สธ.-คมนาคม ผนึกกำลังรองรับ “นโยบายเจ็บป่วยฉุกเฉิน รักษาทุกที่ ทั่วถึงทุกคน” จัดรณรงค์สร้างความรู้ความเข้าใจที่สถานีรถไฟทั่วประเทศก่อนเทศกาลสงกรานต์
วันนี้ (5 เม.ย.) นายสุรชัย เบ้าจรรยา ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวในการแถลงข่าวความร่วมมือให้ความรู้ความเข้าใจกับประชาชนเรื่อง “กระทรวงสาธารณสุข และกระทรวงคมนาคม รณรงค์รองรับนโยบายเจ็บป่วยฉุกเฉินรักษาทุกที่ทั่วถึงทุกคน” ที่สถานีรถไฟหัวลำโพง ว่า ตามนโยบายบริการเจ็บป่วยฉุกเฉิน 3 กองทุนนั้น ซึ่งเริ่มบริการตั้งแต่ 1 เม.ย.ที่ผ่านมา นั้น ล่าสุด สธ.กได้ร่วมมือกับกระทรวงคมนาคมผนึกกำลังรองรับนโยบาย “เจ็บป่วยฉุกเฉิน รักษาทุกที่ ทั่วถึงทุกคนเร่งให้ความรู้ความเข้าใจให้ประชาชน” ก่อนเดินทางกลับภูมิลำเนาช่วงวันหยุดยาวเทศกาลสงกรานต์นี้ เพื่อใหเประชาชนได้รับบริการที่เท่าเทียม และทั่วถึง ซึ่งป็นสิ่งที่ 3 กองทุน มีเป้าหมายที่สอดคล้องกัน คือ เมื่อมีผู้เจ็บป่วยฉุกเฉินที่อาจถึงแก่ชีวิต จะต้องไม่ถูกถามสิทธิ และสามารถรักษาได้ทันทีในทุกพื้นที่ โดยคนไทยทุกคนจะต้องได้รับบริการด้วยมาตรฐานเดียวกัน ซึ่งจะช่วยแก้ไขปัญหาความไม่เสมอภาคระหว่าง 3 กองทุนสุขภาพของรัฐ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการบ่ายเบี่ยงการรักษา การถามสิทธิก่อนรักษา และต้องสำรองจ่ายเงินก่อนการรักษาของผู้ป่วยฉุกเฉิน อันเป็นอุปสรรคสำคัญในการบริหารจัดการที่ผ่านมา
นายประเสริฐศิริ สุขะวัธนกุล ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจการขนส่งทางน้ำ กระทรวงคมนาคม กล่าวว่า กระทรวงคมนาคม เห็นความสำคัญของนโยบายดังกล่าว และเพื่อเป็นการประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนเข้าใจ จึงได้สนับสนุนให้มีการจัดตั้งนิทรรศการ เพื่อคุณภาพบริการ หลักประกันสุขภาพ เจ็บป่วยฉุกเฉิน รักษาทุกที่ ทั่วถึงทุกคน ตามสถานีรถไฟทั่วประเทศไทย ท่าอากาศยานขนาดใหญ่ 12 แห่งทั่วประเทศ ได้แก่ 1.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ 2.ท่าอากาศยานดอนเมือง 3.ท่าอากาศยานเชียงใหม่ 4.ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย 5.ท่าอากาศยานหาดใหญ่ 6.ท่าอากาศยานภูเก็ต 7.ท่าอากาศยานสุราษฎร์ธานี 8.ท่าอากาศยานขอนแก่น 9.ท่าอากาศยานนครศรีธรรมราช 10.ท่าอากาศยานอุดรธานี 11.ท่าอากาศยานพิษณุโลก 12.ท่าอากาศยานอุบลราชธานี และสถานีขนส่ง 15 แห่งทั่วประเทศ กระทรวงคมนาคมได้เตรียมความพร้อมรองรับการให้บริการแก่ประชาชนที่จะเดินทางในช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่จะถึงนี้ โดยเฉพาะการรองรับนโยบายของรัฐบาลเรื่องเจ็บป่วยฉุกเฉิน รักษาทุกที่ ทั่วถึงทุกคน เพื่อให้ประชาชนได้เข้าถึงบริการสุขภาพที่มีคุณภาพได้ทันที เป็นการสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับประชาชนไทย
นายวิโรจน์ เตรียมพงศ์พันธ์ รองผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย กล่าวว่า การรถไฟแห่งประเทศไทยในฐานะหน่วยงานดูแลเรื่องการขนส่งผู้โดยสารโดยรถไฟ ซึ่งมีประชาชนใช้บริการจำนวนมาก ขอสนับสนุนนโยบายเจ็บป่วยฉุกเฉิน รักษาทุกที่ ทั่วถึงทุกคน ของรัฐบาลอย่างเต็มที่ โดยได้จัดเตรียมสถานที่เพื่อจัดนิทรรศการสร้างความรู้ความเข้าใจเรื่องการเพิ่มคุณภาพบริการ หลักประกันสุขภาพ ตามนโยบายเจ็บป่วยฉุกเฉิน รักษาทุกที่ ทั่วถึงทุกคน สำหรับจัดแสดงนิทรรศการในสถานีรถไฟหัวลำโพง
ขณะเดียวกัน ในช่วงวันหยุดยาวเทศกาลสงกรานต์ที่จะถึงนี้ การรถไฟแห่งประเทศไทยได้เตรียมความพร้อมรองรับการให้บริการแก่ประชาชนที่เดินทางโดยรถไฟอย่างทั่วถึง โดยเฉพาะการรองรับกับนโยบายเจ็บป่วยฉุกเฉิน รักษาทุกที่ ทั่วถึงทุกคน เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตประชาชนขอให้ทุกท่านมีความสุข และเที่ยวให้สนุกกับเทศกาลสงกรานต์นะครับ ขอบคุณครับ
นพ.วีระวัฒน์ พันธ์ครุฑ รองเลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กล่าวว่า ขณะนี้รัฐบาลได้ให้ความสำคัญในหลักการรักษาพยาบาลทั้ง 3 กองทุน ประกอบด้วย กองทุนสวัสดิการข้าราชการ ระบบประกันสังคม และระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ หรือ 30 บาทรักษาทุกโรค เพื่อให้การบริการผู้ป่วยฉุกเฉิน ซึ่งประชาชนทุกคนสามารถนำบัตรประชาชนใบเดียวไปใช้บริการได้ทุกแห่ง ทั้งโรงพยาบาลของรัฐและเอกชนในกรณีผู้ที่อยู่ในกองทุนทั้ง 3 ระบบ หรือคนใกล้ชิดประสบปัญหาเจ็บป่วยฉุกเฉิน ที่อาจจะนำไปสู่สาเหตุถึงแก่ชีวิต โดยทางสถานพยาบาลที่รับผู้ป่วยเข้ารักษาจะไม่ถามสิทธิ์ อย่างไรก็ตาม โครงการดังกล่าวจะเริ่มต้นตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย.ที่ผ่านมา โดย สปสช.ได้เตรียมความพร้อมเรื่องการเบิกจ่าย ด้วยการปรับปรุงกฎระเบียบต่างๆ ให้กระชับรัดกุม และรวดเร็วมากขึ้นในการให้บริการ โดยกรมบัญชีกลางได้แก้ไขพระราชกฤษฎีกา อนุมัติให้ผู้
ป่วยสิทธิข้าราชการไม่ต้องสำรองจ่าย และสามารถชดเชยในอัตรา 10,500 บาท ต่อผู้ป่วยหนึ่งคนที่อยู่ในภาวะโรควิกฤติฉุกเฉินโดยสำนักงานประสำนักงานประกันสังคม ได้ปรับระบบการเบิกจ่ายกลางทางอิเล็กทรอนิกส์ และ สปสช.ได้ปรับปรุงประกาศให้ใช้อัตรากลาง ซึ่งสปสช.จะเป็นหน่วยเบิกจ่ายกลาง (Clearing house) ให้กับโรงพยาบาลเอกชนทั่วประเทศที่ให้บริการผู้ป่วยฉุกเฉิน
“หวังว่า โครงการนี้จะเป็นประโยชน์ต่อพี่น้องประชาชนทุกคนในการเข้าถึงการบริการการรักษาพยาบาลในนาทีฉุกเฉินและในช่วงวิกฤตของชีวิตได้รับความปลอดภัย ขอให้ทุกท่านมีความสุขและเที่ยวให้สนุกกับเทศกาลสงกรานต์” รองเลขาธิการ กล่าว
วันนี้ (5 เม.ย.) นายสุรชัย เบ้าจรรยา ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวในการแถลงข่าวความร่วมมือให้ความรู้ความเข้าใจกับประชาชนเรื่อง “กระทรวงสาธารณสุข และกระทรวงคมนาคม รณรงค์รองรับนโยบายเจ็บป่วยฉุกเฉินรักษาทุกที่ทั่วถึงทุกคน” ที่สถานีรถไฟหัวลำโพง ว่า ตามนโยบายบริการเจ็บป่วยฉุกเฉิน 3 กองทุนนั้น ซึ่งเริ่มบริการตั้งแต่ 1 เม.ย.ที่ผ่านมา นั้น ล่าสุด สธ.กได้ร่วมมือกับกระทรวงคมนาคมผนึกกำลังรองรับนโยบาย “เจ็บป่วยฉุกเฉิน รักษาทุกที่ ทั่วถึงทุกคนเร่งให้ความรู้ความเข้าใจให้ประชาชน” ก่อนเดินทางกลับภูมิลำเนาช่วงวันหยุดยาวเทศกาลสงกรานต์นี้ เพื่อใหเประชาชนได้รับบริการที่เท่าเทียม และทั่วถึง ซึ่งป็นสิ่งที่ 3 กองทุน มีเป้าหมายที่สอดคล้องกัน คือ เมื่อมีผู้เจ็บป่วยฉุกเฉินที่อาจถึงแก่ชีวิต จะต้องไม่ถูกถามสิทธิ และสามารถรักษาได้ทันทีในทุกพื้นที่ โดยคนไทยทุกคนจะต้องได้รับบริการด้วยมาตรฐานเดียวกัน ซึ่งจะช่วยแก้ไขปัญหาความไม่เสมอภาคระหว่าง 3 กองทุนสุขภาพของรัฐ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการบ่ายเบี่ยงการรักษา การถามสิทธิก่อนรักษา และต้องสำรองจ่ายเงินก่อนการรักษาของผู้ป่วยฉุกเฉิน อันเป็นอุปสรรคสำคัญในการบริหารจัดการที่ผ่านมา
นายประเสริฐศิริ สุขะวัธนกุล ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจการขนส่งทางน้ำ กระทรวงคมนาคม กล่าวว่า กระทรวงคมนาคม เห็นความสำคัญของนโยบายดังกล่าว และเพื่อเป็นการประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนเข้าใจ จึงได้สนับสนุนให้มีการจัดตั้งนิทรรศการ เพื่อคุณภาพบริการ หลักประกันสุขภาพ เจ็บป่วยฉุกเฉิน รักษาทุกที่ ทั่วถึงทุกคน ตามสถานีรถไฟทั่วประเทศไทย ท่าอากาศยานขนาดใหญ่ 12 แห่งทั่วประเทศ ได้แก่ 1.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ 2.ท่าอากาศยานดอนเมือง 3.ท่าอากาศยานเชียงใหม่ 4.ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย 5.ท่าอากาศยานหาดใหญ่ 6.ท่าอากาศยานภูเก็ต 7.ท่าอากาศยานสุราษฎร์ธานี 8.ท่าอากาศยานขอนแก่น 9.ท่าอากาศยานนครศรีธรรมราช 10.ท่าอากาศยานอุดรธานี 11.ท่าอากาศยานพิษณุโลก 12.ท่าอากาศยานอุบลราชธานี และสถานีขนส่ง 15 แห่งทั่วประเทศ กระทรวงคมนาคมได้เตรียมความพร้อมรองรับการให้บริการแก่ประชาชนที่จะเดินทางในช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่จะถึงนี้ โดยเฉพาะการรองรับนโยบายของรัฐบาลเรื่องเจ็บป่วยฉุกเฉิน รักษาทุกที่ ทั่วถึงทุกคน เพื่อให้ประชาชนได้เข้าถึงบริการสุขภาพที่มีคุณภาพได้ทันที เป็นการสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับประชาชนไทย
นายวิโรจน์ เตรียมพงศ์พันธ์ รองผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย กล่าวว่า การรถไฟแห่งประเทศไทยในฐานะหน่วยงานดูแลเรื่องการขนส่งผู้โดยสารโดยรถไฟ ซึ่งมีประชาชนใช้บริการจำนวนมาก ขอสนับสนุนนโยบายเจ็บป่วยฉุกเฉิน รักษาทุกที่ ทั่วถึงทุกคน ของรัฐบาลอย่างเต็มที่ โดยได้จัดเตรียมสถานที่เพื่อจัดนิทรรศการสร้างความรู้ความเข้าใจเรื่องการเพิ่มคุณภาพบริการ หลักประกันสุขภาพ ตามนโยบายเจ็บป่วยฉุกเฉิน รักษาทุกที่ ทั่วถึงทุกคน สำหรับจัดแสดงนิทรรศการในสถานีรถไฟหัวลำโพง
ขณะเดียวกัน ในช่วงวันหยุดยาวเทศกาลสงกรานต์ที่จะถึงนี้ การรถไฟแห่งประเทศไทยได้เตรียมความพร้อมรองรับการให้บริการแก่ประชาชนที่เดินทางโดยรถไฟอย่างทั่วถึง โดยเฉพาะการรองรับกับนโยบายเจ็บป่วยฉุกเฉิน รักษาทุกที่ ทั่วถึงทุกคน เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตประชาชนขอให้ทุกท่านมีความสุข และเที่ยวให้สนุกกับเทศกาลสงกรานต์นะครับ ขอบคุณครับ
นพ.วีระวัฒน์ พันธ์ครุฑ รองเลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กล่าวว่า ขณะนี้รัฐบาลได้ให้ความสำคัญในหลักการรักษาพยาบาลทั้ง 3 กองทุน ประกอบด้วย กองทุนสวัสดิการข้าราชการ ระบบประกันสังคม และระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ หรือ 30 บาทรักษาทุกโรค เพื่อให้การบริการผู้ป่วยฉุกเฉิน ซึ่งประชาชนทุกคนสามารถนำบัตรประชาชนใบเดียวไปใช้บริการได้ทุกแห่ง ทั้งโรงพยาบาลของรัฐและเอกชนในกรณีผู้ที่อยู่ในกองทุนทั้ง 3 ระบบ หรือคนใกล้ชิดประสบปัญหาเจ็บป่วยฉุกเฉิน ที่อาจจะนำไปสู่สาเหตุถึงแก่ชีวิต โดยทางสถานพยาบาลที่รับผู้ป่วยเข้ารักษาจะไม่ถามสิทธิ์ อย่างไรก็ตาม โครงการดังกล่าวจะเริ่มต้นตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย.ที่ผ่านมา โดย สปสช.ได้เตรียมความพร้อมเรื่องการเบิกจ่าย ด้วยการปรับปรุงกฎระเบียบต่างๆ ให้กระชับรัดกุม และรวดเร็วมากขึ้นในการให้บริการ โดยกรมบัญชีกลางได้แก้ไขพระราชกฤษฎีกา อนุมัติให้ผู้
ป่วยสิทธิข้าราชการไม่ต้องสำรองจ่าย และสามารถชดเชยในอัตรา 10,500 บาท ต่อผู้ป่วยหนึ่งคนที่อยู่ในภาวะโรควิกฤติฉุกเฉินโดยสำนักงานประสำนักงานประกันสังคม ได้ปรับระบบการเบิกจ่ายกลางทางอิเล็กทรอนิกส์ และ สปสช.ได้ปรับปรุงประกาศให้ใช้อัตรากลาง ซึ่งสปสช.จะเป็นหน่วยเบิกจ่ายกลาง (Clearing house) ให้กับโรงพยาบาลเอกชนทั่วประเทศที่ให้บริการผู้ป่วยฉุกเฉิน
“หวังว่า โครงการนี้จะเป็นประโยชน์ต่อพี่น้องประชาชนทุกคนในการเข้าถึงการบริการการรักษาพยาบาลในนาทีฉุกเฉินและในช่วงวิกฤตของชีวิตได้รับความปลอดภัย ขอให้ทุกท่านมีความสุขและเที่ยวให้สนุกกับเทศกาลสงกรานต์” รองเลขาธิการ กล่าว