เผยต้นตอวลีฮิต “เรื่องนี้ถึงครูอังคณาแน่” เด็ก ม.1 ร.ร.มัธยมฯ ในสมุทรสาคร แพร่คลิปผ่านยูทิวบ์ ขู่จะฟ้องครูประจำชั้น หลังโดนเพื่อนไล่ออกจากกลุ่มในเฟซบุ๊ก ด้าน “ครูอังคณา” ตัวจริง เผยเคลียร์เรื่องจบไปตั้งแต่เดือน ม.ค.แล้ว ชี้ แฟนเพจชื่อตนและนักเรียนคู่กรณี เป็นของปลอมทั้งสิ้น
ประโยคที่ว่า “เรื่องนี้ถึงครูอังคณาแน่” กำลังกลายเป็นวลีฮิตในสังคมออนไลน์ และมีการนำไปพูดกันมากในขณะนี้ ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่า มาจากวิดีโอคลิปในเว็บไซต์ยูทิวบ์ ชื่อ “เรื่องนี้ถึงครูอังคณาแน่” ที่มีการแชร์กันอย่างแพร่หลายทั้งทางเฟซบุ๊ก และทวิตเตอร์
เนื้อหาในวิดีโอคลิปดังกล่าว เป็นภาพเด็กชายคนหนึ่งพูดด้วยน้ำเสียงก้าวร้าว ว่า “หวัดดีเพื่อนๆ ชาวเฟซบุ๊กครับ คือ ผมได้อัดคลิปเข้าไปแล้ว มีกระแสคอมเมนต์เกิดขึ้นมาบอกว่าให้อัดคลิปที่สองฮะ จัดไปฮับ ไอ้บอลเอ๊ย คิดได้เนาะ ให้ไล่กูออกจากพวกเราชาว 1/9 อ่ะ ก็เพราะเรื่องกะโหลกกะลาแค่นี้เองเหรอ ทำไมอ่ะ เหอะ ไอ้บอล บอกกูหน่อยเดะ ทำไมต้องไล่กูออกด้วย เพราะเรื่องกะโหลกกะลาแค่นี้เองเหรอ ถ้าไม่เอากูเป็นพวกเราชาว 1/9 เรื่องนี้ถึงครูอังคณาแน่” ซึ่งพบว่าวีดีโอคลิปชิ้นนี้ถูกแชร์ในสื่อสังคมออนไลน์ทั้งเฟซบุ๊กและทวิตเตอร์เป็นจำนวนมาก
นอกจากนี้ ยังมีวิดีโออีกคลิปหนึ่ง ชื่อ “ก่อน เรื่อง นี้ ถึง ครู อังคณา แน่ v.1” โดยเด็กชายคนเดียวกันดังกล่าวพูดว่า “หวัดดีเพื่อนๆ ชาวเฟซบุ๊กครับ คือ กูทนไม่ไหวกูขออัดคลิปแม่งเลย คือ พิมพ์เป็นตัวอักษร หรือตัดต่อคลิปแล้วมันไม่สะใจ มันไม่ได้น้ำเสียงจริงๆ จังๆ หงะ คือตอนเนี๊ย กูเข้ากลุ่มพวกเราชาว 1/9 ไม่ได้เลย ทำไมหงะ ไอ้เรื่องแค่เนี้ย แล้วมัน หนักกบาลใครอะ กูก็จุด ก็ จุดแล้ว มึง มาเสือกจุดด้วยอะ”
ต่อมามีการเผยแพร่วิดีโอคลิปชื่อ “ก่อน เรื่อง นี้ ถึง ครู อังคณา แน่ v.2” ข้อความว่า “หวัดดีเพื่อนๆ ชาวเฟซบุ๊กครับ คือ ตอนนี้กูเข้ากลุ่มพวกเราชาว 1/9 ไม่ได้อีกแล้ว ถ้าถามผมว่าใครเป็นคนบล็อก ผมบอกได้คำเดียวครับ ไอ้บอล หรือไม่ก็พวกที่ทำตัวเป็นแอดมินแล้วแม่งลบกูออกง่ะ กูถามจริงเหอะ กูผิดอะไร” ซึ่งถูกส่งต่อในสื่อสังคมออนไลน์ไม่แพ้กัน
เมื่อผู้สื่อข่าวตรวจสอบที่มาของเหตุการณ์ดังกล่าวในเบื้องต้น พบว่า เป็นกรณีพิพาทระหว่าง ด.ช.พงศธร (ขอสงวนนามสกุล) ซึ่งเป็นผู้อัดวิดีโอคลิป กับ ด.ช.ปวริศร์ (ขอสงวนนามสกุล) ซึ่งมีชื่อเล่นว่า บอล ทั้งสองเป็นนักเรียนชั้น ม.1/9 โรงเรียนกระทุ่มแบน วิเศษสมุทคุณ ต.ตลาดกระทุ่มแบน อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร กรณีดังกล่าวเกิดจากการที่ ด.ช.ปวริศร์ ตัดสินใจบล็อกไม่ให้ ด.ช.พงศธร เข้ากลุ่ม ม.1/9 ด้วยเหตุผลบางประการ ด.ช.พงศธร ไม่พอใจจึงบันทึกภาพเป็นวิดีคลิปขู่ว่าจะนำเรื่องนี้ไปฟ้องครูอังคณานำเผยแพร่ทางยูทูป ส่วนอาจารย์ที่ถูกพาดพิงถึงในวิดีโอคลิป คาดว่า เป็น นางอังคณา แสบงบาล ครู คศ.1 ซึ่งเป็นครูประจำชั้น ม.1/9 ของโรงเรียนแห่งนี้
ต่อมา นางอังคณา แสบงบาล ครู คศ.1 โรงเรียนกระทุ่มแบน วิเศษสมุทคุณ เปิดเผยกับทวิตเตอร์ @yoware สื่อมวลชนสำนักหนึ่งว่า เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อประมาณเดือน ม.ค.2555 ที่ผ่านมา อันเนื่องมาจากน้องบอล หรือ ด.ช.ปวริศร์ ซึ่งเป็นหัวหน้าห้อง ม.1/9 ได้ตั้งกลุ่มในเฟซบุ๊กของห้อง ม.1/9 ซึ่งได้ดึงตนไปอยู่ด้วย โดยกรุ๊ปดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อใช้คุยกันในห้องเวลาอาจารย์สั่งงาน หรือหากมีสอบต้องเตรียมอะไรไปบ้าง ก็จะใช้กลุ่มในเฟซบุ๊กนี้ประชุมกัน โดยได้ตั้งกติกาไว้ว่า ห้ามใช้คำหยาบ ห้ามมีพฤติกรรมเชิงชู้สาว และถ้าใครไม่มีเฟซบุ๊กเล่น เวลามีเรื่องด่วนสำคัญที่ลงเฟซบุ๊กไว้ให้โทรศัพท์แจ้งกันด้วย
ทั้งนี้ วันที่เกิดเรื่องประมาณวันที่ 5-6 ม.ค.ที่ผ่านมา เท่าที่ตนทราบ หัวหน้าห้องนั่งทำงานอยู่ และมีเด็กที่โพสต์คลิปดังกล่าว คือ ด.ช.พงศธร หรือ น้องโอ๊ต พิมพ์คอมเมนต์เป็นเครื่องหมายจุด (.) ซ้ำกันหลายครั้ง ซึ่งทำให้งานของหัวหน้าห้องที่คุยงานกับเพื่อนที่เล่นเฟซบุ๊กด้วยกันเกิดค้าง ก็เลยบล็อกน้องโอ๊ตไม่ให้เข้ากลุ่มห้อง 1/9 ทำให้น้องโอ๊ตไม่พอใจ ซึ่งพอตนทราบเรื่องก็ได้เรียกสมาชิกในห้องมาคุยกัน และเคลียร์กันว่าเพื่อไม่ให้มีปัญหาแบบนี้ จึงกำชับว่าห้ามใช้คำหยาบ และห้ามทะเลาะกัน ซึ่งได้เคลียร์กันไปหมดแล้ว และหัวหน้าห้องได้ดึงน้องโอ๊ต กลับเข้ากลุ่มในเฟซบุ๊กเหมือนเดิม ซึ่งเรื่องนี้จบไปตั้งแต่เดือน ม.ค.แล้ว อย่างไรก็ตาม น้องโอ๊ตได้กล่าวกับนางอังคณาว่าตนไม่ได้เป็นคนนำวิดีโอคลิปนี้ไปลงในเว็บไซต์ยูทิวบ์
นางอังคณา ยังกล่าวถึงกระแสในเฟซบุ๊กที่นำประโยคที่ว่า “เรื่องนี้ถึงครูอังคณาแน่” มาพูดล้อเลียนกันเล่นว่า การใช้เฟซบุ๊กมีทั้งข้อดีและข้อเสีย ซึ่งตนได้บอกถึงประโยชน์ในการใช้พร้อมกับให้นักเรียนระวังการลงรูปภาพที่ไม่เหมาะสม การใช้คำหยาบ โดยกำชับว่าการพิมพ์อะไรลงไปต้องดูชื่อเสียงของห้องด้วย เพราะการพิมพ์อะไรสักอย่างหนึ่ง ชื่อหนูก็ขึ้น ชื่อห้องก็ขึ้น ชื่อโรงเรียนก็ขึ้น เพราะฉะนั้นจะทำะไรก็ควรใช้ให้เหมาะสม ใช้ในเวลาที่ควรจะใช้ ซึ่งเตือนว่าถ้ามีปัญหาอะไรก็งดการเล่นเฟซบุ๊กลงบ้าง ซึ่งนานๆ ตนก็จะเข้าไปดูสักครั้งหนึ่ง เพราะว่าตนก็ไม่ได้เข้าบ่อย ทั้งนี้ตนเห็นว่าการใช้เฟซบุ๊กถ้าใช้ในทางสร้างสรรค์ก็น่าจะใช้ได้ เพราะครูบางคนให้ส่งงานทางเฟซบุ๊กก็มี เวลามีเรื่องแจ้งให้ทราบทางเฟซบุ๊กก็จะรวดเร็ว ซึ่งก็สอนว่าเรื่องไหนควรใช้เฟซบุ๊กในทางสร้างสรรค์อย่างไร
อย่างไรก็ตาม จากกรณีดังกล่าว เมื่อเช้านี้ตนได้คุยทั้งน้องบอล หัวหน้าห้อง และสมาชิกในห้อง ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่ามันเกิดอะไรขึ้น เนื่องจากเรื่องนี้จบไปตั้งแต่เดือนมกราคมแล้ว มันเกิดขึ้นอะไรอีก ขณะเดียวกัน น้องโอ๊ตได้กล่าวว่า ตนไม่ได้เป็นคนเอาวิดีโอคลิปไปลง ตอนนี้ทุกคนในห้องไม่ได้มีปัญหา ไม่ได้ทะเลาะกัน ก็เลยงงว่ามันเกิดอะไรขึ้น ขณะเดียวกัน ตอนนี้เด็กโทร.มาบอกว่า ขณะนี้มีการสร้างแฟนเพจปลอมโดยใช้ชื่ออังคณา ชื่อโอ๊ต ชื่อบอล ซึ่งตนก็ไม่ได้เป็นคนสร้าง และตนเองก็ไม่ได้เก่งเรื่องคอมพิวเตอร์ อย่างไรก็ตาม ในห้อง ม.1/9 ตนให้อภัยกับนักเรียนทุกเรื่อง แต่ขออยู่เรื่องเดียว คือ เรื่องทะเลาะวิวาท ถ้าเราอยู่ห้องเดียวกันแล้วทำไมเราไม่รักกัน ส่วนที่น้องโอ๊ตบอกว่าเรื่องนี้ถึงครูอังคณาแน่นั้น ในความเป็นจริงตนก็ไม่ได้เป็นคุณครูใจร้ายเท่าไหร่ แต่เห็นว่าในห้อง ม.1/9 เวลามีปัญหาอะไรเด็กๆ ก็จะบอก อย่างไรก็ตาม โดยปกติตนไม่ค่อยลงโทษเด็ก นอกจากมีอยู่ครั้งหนึ่งที่มีเรื่องทะเลาะกัน
ในตอนท้าย นางอังคณา ได้กล่าวถึงการสร้างเพจปลอมในอินเทอร์เน็ต ว่า ขณะนี้เวลาเข้าไปดูอะไรในอินเทอร์เน็ตแล้วอย่าคิดว่าเป็นครูอังคณา อย่าคิดว่าเป็นโอ๊ต อย่าคิดว่าเป็นบอล ยืนยันว่าไม่ใช่ตนแน่นอน เพราะตนไม่รู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์มาก เพราะฉะนั้นเรื่องการสร้างเพจเป็นไปไม่ได้เลย เพราะทำไม่เป็นเลย กลัวว่าเวลาคนอื่นที่เอาชื่อตนและนักเรียนไปใช้ อยากจะฝากบอกเลยว่าไม่ว่าจะเป็นบอล หรือโอ๊ต ให้โอ๊ต อยู่นิ่งๆ ไม่ต้องทำอะไรทั้งสิ้น เพราะเวลานี้ไม่ว่าเพจชื่อบอล ชื่อโอ๊ต ชื่อครูอังคณา ไม่ใช่ตัวจริงทั้ง 3 คน และวอนให้เอาเพจออก เพราะแม้จะเป็นความสนุกของเขา แต่เป็นความทุกข์ของครู และความทุกข์ของเด็กด้วย ซึ่งยังเป็นน้องๆ ม.1 คนที่มีความรู้มีความสามารถด้านนี้ก็น่าจะเอาไปใช้ในเชิงสร้างสรรค์มากกว่า
ลิงก์วิดีโอคลิปที่เกี่ยวข้อง
“เรื่องนี้ถึงครูอังคณาแน่”
“ก่อนเรื่องนี้ถึงครูอังคณาแน่ v.1”
“ก่อนเรื่องนี้ถึงครูอังคณาแน่ v.2”