xs
xsm
sm
md
lg

ประธานสภาผู้สูงอายุหนุนแสดงสิทธิการตาย ปฏิเสธการรักษาแบบยื้อชีวิต

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

สช.ร่วมสภาผู้สูงอายุ หนุนการทำหนังสือเจตนา ปฏิเสธการรักษาแบบยื้อชีวิต ประธานสภาผู้สูงอายุ ชี้ ข้อดีของการแสดงสิทธิการตาย ช่วยลดภาระ “ผู้ป่วย ญาติ รพ.และ ประเทศชาติ”
นพ.วิชัย โชควิวัฒน
วันนี้ (4 พ.ค.) ที่โรงแรมรัตนโกสินทร์ สำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ ร่วมกับ กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ สมาคมสภาผู้สูงอายุแห่งประเทศไทย และ สมาคมข้าราชการบำเหน็จบำนาญกระทรวงสาธารณสุข จัดพิธีลงนามข้อตกลงความร่วมมือเรื่องการส่งเสริมการใช้สิทธิตามมาตรา 12 แห่งพระราชบัญญัติสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ.2550

นพ.วิชัย โชควิวัฒน นายกสมาคมสภาผู้สูงอายุแห่งประเทศไทย กล่าวว่า การผลักดันเรื่องมาตรา 12 สิทธิ การตาย อาจเพิ่งเกิดขึ้น แต่ในอดีตมีการกำหนดเรื่องสิทธิดังกล่าว โดยการเลือกสั่งลาด้วยตนเองมาก่อน แล้ว แค่ไม่มีกฎหมายมารองรับเท่านั้น แต่ในวันนี้มี กม.มารองรับแล้ว เพื่อยืนยันว่า แพทย์หรือเจ้าหน้าที่ไม่ได้ส่วนผิดต่อการสิทธิของผู้ป่วย ซึ่งจะช่วยลดความขัดแย้งระหว่างญาติและแพทย์ เนื่องจากเป็นเจตนารมณ์ของของผู้ป่วยเอง

นพ.วิชัย กล่าวด้วยว่า การยื้อชีวิตด้วยการรับบริการสาธารณสุข ในวาระสุดท้าย เพื่อยืดการตายเป็นภาระอยู่ 4 ส่วน คือ 1.ตัวเอง คือ เป็นการทรมานร่างกาย ที่อาจทำให้เจ็บปวดมากกว่าเดิมของบางโรคที่อาการรุนแรง เช่น โรคมะเร็ง ที่ต้องใช้ยาบรรเทาอาการปวด ซึ่งที่ผ่านมาจากการพบปะแพทย์ในวงการพบมีผู้ป่วยหลายรายเลือกที่จะฆ่าตัวตายแทนที่จะทนใช้ยาแก้ปวด 2.เป็นภาระแก่ญาติ ที่ต้องเฝ้าดูแลและแบกรับภาระค่าใช้จ่ายในการรักษา 3.โรงพยาบาล ทำให้แพทย์และเจ้าหน้าที่ต้องบริการรับภาระดูแล โดยที่อาจจะไม่ได้เป็นความประสงค์ของผู้ป่วย ซึ่งทราบกันดีอยู่แล้วว่าบุคลากรทางการแพทย์นั้นมีน้อย และ 4.ประเทศชาติ หมายถึงภาระของการรักษาผู้ป่วยที่อยู่ในวาระสุดท้ายของชีวิต ต้องเบียดบังการรักษาผู้ป่วยรายอื่นหลายส่วน ทำให้ประเทศชาติต้องเสียค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพมากขึ้น ซึ่งหากมองเฉพาะสัดส่วนผู้สูงอายุก็ถือว่า มำจำนวนไม่น้อย

“สำหรับ ประเทศไทย เป็นประเทศที่ยังไม่มีการศึกษาวิจัย ค่ารักษาพยาบาลตั้งแต่การเกิด จนตาย เฉลี่ยต่อรายที่ชัดเจน แต่ที่สหรัฐอเมริกา มีการศึกษาแล้ว พบว่า ค่าใช้จ่ายด้านการรักษาผู้ป่วยใน 6 เดือนสุดท้าย พบว่า มีอัตราสูงถึง 50% ของงบบริการสาธารณสุขที่ใช้ทั้งชีวิต ซึ่งเป็นการสูญเสียที่ไม่คุ้ม การมีสิทธิที่จะเลือกทำหนังสือเจตนาไม่ประสงค์จะรับบริการสาธารณสุข ที่เป็นไปเพื่อยืดการตาย ก็ถือว่าเป็นสิทธิอันพึงประสงค์ที่ช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายได้อย่าง” นพ.วิชัย กล่าว

รศ.สิวลี ศิริไล ภาคีสมาชิกราชบัณฑิต ประเภทปรัชญา สาขาจริยศาสตร์ กล่าวว่า สารสำคัญของการทำหนังสือนั้น ไม่ได้อยู่ที่ว่าความตายคืออะไร แต่อยู่ที่คนอยู่จะให้อะไรคนตาย ซึ่งขณะนี้เป็นแค่การให้สิทธิเท่านั้น หากอยู่ในวาระสุดท้ายก็แค่ขอใช้สิทธิปฏิเสธการรักษาที่เป็นแค่การยื้อชีวิต เพื่อลดความบลำบากใจในการตัดสินใจของแพทย์ ว่า จะปฏิบัติอย่างไร พร้อมทั้งลดความลำบากใจของญาติที่บางคนต้องการรักษาต่อ บางคนต้องการให้ยุติ แต่การแสดงเจตนารมณ์ช่วยตัดสินใจได้ว่ายขึ้น ซึ่งโดยหากจริยศาสตร์ ก็ไม่ถือว่าผิด และยังมี กม.มารองรับก็จะยิ่งดีขึ้นต่อการตัดสินใจของแพทย์ด้วย ซึ่งเชื่อว่า หลายคนคงปรารถนาที่จะตายดีด้วยการได้อยู่ใกล้ชิดกับคนรักมากกว่าการใช้ชีวิตแบบว้าเหว่ในโรงพยาบาล เพราะสามารถช่วยกระชับความสัมพันธ์ได้ ขณะที่แพทย์และพยาบาล รวมทั้งเจ้าหน้าที่ด้านสาธารณสุข ที่มีส่วนร่วมดูแลก็ต้องมีการสื่อสารในการบอกลาที่ดี ด้วยเพื่อให้ผู้ป่วยสบายใจ
กำลังโหลดความคิดเห็น