“สมพงษ์” ชี้ ปรับ ครม.ไม่ควรเปลี่ยนตัว รมว.ศึกษาธิการ เหตุงานสะดุด ไม่ส่งผลดีต่อการพัฒนาการศึกษา พร้อมจี้ “สุชาติ” ชัดเจนเอาผิดกรณีทุจริตอาชีวะ
รศ.ดร.สมพงษ์ จิตระดับ อาจารย์ประจำคณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวถึงกระแสการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ตนเห็นว่า การปรับ ครม.ในครั้งนี้ไม่ควรมีการเปลี่ยนตัว รมว.ศึกษาธิการ เนื่องจากที่ผ่านมา ศธ.มีการเปลี่ยนรัฐมนตรีบ่อยครั้ง ทำให้นโยบายขาดการสานต่อบางโครงการเป็นเรื่องที่ดี โครงการต่างๆ ที่ ศธ.ดำเนินการอยู่จะถูกเปลี่ยนหมดยกเว้นเรื่องโครงการแจกแท็บเล็ต อย่างไรก็ตาม นโยบายกวาดล้างการทุจริต ซึ่ง ศ.ดร.สุชาติ ธาดาธำรงเวช รมว.ศึกษาธิการ เสนอวิสัยทัศน์ไปว่า จะกวาดล้างเรื่องการทุจริตคอร์รัปชันให้หมดไปนั้น เป็นสิ่งที่ดีเพียง แต่ ศ.ดร.สุชาติ ยังขาดความไม่ชัดเจนและไม่กล้าตัดสินใจเด็ดขาด โดยเฉพาะกรณีการทุจริตการจัดซื้อครุภัณฑ์อาชีวศึกษา ของสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) ซึ่งก็ปรากฏข้อมูลหลักฐานที่ชัดเจนเพียงพอให้ตัดสินใจได้แล้วแต่ก็ไม่ดำเนินการ
ทั้งนี้ ยอมรับว่า รมว.ศึกษาธิการ ยังไม่ทำงานแบบลงลึก บางเรื่องยังลอยอยู่โดยเฉพาะงานพัฒนาคุณภาพการศึกษาซึ่งเป็นหัวใจสำคัญ แต่ตนมองว่า ต้องให้โอกาส ศ.ดร.สุชาติ ทำงานก่อน เพราะว่าเขาเป็นนักเศรษฐศาสตร์ อาจยังไม่รู้ว่าระบบการศึกษาแต่ละแท่งเป็นอย่างไร ทีมที่ปรึกษาก็ไม่รู้เรื่องการศึกษา ที่สำคัญ รมว.ศึกษาธิการ เกือบทุกสมัย มักไม่รู้อนาคตตัวเองว่า จะได้อยู่ยาวหรือไม่ จึงไม่สนใจทำงานพัฒนาคุณภาพการศึกษา เพราะเป็นงานที่ใช้เวลานานกว่าจะเห็นผล ทั้งนี้ ถ้าจะปฏิรูปการศึกษาให้ได้อย่างเห็นผล รมว.ศึกษาธิการ ต้องปฏิบัติการแบบลงพื้นที่ ไปดูข้อเท็จจริงว่าการศึกษาในระดับรากหญ้าซึ่งมีคนจำนวนมากเป็นอย่างไร ต้องพัฒนาจากล่างขึ้นบน
“การปรับ ครม.เป็นเรื่องของการเมือง เมื่อมีนักการเมืองเข้ามาบริหารกระทรวงทุกคนก็มักจะคิดว่าตัวเองอยู่ไม่ยาว เวลาทำงานก็หวังผลงานเพียงระยะสั้นๆ ผลงานที่เกี่ยวข้องกับคุณภาพการศึกษาจะไม่มีเพราะต้องวัดผลกันยาว ทำให้นักการเมืองส่วนใหญ่มักจะไม่ลงลึกเรื่องการพัฒนาคุณภาพ เพราะต้องใช้เวลา ดังนั้น หากนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีจะเลือกคนทำงานขับเคลื่อนการศึกษาก็ต้องเลือกคนที่มีคุณสมบัติและกล้าตัดสินใจและต้องให้เขาอยู่เพื่อแก้ปัญหา เพราะศธ.มีปัญหามาก หาส่งคนมาเป็น รมว.ศึกษาธิการ แค่ 1 ปีก็ยังแก้ปัญหาไม่ได้ ซ้ำยิ่งทำให้ระบบราชการแข็งตัว” รศ.ดร.สมพงษ์ กล่าว
รศ.ดร.สมพงษ์ จิตระดับ อาจารย์ประจำคณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวถึงกระแสการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ตนเห็นว่า การปรับ ครม.ในครั้งนี้ไม่ควรมีการเปลี่ยนตัว รมว.ศึกษาธิการ เนื่องจากที่ผ่านมา ศธ.มีการเปลี่ยนรัฐมนตรีบ่อยครั้ง ทำให้นโยบายขาดการสานต่อบางโครงการเป็นเรื่องที่ดี โครงการต่างๆ ที่ ศธ.ดำเนินการอยู่จะถูกเปลี่ยนหมดยกเว้นเรื่องโครงการแจกแท็บเล็ต อย่างไรก็ตาม นโยบายกวาดล้างการทุจริต ซึ่ง ศ.ดร.สุชาติ ธาดาธำรงเวช รมว.ศึกษาธิการ เสนอวิสัยทัศน์ไปว่า จะกวาดล้างเรื่องการทุจริตคอร์รัปชันให้หมดไปนั้น เป็นสิ่งที่ดีเพียง แต่ ศ.ดร.สุชาติ ยังขาดความไม่ชัดเจนและไม่กล้าตัดสินใจเด็ดขาด โดยเฉพาะกรณีการทุจริตการจัดซื้อครุภัณฑ์อาชีวศึกษา ของสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) ซึ่งก็ปรากฏข้อมูลหลักฐานที่ชัดเจนเพียงพอให้ตัดสินใจได้แล้วแต่ก็ไม่ดำเนินการ
ทั้งนี้ ยอมรับว่า รมว.ศึกษาธิการ ยังไม่ทำงานแบบลงลึก บางเรื่องยังลอยอยู่โดยเฉพาะงานพัฒนาคุณภาพการศึกษาซึ่งเป็นหัวใจสำคัญ แต่ตนมองว่า ต้องให้โอกาส ศ.ดร.สุชาติ ทำงานก่อน เพราะว่าเขาเป็นนักเศรษฐศาสตร์ อาจยังไม่รู้ว่าระบบการศึกษาแต่ละแท่งเป็นอย่างไร ทีมที่ปรึกษาก็ไม่รู้เรื่องการศึกษา ที่สำคัญ รมว.ศึกษาธิการ เกือบทุกสมัย มักไม่รู้อนาคตตัวเองว่า จะได้อยู่ยาวหรือไม่ จึงไม่สนใจทำงานพัฒนาคุณภาพการศึกษา เพราะเป็นงานที่ใช้เวลานานกว่าจะเห็นผล ทั้งนี้ ถ้าจะปฏิรูปการศึกษาให้ได้อย่างเห็นผล รมว.ศึกษาธิการ ต้องปฏิบัติการแบบลงพื้นที่ ไปดูข้อเท็จจริงว่าการศึกษาในระดับรากหญ้าซึ่งมีคนจำนวนมากเป็นอย่างไร ต้องพัฒนาจากล่างขึ้นบน
“การปรับ ครม.เป็นเรื่องของการเมือง เมื่อมีนักการเมืองเข้ามาบริหารกระทรวงทุกคนก็มักจะคิดว่าตัวเองอยู่ไม่ยาว เวลาทำงานก็หวังผลงานเพียงระยะสั้นๆ ผลงานที่เกี่ยวข้องกับคุณภาพการศึกษาจะไม่มีเพราะต้องวัดผลกันยาว ทำให้นักการเมืองส่วนใหญ่มักจะไม่ลงลึกเรื่องการพัฒนาคุณภาพ เพราะต้องใช้เวลา ดังนั้น หากนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีจะเลือกคนทำงานขับเคลื่อนการศึกษาก็ต้องเลือกคนที่มีคุณสมบัติและกล้าตัดสินใจและต้องให้เขาอยู่เพื่อแก้ปัญหา เพราะศธ.มีปัญหามาก หาส่งคนมาเป็น รมว.ศึกษาธิการ แค่ 1 ปีก็ยังแก้ปัญหาไม่ได้ ซ้ำยิ่งทำให้ระบบราชการแข็งตัว” รศ.ดร.สมพงษ์ กล่าว