ครม.ไฟเขียวร่าง กฎ ก.ค.ศ.เงินเดือนสูงกว่าขั้นต่ำ หรือสูงกว่าขั้นสูง พร้อมมอบ ก.ค.ศ.แก้ไขเกณฑ์สรรหา ผอ./รอง ผอ.โดยเฉพาะประเด็นผู้ขึ้นบัญชีถูกตัดสิทธิ์เมื่อไม่ได้บรรจุใน ร.ร.ในเลือกไว้
ศ.ดร.สุชาติ ธาดาธำรงเวช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ที่ประชุมมีมติเห็นชอบหลักการ ร่าง กฎ ก.ค.ศ.ว่าด้วยการให้ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาได้รับเงินเดือนสูงกว่าหรือขั้นต่ำกว่า หรือสูงกว่าขั้นสูงของอันดับ (ฉบับที่..) พ.ศ....ตามที่ ศธ.เสนอ ซึ่งจะมีผลให้ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาได้รับขวัญและกำลังใจและสิทธิประโยชน์อย่างเป็นธรรมเสมอภาคกันยิ่งขึ้น ดังนี้ 1.ครูผู้ช่วยเมื่อผ่านการเตรียมความพร้อมและพัฒนาอย่างเข้มแล้วจะได้รับการ แต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งครูให้ได้รับเงินเดือนในอันดับ คศ.1 ตามที่คณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) กำหนด โดยไม่ต้องใช้ตารางเทียบขั้นเงินเดือนเหมือนเดิม 2.กรณีครูผู้ช่วยเมื่อได้รับเงินเดือนถึงขั้นสูงของอันดับครูผู้ช่วยแล้วให้ ได้รับเงินเดือนสูงกว่าขั้นสูงของอันดับครูผู้ช่วยได้ โดยให้ไปอาศัยรับเงินเดือนอันดับ คศ.1 ในขั้น หรืออัตราเงินเดือนเท่าเดิม รวมทั้งกรณีผู้ได้รับผลกระทบจากการปรับอัตราเงินเดือนแรกบรรจุวุฒิปริญญาตรี 15,000 บาทด้วย เช่น ข้าราชการครูวุฒิปริญญาเอกเมื่อเงินเดือนถึงขั้นสูงของอันดับครูผู้ช่วยหรือ อัตรา 17,690 บาท เมื่อมีคำสั่งเลื่อนเงินเดือนให้ไปรับเงินเดือนอันดับ คศ.1 ในอัตรา 17,910 บาท และเลื่อนสูงต่อไปได้ และ 3.ครูที่เงินเดือนถึงขึ้นสูงของอันดับ คศ.2 และ คศ.3 หรือ คศ.4 จะได้รับการเลื่อนเงินเดือนต่อไปได้โดยให้ไปรับเงินเดือนในอันดับถัดไปได้อีกหนึ่งอันดับ ซึ่งในขั้นตอนต่อไปจะต้องเร่งส่งเรื่องให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาพิจารณาต่อไป
ขณะนี้ได้มอบให้สำนักงาน ก.ค.ศ.และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปพิจารณาการปรับแก้หลักเกณฑ์และวิธีการสรรหาข้าราชการครู และบุคลากรทางการศึกษาเพื่อบรรจุและแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งรองผู้อำนวยการ และผู้อำนวยการสถานศึกษาใหม่ โดยสาระหลักที่จะให้ปรับแก้นั้นจะเป็นในเรื่องของการเลือกบรรจุและแต่งตั้ง จะต้องปรับแก้ไม่ให้ผู้ที่สอบขึ้นบัญชีได้ถูกตัดสิทธิ์หากไม่สามารถที่จะเลือกบรรจุแต่งตั้งในโรงเรียนที่เลือกไว้ได้ เนื่องจากการสอบขึ้นบัญชีนี้จะมีระยะเวลา 2 ปี ดังนั้น จึงไม่ควรจะมาตัดสิทธิ์กันเพียงวันเดียว เพราะสาเหตุที่ผู้สอบขึ้นบัญชีไม่สามารถเลือกโรงเรียนที่จะบรรจุได้ ซึ่งเรื่องนี้คาดว่าน่าจะต้องใช้เวลาในการพิจารณากันอย่างรอบคอบเพื่อรักษา สิทธิ์ของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาที่สอบขึ้นบัญชีได้
รมว.ศึกษาธิการ กล่าวต่อว่า การเสนอให้ปรับแก้หลักเกณฑ์ครั้งนี้เป็นเพราะมีผู้ที่สอบขึ้นบัญชีได้ในคราวนี้ ได้ร้องเรียนมาที่ตนเพื่อขอให้ปรับหลักเกณฑ์ในคราวนี้ แต่ก็ได้แจ้งไปว่าไม่สามารถปรับในครั้งนี้ ดังนั้น ตนจึงให้ปรับหลักเกณฑ์เพื่อใช้ในการสอบคัดเลือกเพื่อบรรจุและแต่งตั้งในครั้งต่อไป ส่วนกรณีมีผู้ที่สอบขึ้นบัญชีได้ไปฟ้องร้องศาลปกครองกลางเพื่อให้ศาลมีคำสั่งให้ ก.ค.ศ.หรือ สพฐ.ไม่ให้ยกเลิกการขึ้นบัญชีในเขตพื้นที่การศึกษาของผู้ ที่สอบขึ้นบัญชีได้ แต่ไม่ได้เลือกสถานศึกษาที่จะบรรจุและแต่งตั้งและขอให้ออกคำสั่งให้มีการทบทวนหลักเกณฑ์และวิธีการสรรหาข้าราชการครูฯนั้นเป็นสิทธิ์ที่จะดำเนินการได้ แต่ ศธ.คงจะไปพิจารณาช่วยเหลืออะไรไม่ได้ ดังนั้น คงต้องรอดูหากศาลปกครองกลางจะมีคำพิพากษาออกมาเช่นไร