xs
xsm
sm
md
lg

รุ่นพี่อาชีวะรับยิงตัวรถเมล์ โยนพรรคพวกลั่นไกสังหารคนขับ!

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

พล.ต.ต.สาโรจน์ พรหมเจริญ รอง ผบช.น. นำตัวนายสมศักดิ์ แก้วตาทิพย์ อายุ 21 ปี ผู้ต้องหามาแถลงผลการจับกุม
“นครบาล” นำตัวรุ่นพี่อาชีวะกาญจนาภิเษกมือยิงคนขับรถเมล์สาย 131 แถลงผลจับกุมอีกรอบ คราวนี้สารภาพรับลั่นไกยิงใส่รถเมล์เพียง 2 นัด อ้างกระสุนที่ถูกคนขับรถเมล์น่ามาจากกระสุนปืนกระบอกอื่น ก่อน ตร.จะพาไปชี้จุดบริเวณคูน้ำที่ทิ้งอาวุธปืน พร้อมเตรียมมาตรการป้องกันเหตุวิวาทของทั้งสองโรงเรียนโดยอาจเตรียมเข้าค้นในเร็ววันนี้

วันนี้ (28 พ.ค.) เมื่อเวลา 10.30 น. พล.ต.ต.สาโรจน์ พรหมเจริญ พล.ต.ต.พิสิฏฐ์ พิสุทธิ์ศักดิ์ รอง ผบช.น. พร้อมด้วย พล.ต.ต.สุธีร์ เณรกัณฐี ผบก.น.3 พ.ต.อ.วัฒนา ยี่จีน รอง ผบก.น.3 พ.ต.อ.นำชัย โชติประยูร รอง ผบก.น.3 พ.ต.อ.ภิรมย์ สวนทอง ผกก.สส.บก.น.3 พ.ต.ท.ศณัฐพล เยาวฤทธา สว.สส.สน.ลำผักชี แถลงข่าวจับกุมตัวนายสมศักดิ์ แก้วตาทิพย์ อายุ 21 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับข้อหาฆ่าผู้อื่นของศาลมีนบุรี ที่ 412/2555 ในคดีใช้อาวุธปืนยิงนายจักรพันธ์ โคตรจักร อายุ 51 ปี คนขับรถโดยสารประจำทาง สาย 131 เส้นทางคลองกุ่ม-หนองจอก เสียชีวิต โดยเหตุเกิดเมื่อช่วงเย็นวันที่ 25 พ.ค.ที่ผ่านมา

พล.ต.ต.พิสิฏฐ์เปิดเผยว่า เหตุดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อช่วงเย็นของวันที่ 25 พ.ค. หลังจากที่นายจักรพันธ์ ขับรถส่งผู้โดยสารจากมีนบุรีมุ่งหน้าไปหนองจอก และระหว่างทางได้รับผู้โดยสารซึ่งเป็นนักเรียนโรงเรียนเทคนิคกาญจนาภิเษกบึงใหญ่มาด้วย จนมาถึงบริเวณซอยเชื่อมสัมพันธ์ 23 ได้มีกลุ่มนักเรียนวิทยาลัยการอาชีพกาญจนาภิเษกหนองจอกรุ่นน้องของนายสมศักดิ์ประมาณ 20 คนยืนขวางทางรถเพื่อให้รถหยุดและจะขึ้นไปทำร้ายกลุ่มนักเรียนบนรถซึ่งเป็นคู่อริ แต่นายจักรพันธ์คนขับรถไม่ยอมหยุดพร้อมกับพยายามขับรถหนีจนมาถึงบริเวณตรงข้ามปากซอยเชื่อมสัมพันธ์ 21 นายสมศักดิ์ที่มาดักรอคู่อริพร้อมกับรุ่นน้อง ได้พาพรรคพวกรวม 6 คนขี่รถจักรยานยนต์ 3 คัน ซ้อน 2 คน ไล่ติดตามมาทันและสั่งให้นายจักรพันธ์จอดรถแต่นายจักรพันธ์ก็ไม่ยอมจอด นายสมศักดิ์จึงใช้อาวุธปืนขนาด .38 ยิงเข้าใส่รถโดยสารจำนวน 5 นัด จนกระสุนทะลุถูกสีข้างด้านขวาของนายจักรพันธ์เสียชีวิต ส่วนนายสมศักดิ์และพวกได้ขี่รถหลบหนีไป

พล.ต.ต.พิสิฏฐ์กล่าวอีกว่า หลังเกิดเหตุ พล.ต.ต.สุธีร์ ผบก.น.3 ได้สั่งการให้ กก.สส.น.3 ร่วมกับ สน.ลำผักชี ทำการสอบสวนพยานในที่เกิดเหตุและสืบสวนหาตัวคนร้ายจากกล้องวงจรปิดจนสามารถสืบทราบว่าคนร้ายที่ลงมือคือนายสมศักดิ์ เคยเป็นนักเรียนวิทยาลัยการอาชีพกาญจนาภิเษกหนองจอก จึงนำกำลังไปจับกุมตัวเอาไว้ได้ที่บ้านพักย่านหนองจอกเมื่อช่วงหัวค่ำวันที่ 26 พ.ค. ซึ่งจากการตรวจค้นบ้านพักก็พบเครื่องกระสุนปืนขนาด เอ็ม 60 จำนวน 3 นัด และตรวจปัสสาวะก็พบว่าเป็นสีม่วง จึงแจ้งข้อหานายสมศักดิ์ ครอบครองเครื่องกระสุนปืนและเสพยาบ้าเพิ่มเติมด้วย โดยจากการสอบสวนนายสมศักดิ์ยอมรับว่าเป็นคนยิงเข้าใส่รถโดยสารจริง แต่ยิงเพียง 2 นัด และไม่คิดว่าจะโดนนายจักรพันธ์ เพราะตนเองยิงเข้าที่กลางรถไม่ได้ยิงตรงคนขับ ดังนั้นน่าจะเป็นปืนของคนอื่น อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ไม่ปักใจเชื่อเพราะกระสุนที่ยิงนั้นเป็นชนิดเดียวกันกับปืนของนายสมศักดิ์

ด้านนายสมศักดิ์ให้การรับสารภาพว่า ตนออกจากโรงเรียนมา 2-3 ปีแล้ว และวันเกิดเหตุก็ไปที่เกิดเหตุจริงเพราะรุ่นน้องมาตามให้ไปช่วยเคลียร์ปัญหากับคู่อริ ซึ่งมีเรื่องกันหลายครั้งตั้งแต่เปิดเรียนมา ตนกับศิษย์เก่าและรุ่นน้องรวม 6 คน จึงไปด้วยกันโดยใช้รถจักรยานยนต์เป็นพาหนะ และยอมรับว่าได้ยิงเข้าใส่รถจริงแต่ยิงเพียง 2 นัด เข้าที่หลังรถจึงไม่น่าจะใช่กระสุนของตนที่ไปถูกคนขับรถประจำทางเสียชีวิต น่าจะเป็นกระบอกอื่น เพราะตอนนั้นมีอยู่ถึง 3 กระบอก มี .38 ยี่ห้อคิงคอบร้าดัดแปลงของตน ปืนปากกาของรุ่นน้องปี 3 และปืนลูกซองแบบหักคอของอีกคนที่ไม่ทราบว่าเป็นศิษย์เก่าหรือกำลังเรียนอยู่ ส่วนปืนของตนนั้นปกติก็จะพกเอาไว้ป้องกันตัวอยู่เป็นประจำเพราะเคยมีเรื่องกับคู่อริสมัยที่ยังเรียนอยู่ที่โรงเรียน

ขณะที่ พล.ต.ต.สาโรจน์เปิดเผยว่า หลังจากนี้จะมีการเรียกประชุมตั้งแต่ ผบก.น.3 จนถึง สว.สส. และ สวป. ในพื้นที่ บก.น.3 เพื่อหาแนวทางป้องกันและป้องปรามไม่ให้เกิดเหตุการณ์กลุ่มนักเรียนยกพวกตีกัน หรือดักทำร้ายในลักษณะดังกล่าว โดยจะต้องมีการตั้งจุดตรวจ จุดสกัด หรือชุดสนับสนุนหากมีเหตุการณ์เกิดขึ้น เพื่อเข้าระงับเหตุและจับกุมผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีโดยเร็ว ขณะเดียวกันก็จะเข้าตรวจค้นโรงเรียนเป้าหมาย เพื่อจำกัดเรื่องของอาวุธและสิ่งผิดกฎหมายต่างๆ อาจจะมีการเข้าตรวจค้นในวันหรือสองวันนี้ แล้วแต่ความพร้อมของกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ

เบื้องต้นได้แจ้งข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา ครอบครองเครื่องกระสุนปืน และเสพยาเสพติด และดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

รายงานข่าวแจ้งว่า หลังจากแถลงข่าวเสร็จสิ้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำตัวนายสมศักดิ์ไปงมหาปืนที่ทิ้งเอาไว้บริเวณคูน้ำข้างทางที่อยู่ใกล้เคียงจุดเกิดเหตุ จนพบอาวุธปืนขนาด .38 จำนวน 1 กระบอก จึงเก็บเอาไว้เป็นหลักฐาน


กำลังโหลดความคิดเห็น