xs
xsm
sm
md
lg

ล้างบัญชีดำ...หัวโจกตัวจี๊ด สู่เส้นทาง..สุภาพบุรุษอาชีวะ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

เมื่อต้องฝึกความอดทน
โดย...รัชญา จันทะรัง

...เสียงหัวเราะที่เราได้ยินดังแว่วมาจากป่าภายในอาณาบริเวณของโรงเรียนสงครามพิเศษ ศูนย์สงครามพิเศษ ค่ายเอราวัณ จ.ลพบุรี ที่บรรดานักเรียนอาชีวะตัวจี๊ดจากสถาบันต่างๆ มารวมตัวกันฝึกการดำรงชีพในป่าหนึ่งในเส้นทางฝึกความเป็นสุภาพบุรุษตามโครงการสุภาพบุรุษอาชีวะ แต่กว่าที่พวกเขาเหล่านี้จะมีเสียงหัวเราะร่วมกันได้นั้นไม่ใช่เรื่องง่ายแต่ก็ไม่ใช่เรื่องยากถ้าพวกเขากล้าที่จะเปลี่ยนแปลง!!
ว่าที่สุภาพบุรุษอาชีวะ ปอนด์
ปอนด์” เจ้าของรหัสประจำตัว 336 อายุ 18 ปี เล่าว่า ตนเองถูกโรงเรียนส่งมาพร้อมกับเพื่อนอีก 6 คน โดยเฉพาะตนเองอยู่ในรายชื่อบัญชีดำของโรงเรียน เพราะเป็นหัวโจกของแก๊งเพชรเกษม 81 ซึ่งมีสมาชิกกลุ่มประมาณ 30 คน ที่คอยกลับบ้านด้วยกัน ซึ่งที่โรงเรียนจะมีประมาณ 15-16 แก๊งตามสายรถเมล์ที่ผ่านหน้าโรงเรียน แต่แก๊งที่ตนเองอยู่ ถือว่าเป็นแก๊งที่ใหญ่ที่สุด ตอนที่เข้า ปวช.ปี 1 ก็เริ่มเกเร พอปี 2 ก็เริ่มดูแลน้องแต่เพราะไม่ตั้งใจเรียนเลยต้องออกไปแล้วเข้าใหม่ถึง 2 รอบ

“ผมไม่อยากมา 10 อาทิตย์มันนานไปถ้าเดือนนึงก็พอไหว แต่พ่อบอกว่าดี เพราะจะได้ดัดสันดาน ส่วนย่าไม่อยากให้มานี่ ก่อนมาย่าก็ร้องไห้เกือบทำให้ไม่มีกำลังใจจะมา และพอมาถึงที่นี่ก็เจออริ 3 โรงเรียนๆ 7-8 คน ก็คิดในใจขอดูคนที่เคยยิงน้องของเราที่เพชรเกษม 48 และตัดสินไปถามเขาว่านายยิงน้องเราเหรอ เขาบอกผมว่ารุ่นน้องผมไปเร้าเขาก่อน ก็ฟังหูไว้หู”
ความในใจจากสมุดบันทึกส่วนตัว
เจ้าของรหัส 336 เล่าต่อว่า ช่วงที่ผ่านมา จะได้รับการฝึกระเบียบวินัย การตรงต่อเวลา ฝึกกำลังกาย กำลังใจ ครูฝึกโหด แต่ชอบที่สุด คือ ครูเข้มเพราะครูให้ความเป็นกันเอง

ช่วงแรกที่มาอยู่ ทุกคนก็วางแผนหนีกัน เพราะเราเคยอยู่สบาย เคยตื่น 8 โมงไปโรงเรียน นี่ต้องตื่นตี 5 มาวิ่ง มันกดดัน ทีวีก็ไม่ได้ดู โทรศัพท์ก็คุยไม่ได้ จนเราไปยื่นเรื่องกันขอคุยโทรศัพท์ทุกวันอาทิตย์ ซึ่งเขาก็ให้ พอเข้าอาทิตย์ที่ 2 ไหนๆ ก็ไหนๆ ละ จากที่ต่างคนต่างมองหน้ากันก็เริ่มพูดคุยกัน เพราะอยู่ใกล้กัน ไม่มีใครจะคุยด้วย ก็เริ่มมีการหยิบยืมของกันจนตอนนี้เป็นเพื่อนกันไม่คิดอะไรแล้ว"
ฝึกการดำรงชีพในป่า
ปอนด์ บอกด้วยว่า หลังฝึกเสร็จแล้ว ก็ต้องกลับแก๊งเพราะเป็นรุ่นพี่ต้องไปดูแลรุ่นน้อง ซึ่งก็ต้องสั่งน้องๆ อย่าไปหาเรื่องให้อยู่นิ่งๆ สอนให้น้องหักห้ามใจ ถ้าไม่ไหวจริงๆ ก็ให้ป้องกันตัว เห็นท่าไม่ดีก็ให้วิ่งหนีไว้ก่อน เพราะสำคัญที่สุด คือ เรียนให้จบดีกว่า แต่ส่วนตัวเห็นว่ามันยากมากที่จะไม่ให้มีเรื่อง

ผมตั้งใจจะเรียนต่อมหาวิทยาลัยสาขาวิศวะไฟฟ้าที่สถาบันเทคโนโลยีปทุมวัน หรือราชมงคลเทคนิคกรุงเทพ หรือที่พระนครเหนือ อันนี้ยากนิดนึงแต่ก็เป็นสิ่งที่เราฝันไว้ และสักครั้งหนึ่งในชีวิตอยากจะกอดพ่อกับแม่ พร้อมๆ กัน เพราะตอนนี้อยู่กับย่า พ่อกับแม่เลิกกัน บางทีก็อิจฉา แต่ตรงนี้ก็ไม่ได้ทำให้เป็นเด็กมีปัญหา เพราะมีย่าอยู่ด้วย
ว่าที่สุภาพบุรุษอาชีวะ บอล
ไม่ต่างจาก “บอล” หนุ่มน้อยอาชีวะ วัย 17 ปี จากคณะวังน้อย ที่บอกถึงความใฝ่ฝันของตนเองว่า อยากมีชื่อเสียง มีหน้ามีตาในวงศ์ตระกูล ประกอบอาชีพสุจริต แต่ก่อนที่จะถึงวันนั้น ก็จะต้องมานะเรียนขยันอดทน ซึ่งตนเองเชื่อว่าทำได้แน่นอน 100 เปอร์เซ็นต์

บอล ย้อนถึงเส้นทางของตนเองว่า สมัครใจมาโดยคุณครูที่โรงเรียนมาถาม ก็เลยตัดสินใจมากับเพื่อนๆ รวม 11 คนจากคณะวังน้อย ที่มีสมาชิกประมาณ 40-50 คน ซึ่งมาจากหลายโรงเรียนร่วมกัน โดยย่านนั้นจะมีประมาณ 3-4 คณะ ถ้าสมมติต้องมาโรงเรียนเพียงคนเดียว หรือ 2 คน ก็จะมีแก๊งจากโรงเรียนอื่นดักเล่นอยู่ ก็เลยต้องเข้ากลุ่ม เพราะต้องมาเส้นทางนี้อยู่แล้ว ซึ่งที่ผ่านมาก็เคยเจอฝ่ายตรงข้ามเอามีดมาแต่ไม่เคยได้รับบาดเจ็บ โดยสาเหตุส่วนใหญ่มาจากมองหน้ากัน
ต้มยำ ฝีมือของว่าที่สุภาพบุรุษอาชีวะ
สำหรับการมาฝึกความเป็นสุภาพบุรุษอาชีวะนั้น ความรู้สึกของบอลไม่ต่างจากปอนด์ที่พบกับปัญหาการปรับตัวให้เข้าได้กับระเบียบวินัยในแบบฉบับของทหาร แต่ท้ายที่สุดบอลก็ปรับตัวได้ ส่วนการต้องมาเจอกับอริต่างโรงเรียนนั้น บอลเองก็หลีกเลี่ยงไม่ได้เช่นกัน

“เจอครับ เห็นตอนแรกก็หมั่นไส้อยากเอาคืน แต่มานี่ก็เป็นเพื่อนกันแล้ว ก็คุยกันจะไม่มีเรื่องกันอีก กลับไปผมก็จะไปบอกกับรุ่นพี่ ปวส.เขาจบไปแล้ว และมีครอบครัว ซึ่งคนในกลุ่มจะเชื่อพี่คนนี้ เพราะพี่เขาจะมีเหตุผล ที่มาฝึกที่นี่พี่เขาก็บอกว่าดีแล้ว”
ล้อมวงก่อนรับประทาน
บอล ยังบอกถึงความในใจของเขาด้วยว่า “ถ้าออกไปจะไปหาพ่อแม่ ไปหาญาติบอกเขาว่าหนูเป็นเด็กดี น้องชายผมจะสอนประจำ เขาอยู่ ป.5 เขาจะมาถามเสมอว่า พี่บอลเรียนเพื่อจบหรือเรียนเพื่ออย่างอื่น ผมก็บอกน้องว่าเรียนเพื่อจบ น้องก็จะถามต่อว่าจบแล้วจะทำยังไงจะส่งพ่อแม่ไหม ก็บอกเขาว่าส่งดิ ถ้าตอนนี้พ่อกับแม่มาหาก็จะกราบ และจะบอกว่าโครตคิดถึงพ่อกับแม่เลย โดยเฉพาะตอนอยู่บ้านก็ไปรับส่งแม่เวลาทำงาน พอไม่ได้เจอหน้าเหมือนขาดอะไรไปซักอย่าง"

ด้านครูฝึกเฉพาะกิจอย่าง จ่าสิบตรี พงศ์พิศิษฐ์ กลั่นความดี หรือครูแมนของเด็กๆ บอกถึงความรู้สึกที่ต้องมารับภารกิจนี้ ว่า รู้สึกตื่นเต้นที่ได้รับเกียรตินี้ เพราะเป็นงานระดับชาติ ก็จะนำประสบการณ์จากการเป็นวิทยากรต่างๆ มาถ่ายทอดให้กับเด็กๆ ช่วงแรกที่ฝึกเขาก็รู้สึกหนักใจ เพราะเขามาจากต่างโรงเรียน ต่างกลุ่ม นิสัยแต่ละคนก็แตกต่างกัน แต่ตอนหลังพวกเขาก็เริ่มปรับตัวได้ จึงคลายความหนักใจไปมาก
จ่าสิบตรีพงศ์พิศิษฐ์ กลั่นความดี - ครูแมน
"ณ ตอนนี้ผมมั่นใจว่า เราปรับทัศนคติของเขาได้ 100 เปอร์เซ็นต์ แต่พอเขาก้าวออกไปก็ต้องให้สังคมตัดสิน ซึ่งสิ่งที่เราทำตอนนี้ คือ ต้องปลูกฝังจิตสำนึกให้เขาเรียนรู้ถึงสิ่งที่เขาผ่านมามันทำร้ายตัวเองบอบช้ำมากพอ อยากจะให้เขาเอาลมหายใจสะอาดไปดูแลตัวเอง

ครูแมน ยังฝากถึงเด็กอาชีวะอื่นๆ ที่ไม่ได้มาด้วยว่า น่าเสียดาย เพราะเขาพลาดที่จะมาเรียนรู้การใช้ชีวิตร่วมกัน แต่อย่างไรก็ตาม ส่วนตัวก็อยากให้มีจิตสำนึกถึงหน้าที่ของตนเอง ได้รู้จักสร้างความรัก เสริมความอบอุ่นให้ความสำคัญกับครอบครัวมากกว่ากลุ่มเพื่อน และให้เลือกคบแต่เพื่อนดีๆ
พร้อม !!
กำลังโหลดความคิดเห็น