“จิตแพทย์” ชี้ ชายสาดน้ำกรดเหยื่อ อาจไม่เข้าข่ายป่วยจิตเภท ย้ำ แค่จัดระบบความคิดไม่เป็น-ขาดคุณธรรม แนะญาติ-สังคม เข้าใจ กระตุ้นให้รู้สึกผิดดีกว่าสร้างความโกรธเพิ่มเติม
พญ.อัมพร เบญจพลพิทักษ์ ผู้อำนวยการสำนักพัฒนาสุขภาพจิต กรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวถึงกรณีของชายที่มีพฤติกรรมสาดน้ำกรดใส่ผู้คน ว่า แม้ประเทศไทยจะมีสถานการณ์ของผู้ป่วยที่ได้รับผลกระทบจากการใช้ยาเสพติด จนเกิดภาวะทางสมองทั้งหลอนประสาท กล่อมประสาท และมีหลายรายที่ป่วยจิตเภท จนซึมเศร้า และต้องใช้ยารักษาจำนวนไม่น้อย แต่กรณีของการทำร้ายผู้อื่นในลักษณะของผู้ชายที่สาดน้ำกรดนี้ ก็มีได้ไม่บ่อย เพราะการกระทำของชายดังกล่าวเป็นการกระทำที่อุกอาจ และสะสมความแค้นในสังคม ซึ่งในผู้ป่วยจิตเภททั่วไปไม่สามารถจะดำเนินการได้ต่อเนื่องนัก สะท้อนว่า อาการอาจเข้าข่ายเก็บกด และมีความคิดที่ไม่เป็นระบบ สักเท่าไหร่ ขาดการไตร่ตรองจริยธรรม และขาดความกลัวต่อการกระทำที่ผิดกฎหมาย
“อาการของผู้ต้องหารายนี้ จากพฤติกรรมยินยันว่า ไม่ได้ป่วย แต่เกิดจากการสะสมความเกลียดชังมานาน จึงก่อความรุนแรงที่ทำให้คนอื่นเดือดร้อน และส่วนมากของผู้ที่จัดความคิดไม่เป็นระบบ มักขาดคุณธรรมเสมอ และฟุ้งซ่าน ขณะเดียวกันฤทธิ์จากยาเสพติดก็ส่งผลให้สมองควบคุมเหตุผลคลายตัว กลุ่มนี้ก็จะทำผิดกฎหมายโดยไม่เกรงกลัวบทลงโทษ” พญ.อัมพร กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า หากกรณีชายผู้นี้มีปัญหาเกี่ยวกับความคิดที่ไร้คุณธรรมจริงๆ แล้วได้รับการลงโทษตามกฎหมาย เพราะก่ออาชญากรรม ลักษณะทำร้ายร่างายผู้อื่น แล้วจะมีผลต่อการสร้างความเกลียดชังในสังคมมากด้วยหรือไม่ พญ.อัมพร กล่าวว่า เนื่องจากชายดังกล่าว ไม่ได้มีภาวะจิตที่ผิดปกติแบบป่วยจิตเภท และเสพยาไอซ์เข้าไปปริมาณมาก ดังนั้น คิดว่า ไม่น่าจะเกี่ยวข้องกัน เพราะการลงโทษ คือ สิ่งที่ผู้ร้ายเองก็ไม่เคยเกรงกลัว สิ่งที่สังคมต้องเข้าใจ ผู้ร้ายรู้ตัวดีว่า เขาต้องเจอบทลงโทษ แต่ที่ยังฝืนทำ เพราะสะสมความเกลียด ดังนั้น ข้อแนะนำเบื้องต้นสำหรับเหยื่อเคราะห์ร้ายและญาติของผู้ร้ายที่ดีที่สุด คือ ต้องปล่อยให้เป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม แต่ในขณะเดียวกัน ก็ควรให้อภัย และให้กำลังใจกับการยอมรับผิด หรือรู้สึกผิด ไม่ใช่พยายามสร้างความโกรธเพิ่มเติมด้วยการเคียดแค้น อย่างน้อยก็ให้ผู้ร้ายรู้ตัวว่า เขากำลังขาดจริยธรรม จำเป็นต้องปรับปรุง เพื่อให้อารมณ์นั้นดีขึ้น