“กรมศิลป์” พบกำแพงเก่าชั้นในเมืองเชียงใหม่ 4 จุด ทรุด-เอียง ระบุ เกิดจากการสูบน้ำเข้าออก-แรงสั่นสะเทือนจากรถวิ่ง ประสาน วิศวะ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ตรวจโครงสร้าง
นายเอนก สีหามาตย์ รองอธิบดีกรมศิลปากร กล่าวว่า เมื่อเร็วๆ นี้ สำนักศิลปากรที่ 8 เชียงใหม่ ได้ประชุมหารือกับภาควิชาวิศวกรรมโยธา คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เรื่อง การติดตามเฝ้าระวังความมั่นคงแข็งแรงของกำแพงเมืองเก่า อ.เมือง จ.เชียงใหม่ ด้วนวิธีเรียลไทม์ มอนิเตอร์ (Real Time Monitoring) และแนวทางการบำรุงรักษา ว่า จากที่สำนักศิลปากรที่ 8 เชียงใหม่ ตรวจสอบสภาพทั่วไปปัจจุบันของกำแพงเมืองเก่าชั้นใน ที่สันนิษฐานว่า สร้างในสมัยพระยาเม็งราย พบว่ามีสภาพชำรุดทรุดโทรม จำนวน 4 แห่ง คือ ที่แจ่งศรีภูมิ ที่แจ่งขะต้ำ ที่แจ่งกู่เฮือง และที่แจ่งหัวลิน โดยพบร่องรอยการทรุดตัว เอียงตัว และการพังทลายไปแล้วเป็นบางส่วน และมีแนวโน้มทรุดโทรมเพิ่มขึ้นหากปล่อยทิ้งไว้ โดยไม่มีการเฝ้าระวังตรวจสอบและบำรุงรักษาที่เหมาะสม รวมทั้งไม่สามารถที่จะทราบได้ว่าสภาพความมั่นคงแข็งแรงของกำแพงเมืองในปัจจุบันมีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างไรบ้าง
นายเอนก บอกว่า สาเหตุที่ทำให้กำแพงเมืองเสื่อมสภาพ เช่น อิฐปูนของกำแพง การสั่นสะเทือนจากแผ่นดินไหว การสั่นสะเทือนจากยานพาหนะซึ่งนับวันจะมากขึ้น รวมทั้งการจัดการน้ำที่มีการสูบน้ำบริเวณรอบคูเมืองในลักษณะที่มีการลด และเพิ่มระดับน้ำในคูเมืองอย่างรวดเร็วและบ่อยครั้ง อาจมีผลต่อความมั่นคงของฐานรากของกำแพงเมืองเก่านี้โดยตรง ดังนั้น ทางสำนักศิลปากรที่ 8 เชียงใหม่จึงเห็นควรที่ร่วมมือกับคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เฝ้าระวังตรวจวัดความเปลี่ยนแปลงดังกล่าว
“การสูบน้ำออกอย่างรวดเร็ว แล้วปล่อยน้ำเข้ามาใหม่ เกรงส่งผลให้อิฐกำแพงเมืองซึ่งอุ้มน้ำอยู่ตลอดเวลาปรับตัวไม่ทัน อย่างที่กรณีวัดไชยวัฒนาราม ตอนที่น้ำท่วมอิฐมีการแช่น้ำอยู่นาน 2 เดือน ทางเจ้าหน้าที่กรมศิลปากรไม่กล้าสูบน้ำออกหมดทีเดียว เพราะว่าเวลาน้ำลดไม่ได้อุ้มอยู่โบราณสถานไว้ คูเมืองเชียงใหม่ก็เหมือนกันเวลาลดน้ำทีเดียว อาจจะทำให้อิฐปริรอยแตก กำแพงรับน้ำหนักไม่ไหวได้ จะทำให้พังทลาย เกิดความเสียหายตามมาได้ นอกจากนี้กำลังศึกษาสภาพกำแพงว่าแรงสั่นสะเทือนของรถยนต์ที่วิ่งรอบคูเมืองมีผลกระทบต่อกำแพงหรือไม่” นายเอนก กล่าว
นายเอนก สีหามาตย์ รองอธิบดีกรมศิลปากร กล่าวว่า เมื่อเร็วๆ นี้ สำนักศิลปากรที่ 8 เชียงใหม่ ได้ประชุมหารือกับภาควิชาวิศวกรรมโยธา คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เรื่อง การติดตามเฝ้าระวังความมั่นคงแข็งแรงของกำแพงเมืองเก่า อ.เมือง จ.เชียงใหม่ ด้วนวิธีเรียลไทม์ มอนิเตอร์ (Real Time Monitoring) และแนวทางการบำรุงรักษา ว่า จากที่สำนักศิลปากรที่ 8 เชียงใหม่ ตรวจสอบสภาพทั่วไปปัจจุบันของกำแพงเมืองเก่าชั้นใน ที่สันนิษฐานว่า สร้างในสมัยพระยาเม็งราย พบว่ามีสภาพชำรุดทรุดโทรม จำนวน 4 แห่ง คือ ที่แจ่งศรีภูมิ ที่แจ่งขะต้ำ ที่แจ่งกู่เฮือง และที่แจ่งหัวลิน โดยพบร่องรอยการทรุดตัว เอียงตัว และการพังทลายไปแล้วเป็นบางส่วน และมีแนวโน้มทรุดโทรมเพิ่มขึ้นหากปล่อยทิ้งไว้ โดยไม่มีการเฝ้าระวังตรวจสอบและบำรุงรักษาที่เหมาะสม รวมทั้งไม่สามารถที่จะทราบได้ว่าสภาพความมั่นคงแข็งแรงของกำแพงเมืองในปัจจุบันมีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างไรบ้าง
นายเอนก บอกว่า สาเหตุที่ทำให้กำแพงเมืองเสื่อมสภาพ เช่น อิฐปูนของกำแพง การสั่นสะเทือนจากแผ่นดินไหว การสั่นสะเทือนจากยานพาหนะซึ่งนับวันจะมากขึ้น รวมทั้งการจัดการน้ำที่มีการสูบน้ำบริเวณรอบคูเมืองในลักษณะที่มีการลด และเพิ่มระดับน้ำในคูเมืองอย่างรวดเร็วและบ่อยครั้ง อาจมีผลต่อความมั่นคงของฐานรากของกำแพงเมืองเก่านี้โดยตรง ดังนั้น ทางสำนักศิลปากรที่ 8 เชียงใหม่จึงเห็นควรที่ร่วมมือกับคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เฝ้าระวังตรวจวัดความเปลี่ยนแปลงดังกล่าว
“การสูบน้ำออกอย่างรวดเร็ว แล้วปล่อยน้ำเข้ามาใหม่ เกรงส่งผลให้อิฐกำแพงเมืองซึ่งอุ้มน้ำอยู่ตลอดเวลาปรับตัวไม่ทัน อย่างที่กรณีวัดไชยวัฒนาราม ตอนที่น้ำท่วมอิฐมีการแช่น้ำอยู่นาน 2 เดือน ทางเจ้าหน้าที่กรมศิลปากรไม่กล้าสูบน้ำออกหมดทีเดียว เพราะว่าเวลาน้ำลดไม่ได้อุ้มอยู่โบราณสถานไว้ คูเมืองเชียงใหม่ก็เหมือนกันเวลาลดน้ำทีเดียว อาจจะทำให้อิฐปริรอยแตก กำแพงรับน้ำหนักไม่ไหวได้ จะทำให้พังทลาย เกิดความเสียหายตามมาได้ นอกจากนี้กำลังศึกษาสภาพกำแพงว่าแรงสั่นสะเทือนของรถยนต์ที่วิ่งรอบคูเมืองมีผลกระทบต่อกำแพงหรือไม่” นายเอนก กล่าว
