ศึกชิงเก้าอี้นายก อบจ.สมุทรสาคร เปลี่ยนอำนาจจากลูกสู่พ่อ ทิ้งขาดคู่แข่ง

ผลเลือกตั้งนายก อบจ.สมุทรสาคร อย่างเป็นทางการ “มณฑล ไกรวัตนุสสรณ์” ผู้สมัครหมายเลข 2 ซึ่งเป็นบิดาของนายอุดร ไกรวัตนุสสรณ์ นายกคนเก่าที่ถูกยิงเสียชีวิต ได้ 137,910 คะแนน ตามด้วยอันดับ 2 นายอัคคเดช สุวรรณชัย ผู้สมัครหมายเลข 1 ได้ 46,020 คะแนน และอันดับ 3 นายกันต์กวี ทับสุวรรณ ผู้สมัครหมายเลข 3 ได้ 23,866 คะแนน


วันนี้ (19 ก.พ.) ผู้สื่อข่าวรายงานการนับคะแนนเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรสาคร รวม 556 หน่วย แบ่งออกเป็น อำเภอเมืองสมุทรสาคร 252 หน่วย อำเภอกระทุ่มแบน 178 หน่วย และอำเภอบ้านแพ้ว 126 หน่วย ผู้มีสิทธิลงคะแนนเสียงเลือกตั้งมีทั้งสิ้น 370,309 คน แบ่งเป็นอำเภอกระทุ่มแบน 184,900 คน อำเภอกระทุ่มแบน 114,204 คน และอำเภอบ้านแพ้ว 71,205 คน โดยผลการนับคะแนนอย่างเป็นทางการปรากฏว่า

อ.เมืองสมุทรสาคร นายอัคคเดช สุวรรณชัย หมายเลข 1 ได้ 27,940 คะแนน, นายมณฑล ไกรวัตนุสสรณ์ ผู้สมัครหมายเลข 2 ได้ 59,990 คะแนน และนายกันต์กวี ทับสุวรรณ ผู้สมัครหมายเลข 3 ได้ 15,327 คะแนน

อ.กระทุ่มแบน นายอัคคเดช สุวรรณชัย ผู้สมัครหมายเลข 1 ได้ 10,413 คะแนน, นายมณฑล ไกรวัตนุสสรณ์ ผู้สมัครหมายเลข 2 ได้ 43,089 คะแนน และ นายกันต์กวี ทับสุวรรณ ผู้สมัครหมายเลข 3 ได้ 5,018 คะแนน

ส่วน อ.บ้านแพ้ว นายอัคคเดช สุวรรณชัย ผู้สมัครหมายเลข 1 ได้ 7,667 คะแนน, นายมณฑล ไกรวัตนุสสรณ์ ผู้สมัครหมายเลข 2 ได้ 34,831 คะแนน และ นายกันต์กวี ทับสุวรรณ ผู้สมัครหมายเลข 3 ได้ 3,521 คะแนน

สรุปภาพรวมผลการนับคะแนน ผู้ที่มีคะแนนนำเป็นอันดับ 1 คือ นายมณฑล ไกรวัตนุสสรณ์ ผู้สมัครหมายเลข 2 ซึ่งเป็นบิดาของนายอุดร ไกรวัตนุสสรณ์ นายกคนเก่าที่ถูกยิงเสียชีวิต ได้ 137,910 คะแนน ตามด้วยอันดับ 2 นายอัคคเดช สุวรรณชัย ผู้สมัครหมายเลข 1 ได้ 46,020 คะแนน และอันดับ 3 นายกันต์กวี ทับสุวรรณ ผู้สมัครหมายเลข 3 ได้ 23,866 คะแนน

นายมณฑล ไกรวัตนุสสรณ์ ว่าที่นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรสาคร กล่าวภายหลังทราบผลอย่างไม่เป็นทางการว่า ตนรู้สึกดีใจและขอบคุณชาวสมุทรสาครที่ให้ความเมตตาลงคะแนนให้ตนจำนวนมาก ทั้งนี้ จากการหาเสียงในช่วงที่ผ่านมาตนเหนื่อยพอสมควร แต่วันนี้พอได้คะแนนมาก็หายเหนื่อยแล้ว ซึ่งการที่ตนได้รับการเลือกตั้ง เห็นว่าเนื่องจากนายอุดร ไกรวัตนุสสรณ์ อดีตนายก อบจ.สมุทรสาครที่ถูกยิงเสียชีวิตก่อนหน้านี้ได้ทำผลงานไว้เป็นที่ประทับใจประชาชน ซึ่งตนได้ประกาศจะสานงานต่อ ก่องานใหม่ และจะดูแลเรื่องการศึกษา เช่น ห้องสมุดมีชีวิต อัตราครู 200 อัตรา การสนับสนุนการเรียนรู้

นอกจากนี้ ในช่วงน้ำท่วมที่ผ่านมา ตนได้เรียนต่อ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เพื่อประสานไปยังกระทรวงคมนาคมมาขุดลอกคูคลองปลายแหลมต่างๆ ทำให้น้ำไหลลงทะเลเร็วขึ้น ซึ่งงานแรกที่ตนจะทำคือการสานต่อการขุดลอกปากอ่าวมหาชัยหรือแหลมต่างๆ ซึ่งจะทำให้การระบายน้ำท่วมปีต่อๆ ไปเกิดความเสียหายน้อยที่สุด เพราะจังหวัดสมุทรสาครมีโรงงานอุตสาหกรรม 5 พันแห่ง หากไม่ดำเนินการช่วยเหลือ ปล่อยให้เสียหายเหมือนปีที่ผ่านมาจะเกิดความสูญเสียทางเศรษฐกิจของจังหวัดและโดยรวม ซึ่งตนพร้อมและมีความสามารถในการดำเนินงานเป็นอย่างดี

เมื่อถามว่า การเข้ามาบริหารงานใน อบจ.สมุทรสาคร มีความพร้อมแค่ไหน นายมณฑลกล่าวว่า ตนผ่านประสบการณ์เป็น รมช.เกษตรและสหกรณ์ ดูงานมาทั่วประเทศ เชื่อว่างานใน อบจ.สมุทรสาคร ซึ่งเป็นจังหวัดเล็กๆ นั้นตนทำได้ดี และตนยังเชื่อมั่นว่ายังมีลูกอีก 2 คนจะเข้ามาช่วย ซึ่งในอีก 2-3 เดือนหากนายอุดม ไกรวัตนุสสรณ์ อดีต ส.ส.สมุทรสคร และกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย พ้นโทษถูกตัดสิทธิทางการเมือง 5 ปีจะให้มาเป็นรองนายก อบจ.สมุทรสาครช่วยตนอีกแรง

นายประชา ไพประพันธ์ กรรมการการเลือกตั้งประจำองค์การบริหารส่วนจังหวัด (กกต.อบจ.) สมุทรสาคร กล่าวว่า การเลือกตั้งในครั้งนี้ไม่มีอะไรที่น่าวิตกกังกล ซึ่งจากการออกตรวจหน่วยเลือกตั้งร่วมกับนายประพันธ์ นัยโกวิท กรรมการการเลือกตั้งจากส่วนกลาง (กกต.กลาง) และกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัด (กกต.จว.) สมุทรสาคร ในช่วงระหว่างการเลือกตั้งก็เป็นไปเรียบร้อยดี ส่วนหน่วยเลือกตั้งทั้ง 556 หน่วยใน 3 อำเภอก็ไม่พบการกระทำความผิดกฎหมายเลือกตั้ง นอกจากที่ กกต.จว.สมุทรสาครได้รับเรื่องไว้ก่อนหน้านี้ก็มีอยู่บ้าง ซึ่งหลังจากนี้หากมีเรื่องร้องเรียนเข้ามาภายหลังก็ให้ กกต.จว.สมุทรสาครเป็นคนดำเนินการ และจะประกาศรับรองผลการเลือกตั้งอีกครั้ง ก่อนส่งผลการเลือกตั้งให้ กกต.กลางทราบต่อไป