เครือข่ายต้านน้ำเมา 77 จังหวัด บุกทำเนียบ ยื่นข้อเรียกร้องบังคับใช้กฎหมายคุมเหล้า 3 ฉบับ หวั่นบิ๊กน้ำเมา เอี่ยวล้มผลโหวต พร้อมสะท้อนผลกระทบจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
วันนี้ (16 พ.ค.) เวลา 14.00 น.ที่บริเวณด้านหน้าประตูทำเนียบรัฐบาล นายธงชัย ยงยืน แกนนำเครือข่ายองค์กรงดเหล้าภาคเหนือตอนบน พร้อมด้วยเครือข่ายองค์กรงดเหล้ากว่า 150 คน จาก 77 จังหวัดทั่วประเทศ และนักเรียน นักศึกษา จากสถาบันต่างๆ รวมตัวกันเพื่อขอเข้าพบ คณะกรรมการนโยบายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แห่งชาติ โดยมี พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ก่อนจะมีการประชุมเพื่อพิจารณาร่างประกาศตาม พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ.2551 จำนวน 3 ฉบับ ประกอบด้วย 1.ร่างประกาศห้ามขายและห้ามดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในโรงงานอุตสาหกรรม 2.ร่างประกาศห้ามขาย ห้ามดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ในสถานที่รัฐวิสาหกิจและหน่วยงานอื่นของรัฐ 3.ร่างประกาศห้ามดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในรถยนต์ทุกประเภท ทั้งผู้ขับขี่และผู้โดยสาร รวมทั้งท้ายรถกระบะ ทั้งนี้ เครือข่ายฯได้ร่วมกันแสดงละครเพื่อสะท้อนถึงผลกระทบที่เกิดจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ จากนั้น พลเอก จงศักดิ์ พานิชกุล รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง เป็นตัวแทนมารับข้อเรียกร้อง
โดยนายธงชัย กล่าวว่า ภาคประชาชนมีความคาดหวังว่า คณะกรรมการบอร์ดชุดนี้จะพิจารณาร่างกฎหมายทั้ง 3 ฉบับด้วยความรอบคอบ วางตัวเป็นกลาง และเห็นแก่ประโยชน์ของประประชาชนมากกว่าบริษัทผู้ผลิตเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ สิ่งที่เครือข่ายภาคประชาชนมีความหวั่นเกรง คือ การแทรกแซงของบริษัทผู้ผลิตเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ซึ่งที่ผ่านมา บริษัทเหล่านี้พยายามเข้ามาแทรกแทรกทั้งในทางตรงและทางอ้อมต่อกฎหมายที่จะเข้ามาควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
ทั้งนี้ ภาคประชาชนขอแสดงจุดยืน และมีข้อเสนอเพื่อให้คณะกรรมการนโยบายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แห่งชาติ นำไปพิจารณา ดังนี้ 1.ขอสนับสนุนการออกมาตรการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ทั้ง 3 ฉบับ โดยยึดเอาประโยชน์ของประชาชนเป็นหลัก ปราศจากการแทรกแซง ของผู้ที่เสียประโยชน์ และบริษัทเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ 2.เร่งรัดไปยังคณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ในการจัดรับฟังความคิดเห็นของประชาชน ต่อมาตรการห้ามขายห้ามดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ บนถนนครอบคลุมถึงทางสาธารณะ โดยดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 3 เดือน เพื่อนำมาประกอบการพิจารณาให้ความเห็นชอบเพื่อมีผลในทางปฏิบัติโดยเร็วที่สุด 3.ขอขอบคุณ และให้กำลังใจรัฐบาลที่มีจุดยืนในการลดผลกระทบจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และหวังเป็นอย่างยิ่งว่า ภาคประชาชนจะไม่ผิดหวัง จนเกิดความสูญเสียต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนซ้ำรอยเดิมจากการตัดสินที่ผิดพลาดของคณะกรรมการนโยบายฯ และ 4.ขอคัดค้านกรณีบริษัทเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ขอเข้าร่วมรับฟังการประชุมคณะกรรมการนโยบายฯ ตามที่ปรากฏเป็นข่าวก่อนหน้านี้ เพราะเป็นผู้มีส่วนได้ส่วนเสียโดยตรงจากมาตรการนี้
“ที่สำคัญ การห้ามดื่มบนรถยนต์ทุกประเภทต้องครอบคลุมไปถึงรถจักรยาน และรถจักรยานยนต์ด้วย เพราะจากข้อมูลวิชาการ ยืนยันชัดเจนว่า การเสียชีวิตในช่วงวันหยุดเทศกาลสงกรานต์ปี 2555 พบว่า การดื่มสุราเป็นปัจจัยเสี่ยงอันดับ 1 ถึงประมาณ 2 ใน 5 ของผู้เสียชีวิตทั้งหมด และการเสียชีวิตประมาณ 60% มาจากรถจักรยานยนต์ และประมาณ 15% มาจากรถกระบะที่ผ่านมา ประเทศไทยมีการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุมากกว่าการจัดต้นตอของปัญหา ถ้าเราสามารถควบคุมการขาย การดื่มของผู้ประกอบการ และประชาชนให้อยู่ในกรอบของกฎหมายได้แล้วนั้น จะเป็นอีกหนทางหนึ่งที่ช่วยลดการเกิดอุบัติเหตุจราจรได้อย่างแน่นอน” นายธงชัย กล่าว
นายนิรุจน์ อุทธา เครือข่ายองค์กรงดเหล้าภาคอีสาน กล่าวว่า ร่างกฎหมายทั้ง 3 ฉบับนี้ จะช่วยควบคุมพฤติกรรมการดื่มของคนในสังคมและต่อยอดกฎหมายให้เจ้าหน้าที่ทำงานง่ายขึ้น ซึ่งบทลงโทษจะอาศัยอำนาจตาม พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ.2551 มาตรา 39, 42 จำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ อย่างไรก็ตาม ร่างประกาศ เรื่อง การกำหนดสถานที่ห้ามขายหรือบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในทางสาธารณะ ที่ต้องกลับไปศึกษาทบทวน ภายใน 3 เดือน ซึ่งเครือข่ายยังหวังว่าจะประกาศใช้ทันปีใหม่ 2556 นี้
“อยากให้คณะกรรมการทุกท่าน เห็นแก่ประโยชน์ของประชาชนเป็นหลักในการพิจารณาเพื่อบังคับใช้เป็นกฎหมาย เพื่อลดการเกิดอุบัติเหตุ การเจ็บตาย และลดความสูญเสียในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน เนื่องจากกฎหมายในปัจจุบันที่มีอยู่ ยังไม่เพียงพอต่อการควบคุมปัญหาที่เกิดจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้” นายนิรุจน์ กล่าว
วันนี้ (16 พ.ค.) เวลา 14.00 น.ที่บริเวณด้านหน้าประตูทำเนียบรัฐบาล นายธงชัย ยงยืน แกนนำเครือข่ายองค์กรงดเหล้าภาคเหนือตอนบน พร้อมด้วยเครือข่ายองค์กรงดเหล้ากว่า 150 คน จาก 77 จังหวัดทั่วประเทศ และนักเรียน นักศึกษา จากสถาบันต่างๆ รวมตัวกันเพื่อขอเข้าพบ คณะกรรมการนโยบายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แห่งชาติ โดยมี พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ก่อนจะมีการประชุมเพื่อพิจารณาร่างประกาศตาม พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ.2551 จำนวน 3 ฉบับ ประกอบด้วย 1.ร่างประกาศห้ามขายและห้ามดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในโรงงานอุตสาหกรรม 2.ร่างประกาศห้ามขาย ห้ามดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ในสถานที่รัฐวิสาหกิจและหน่วยงานอื่นของรัฐ 3.ร่างประกาศห้ามดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในรถยนต์ทุกประเภท ทั้งผู้ขับขี่และผู้โดยสาร รวมทั้งท้ายรถกระบะ ทั้งนี้ เครือข่ายฯได้ร่วมกันแสดงละครเพื่อสะท้อนถึงผลกระทบที่เกิดจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ จากนั้น พลเอก จงศักดิ์ พานิชกุล รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง เป็นตัวแทนมารับข้อเรียกร้อง
โดยนายธงชัย กล่าวว่า ภาคประชาชนมีความคาดหวังว่า คณะกรรมการบอร์ดชุดนี้จะพิจารณาร่างกฎหมายทั้ง 3 ฉบับด้วยความรอบคอบ วางตัวเป็นกลาง และเห็นแก่ประโยชน์ของประประชาชนมากกว่าบริษัทผู้ผลิตเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ สิ่งที่เครือข่ายภาคประชาชนมีความหวั่นเกรง คือ การแทรกแซงของบริษัทผู้ผลิตเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ซึ่งที่ผ่านมา บริษัทเหล่านี้พยายามเข้ามาแทรกแทรกทั้งในทางตรงและทางอ้อมต่อกฎหมายที่จะเข้ามาควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
ทั้งนี้ ภาคประชาชนขอแสดงจุดยืน และมีข้อเสนอเพื่อให้คณะกรรมการนโยบายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แห่งชาติ นำไปพิจารณา ดังนี้ 1.ขอสนับสนุนการออกมาตรการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ทั้ง 3 ฉบับ โดยยึดเอาประโยชน์ของประชาชนเป็นหลัก ปราศจากการแทรกแซง ของผู้ที่เสียประโยชน์ และบริษัทเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ 2.เร่งรัดไปยังคณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ในการจัดรับฟังความคิดเห็นของประชาชน ต่อมาตรการห้ามขายห้ามดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ บนถนนครอบคลุมถึงทางสาธารณะ โดยดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 3 เดือน เพื่อนำมาประกอบการพิจารณาให้ความเห็นชอบเพื่อมีผลในทางปฏิบัติโดยเร็วที่สุด 3.ขอขอบคุณ และให้กำลังใจรัฐบาลที่มีจุดยืนในการลดผลกระทบจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และหวังเป็นอย่างยิ่งว่า ภาคประชาชนจะไม่ผิดหวัง จนเกิดความสูญเสียต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนซ้ำรอยเดิมจากการตัดสินที่ผิดพลาดของคณะกรรมการนโยบายฯ และ 4.ขอคัดค้านกรณีบริษัทเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ขอเข้าร่วมรับฟังการประชุมคณะกรรมการนโยบายฯ ตามที่ปรากฏเป็นข่าวก่อนหน้านี้ เพราะเป็นผู้มีส่วนได้ส่วนเสียโดยตรงจากมาตรการนี้
“ที่สำคัญ การห้ามดื่มบนรถยนต์ทุกประเภทต้องครอบคลุมไปถึงรถจักรยาน และรถจักรยานยนต์ด้วย เพราะจากข้อมูลวิชาการ ยืนยันชัดเจนว่า การเสียชีวิตในช่วงวันหยุดเทศกาลสงกรานต์ปี 2555 พบว่า การดื่มสุราเป็นปัจจัยเสี่ยงอันดับ 1 ถึงประมาณ 2 ใน 5 ของผู้เสียชีวิตทั้งหมด และการเสียชีวิตประมาณ 60% มาจากรถจักรยานยนต์ และประมาณ 15% มาจากรถกระบะที่ผ่านมา ประเทศไทยมีการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุมากกว่าการจัดต้นตอของปัญหา ถ้าเราสามารถควบคุมการขาย การดื่มของผู้ประกอบการ และประชาชนให้อยู่ในกรอบของกฎหมายได้แล้วนั้น จะเป็นอีกหนทางหนึ่งที่ช่วยลดการเกิดอุบัติเหตุจราจรได้อย่างแน่นอน” นายธงชัย กล่าว
นายนิรุจน์ อุทธา เครือข่ายองค์กรงดเหล้าภาคอีสาน กล่าวว่า ร่างกฎหมายทั้ง 3 ฉบับนี้ จะช่วยควบคุมพฤติกรรมการดื่มของคนในสังคมและต่อยอดกฎหมายให้เจ้าหน้าที่ทำงานง่ายขึ้น ซึ่งบทลงโทษจะอาศัยอำนาจตาม พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ.2551 มาตรา 39, 42 จำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ อย่างไรก็ตาม ร่างประกาศ เรื่อง การกำหนดสถานที่ห้ามขายหรือบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในทางสาธารณะ ที่ต้องกลับไปศึกษาทบทวน ภายใน 3 เดือน ซึ่งเครือข่ายยังหวังว่าจะประกาศใช้ทันปีใหม่ 2556 นี้
“อยากให้คณะกรรมการทุกท่าน เห็นแก่ประโยชน์ของประชาชนเป็นหลักในการพิจารณาเพื่อบังคับใช้เป็นกฎหมาย เพื่อลดการเกิดอุบัติเหตุ การเจ็บตาย และลดความสูญเสียในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน เนื่องจากกฎหมายในปัจจุบันที่มีอยู่ ยังไม่เพียงพอต่อการควบคุมปัญหาที่เกิดจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้” นายนิรุจน์ กล่าว
