xs
xsm
sm
md
lg

เด็ก ร.ร.ดัง ร้อง จบ ม.3 เรียน ม.4 ร.ร.เดิมไม่ได้

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ภาพประกอบจากอินเทอร์เน็ต
เด็ก ม.3 ร.ร.ดัง ร้องเรียนจบ แต่ไม่สามารถเรียนต่อ ม.4 ร.ร.เดิมได้ “ชินภัทร” ยันเด็กไม่ขาดโอกาส พร้อมแจง ร.ร.ดังจะต้องมีการรองรับนักเรียน 2 แผน โดยรับเด็กที่จบ ร.ร.เดิมตามแผนการรับ ไม่เกินร้อยละ 80 และสอบแข่งขันทั่วไป ไม่เกินร้อยละ 20

ศ.ดร.สุชาติ ธาดาธำรงเวช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) กล่าวถึงกรณีนักเรียนมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนแห่งหนึ่ง ซึ่งได้เกรดเฉลี่ย 3.70 แต่ไม่สามารถเข้าเรียนต่อชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนเดิมได้นั้น ว่า ตนมองว่า เรื่องนี้ความผิดพลาดไม่ได้เกิดขึ้นที่ตัวนักเรียน แม้ว่าปีนี้จะเป็นปีแรกที่สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) จะประกาศให้โรงเรียนที่มีอัตราการแข่งขันสูง จำนวน 280 โรงเรียน ใช้คะแนนแบบทดสอบทางการศึกษาระดับชาติขั้นพื้นฐาน หรือ O-Net ไม่เกินร้อยละ 20 เป็นส่วนหนึ่งในการพิจารณาคัดเลือกเด็กเข้าเรียนต่อ แต่ก็เห็นว่า ในช่วงระยะเวลาการเปลี่ยนผ่านนี้ ควรจะหาวิธีการที่ยืดหยุ่นให้แก่เด็กที่อาจจะไม่รู้จริงๆ ได้รับโอกาสทางการศึกษาเท่าเทียมกัน ไม่จำเป็นจะต้องเอาเรื่องคะแนนโอเน็ตไปบังคับเด็ก

ด้าน นายชินภัทร ภูมิรัตน เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (เลขาธิการ กพฐ.) กล่าวว่า ต้องเข้าใจว่า โรงเรียนที่มีอัตราการแข่งขันสูงทั้ง 280 โรงนั้นมีที่นั่งเรียนจำกัด และมีแผนการรับ ม.4 ในจำนวนจำกัด และทุกปีก็จะเกิดปัญหา ว่า นักเรียน นักเรียนที่จบ ม.3 จากโรงเรียนเดิมมีจำนวนมากกว่าแผนจำนวนรับ ม.4 ดังนั้น โรงเรียนที่เปิดทั้ง ม.ต้น และ ม.ปลาย จึงต้องทำแผนการรับนักเรียนแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ รับนักเรียนเดิมไม่เกินร้อยละ 80 และเปิดโอกาสรับนักเรียนทั่วไปไม่เกินร้อยละ 20 อย่างไรก็ตาม สพฐ.ได้กำหนดไว้ในแนวปฏิบัติการรับนักเรียนปีการศึกษา 2555 ชัดเจนว่า หากเด็กจบ ม.3 เกินกว่าแผนการรับ ม.4 ก็ให้พิจารณาจากคะแนนเฉลี่ยสะสม หรือ GPA โดยไล่ตามคะแนนตั้งแต่เกรดเฉลี่ย 4.00 จนให้ครบตามจำนวนที่กำหนดแผนรับ เท่ากับว่า นักเรียนจากโรงเรียนเดิมที่มีเกรดเฉลี่ยถึงก็จะสามารถเข้าเรียนต่อโรงเรียนเดิมได้โดยอัตโนมัติ ส่วนเด็กที่มีเกรดเฉลี่ยไม่ถึงก็สามารถมาสอบแข่งขันกับเด็กทั่วไปได้

อย่างไรก็ตาม กรณีที่ รมว.ศึกษาธิการ ระบุว่า ในระยะแรกควรจะมีการยืดหยุ่น ตนเข้าใจว่า น่าจะเป็นความยืดหยุ่นที่ในการปรับเปลี่ยนที่จะนำคะแนน O-Net ไปใช้กับการรับนักเรียนก็ได้ ปีนี้ใช้คะแนนโอเน็ตร้อยละ 20 ปีหน้าอาจเพิ่มใช้คะแนน O-Net ถึงร้อยละ 50 ก็ได้ เป็นต้น ทั้งนี้ หลักเกณฑ์ไม่ได้ตายตัวเพียงแต่ต้องเป็นหลักเกณฑ์เดียวกับที่ คณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) มีมติเห็นชอบ และ สพฐ.ได้ประกาศการเป็นนโยบายการรับนักเรียนซึ่งจะครอบคลุมโรงเรียนทุกประเภท นำไปใช้ปฏิบัติ
กำลังโหลดความคิดเห็น