ศธ.เสนอตั้งงบติด CCTV ด้านซ้ายของรถเมล์ ส่อง นร.อาชีวะ หากมีการรวมตัวก่อเหตุจะได้เร่งสกัดทัน พร้อมผุดไอเดียตั้งวิทยาลัยเฉพาะทางฝึกอาชีพในค่ายทหาร สำหรับเด็กที่กระทำผิด โวเป็นการให้โอกาสเด็กและสังคมได้ประโยชน์
นายศักดา คงเพชร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมช.ศธ.) ได้เป็นประธานประชุมวางมาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหานักเรียน นักศึกษาก่อเหตุทะเลาะวิวาท เพื่อให้ใช้เป็นแนวทางป้องกันและแก้ไขปัญหาดังกล่าวของนักเรียน นักศึกษาในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑล โดยมีผู้บริหารสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา สำนักงานส่งเสริมการศึกษาเอกชน ในกรุงเทพฯและปริมณฑล ผู้แทนกองบัญชาการตำรวจนครบาล ผอ.กรมการขนส่งมวลชนกรุงเทพ ผู้แทนกรมการขนส่งทางบก เข้าร่วมประชุมหาแนวทาง
นายศักดา กล่าวว่า ในที่ประชุมได้เสนอแนวทางแก้ไขปัญหานักเรียน นักศึกษาอาชีวะก่อเหตุทะเลาะวิวาทหลายแนวทาง ซึ่งในเบื้องต้นได้มีการเสนอให้ติดกล่องซีซีทีวีด้านซ้ายของรถโดยสารประจำทาง สายที่แล่นผ่านเส้นทางที่มีนักเรียน นักศึกษาอาชีวะก่อเหตุทะเลาะวิวาทบ่อยครั้ง โดยบันทึกภาพเหตุการณ์ได้นาน 7 วัน ทั้งนี้ เพื่อให้รู้ว่านักเรียนกลุ่มใดก่อเหตุ โดยจะให้เลขาธิการ สอศ.ไปตั้งงบเพื่อดำเนินการจัดซื้อกล้องซีซีทีวีแล้ว รวมถึงจะให้เพิ่มเจ้าหน้าที่เสมารักษ์ประจำจุดเสี่ยง และให้มีสายข่าวประจำในแต่ละจุด หากเห็นนักเรียนรวมตัวกันและมีแนวโน้มจะก่อเหตุรุนแรงขึ้น ก็ให้โทร.แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ สถาบันที่อยู่ใกล้เคียง หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อหาทางสกัดกั้น หรือระงับเหตุก่อนที่นักเรียนจะก่อเหตุตีกัน
นอกจากนั้น ยังมีการเสนอให้ตั้งวิทยาลัยเฉพาะทางในค่ายทหาร หรือหน่วยงานทหารพัฒนา เพื่อให้นักเรียนอาชีวะที่ต้องคดีอาญา ไปฝึกวิชาชีพแทนการถูกลงโทษจำคุกในสถานพินิจ โดยให้มีการควบคุมความประพฤติ และใช้ธรรมะบำบัดจิตใจ ซึ่งตนเห็นว่าจะได้ผลดีกว่านำเด็กไปจำคุกในสถานพินิจ 2-3 ปี เมื่อออกจากคุกมาก็ไปตั้งแก๊งอีก เชื่อว่า ระยะเวลา 3 ปีในวิทยาลัยเฉพาะทาง จะสามารถเปลี่ยนพฤติกรรมของเด็กได้
“เราจะให้เด็กที่กระทำผิดเลือกว่าจะไปเข้าสถานพินิจ หรือไปเข้าวิทยาลัยเฉพาะทางในค่ายทหารพัฒนา ให้เด็กเลือกเอา แต่ผู้ปกครองก็ต้องช่วยตัดสินใจด้วย แต่เด็กบางคนผู้ปกครองก็เอาไม่อยู่แล้ว ดังนั้น เด็กจะต้องเลือก เพราะการไปเรียนในวิทยาลัยเฉพาะทาง 3 ปี จบออกมาก็ได้วุฒิ และมีความเชี่ยวชาญเฉพาะทางด้วย เช่น เด็กที่ชอบปืน ระเบิด ก็ให้ไปฝึกเฉพาะทางเลย จึงถือว่าเป็นการให้โอกาสเด็กและสังคมก็ได้ประโยชน์มากกว่าด้วย และวันหยุดเทศกาลพ่อ-แม่ ก็มารับกลับบ้านได้ และเอามาส่งด้วย ซึ่งประเทศอเมริกา ก็เอาเยาวชนที่ติดคุกไปฝึกเป็นทหาร แต่ของเราจะให้โอกาสเด็กไปฝึกอาชีพในค่ายทหาร และได้วุฒิ ปวช.ด้วย และในอนาคตอาจจะได้เรียนวิชาทหาร อาจะได้ยศพลทหารตรี พลทหารโท ซึ่งก็ต้องให้ทางกระทรวงกลาโหม ไปพิจารณาเรื่องนี้ด้วย” นายศักดา กล่าว
นายศักดา คงเพชร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมช.ศธ.) ได้เป็นประธานประชุมวางมาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหานักเรียน นักศึกษาก่อเหตุทะเลาะวิวาท เพื่อให้ใช้เป็นแนวทางป้องกันและแก้ไขปัญหาดังกล่าวของนักเรียน นักศึกษาในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑล โดยมีผู้บริหารสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา สำนักงานส่งเสริมการศึกษาเอกชน ในกรุงเทพฯและปริมณฑล ผู้แทนกองบัญชาการตำรวจนครบาล ผอ.กรมการขนส่งมวลชนกรุงเทพ ผู้แทนกรมการขนส่งทางบก เข้าร่วมประชุมหาแนวทาง
นายศักดา กล่าวว่า ในที่ประชุมได้เสนอแนวทางแก้ไขปัญหานักเรียน นักศึกษาอาชีวะก่อเหตุทะเลาะวิวาทหลายแนวทาง ซึ่งในเบื้องต้นได้มีการเสนอให้ติดกล่องซีซีทีวีด้านซ้ายของรถโดยสารประจำทาง สายที่แล่นผ่านเส้นทางที่มีนักเรียน นักศึกษาอาชีวะก่อเหตุทะเลาะวิวาทบ่อยครั้ง โดยบันทึกภาพเหตุการณ์ได้นาน 7 วัน ทั้งนี้ เพื่อให้รู้ว่านักเรียนกลุ่มใดก่อเหตุ โดยจะให้เลขาธิการ สอศ.ไปตั้งงบเพื่อดำเนินการจัดซื้อกล้องซีซีทีวีแล้ว รวมถึงจะให้เพิ่มเจ้าหน้าที่เสมารักษ์ประจำจุดเสี่ยง และให้มีสายข่าวประจำในแต่ละจุด หากเห็นนักเรียนรวมตัวกันและมีแนวโน้มจะก่อเหตุรุนแรงขึ้น ก็ให้โทร.แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ สถาบันที่อยู่ใกล้เคียง หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อหาทางสกัดกั้น หรือระงับเหตุก่อนที่นักเรียนจะก่อเหตุตีกัน
นอกจากนั้น ยังมีการเสนอให้ตั้งวิทยาลัยเฉพาะทางในค่ายทหาร หรือหน่วยงานทหารพัฒนา เพื่อให้นักเรียนอาชีวะที่ต้องคดีอาญา ไปฝึกวิชาชีพแทนการถูกลงโทษจำคุกในสถานพินิจ โดยให้มีการควบคุมความประพฤติ และใช้ธรรมะบำบัดจิตใจ ซึ่งตนเห็นว่าจะได้ผลดีกว่านำเด็กไปจำคุกในสถานพินิจ 2-3 ปี เมื่อออกจากคุกมาก็ไปตั้งแก๊งอีก เชื่อว่า ระยะเวลา 3 ปีในวิทยาลัยเฉพาะทาง จะสามารถเปลี่ยนพฤติกรรมของเด็กได้
“เราจะให้เด็กที่กระทำผิดเลือกว่าจะไปเข้าสถานพินิจ หรือไปเข้าวิทยาลัยเฉพาะทางในค่ายทหารพัฒนา ให้เด็กเลือกเอา แต่ผู้ปกครองก็ต้องช่วยตัดสินใจด้วย แต่เด็กบางคนผู้ปกครองก็เอาไม่อยู่แล้ว ดังนั้น เด็กจะต้องเลือก เพราะการไปเรียนในวิทยาลัยเฉพาะทาง 3 ปี จบออกมาก็ได้วุฒิ และมีความเชี่ยวชาญเฉพาะทางด้วย เช่น เด็กที่ชอบปืน ระเบิด ก็ให้ไปฝึกเฉพาะทางเลย จึงถือว่าเป็นการให้โอกาสเด็กและสังคมก็ได้ประโยชน์มากกว่าด้วย และวันหยุดเทศกาลพ่อ-แม่ ก็มารับกลับบ้านได้ และเอามาส่งด้วย ซึ่งประเทศอเมริกา ก็เอาเยาวชนที่ติดคุกไปฝึกเป็นทหาร แต่ของเราจะให้โอกาสเด็กไปฝึกอาชีพในค่ายทหาร และได้วุฒิ ปวช.ด้วย และในอนาคตอาจจะได้เรียนวิชาทหาร อาจะได้ยศพลทหารตรี พลทหารโท ซึ่งก็ต้องให้ทางกระทรวงกลาโหม ไปพิจารณาเรื่องนี้ด้วย” นายศักดา กล่าว
