำให้การค้าเสรีเป็นการ “ฆ่าเสรี” เพราะตัวเลขประชากรทั่วโลกที่เสียชีวิตจากสินค้า 2 ชนิดนี้ มีมากกว่าคนที่เสียชีวิตจากอาวุธสงครามถึง 30 เท่า” นายชูวิทย์ กล่าว
นายชูวิทย์ กล่าวอีกว่า เครือข่ายภาคประชาชนจะเตรียมล่ารายชื่อองค์กรต่างๆ ที่ไม่เห็นด้วย ให้ได้มากกว่า 200 องค์กร เพื่อยื่นคัดค้านเรื่องดังกล่าวต่อ ครม.และพร้อมที่จะเคลื่อนไหวเพื่อทวงถามและตรวจสอบการทำงานของกรมเจรจาฯ อย่างไรก็ตาม เชื่อว่า คณะรัฐมนตรีจะไม่ทำตามข้อเสนอของกรมเจรจาฯเพราะจะเท่ากับเป็นการหักหลังประชาชน ทั้งนี้ เราอยากเห็นรัฐบาลมีความกล้าหาญในการปกป้องชีวิตและสุขภาพคนไทย มากกว่าจะมองมติด้านเศรษฐกิจเพียงอย่างเดียว ซึ่งปัจจุบันประเทศไทยกำลังถูกจับตามองในความก้าวหน้าด้านนโยบายควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในระดับสากล สอดคล้องกับองค์การอนามัยโลกที่ต้องการแก้ไขปัญหานี้
