ไทยได้บริษัทจัดซื้อแท็บเล็ตแล้ว ปิดปากเงียบรอคำยืนยันจากจีนก่อน “อนุดิษฐ์” เผยคัดเหลือ 3 บริษัทเท่านั้น ตัด “หัวเว่ย” ทิ้งเหตุเพราะราคาสูงเกินไป ชี้ จากนี้เป็นหน้าที่ กต.ไปจัดทำสัญญาการจัดซื้อให้สอดคล้องกับนโยบาย 2 ประเทศ
วันนี้ (14 มี.ค.) ที่กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการสื่อสารและเทคโนโลยี (ไอซีที) เปิดเผยภายหลังเข้าร่วมประชุม ประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบาย 1 คอมพิวเตอร์แท็บเล็ต ต่อ 1 นักเรียน ที่มี ศ.ดร.สุชาติ ธาดาธำรงเวช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เป็นประธาน ว่า คณะกรรมการบริหารฯ ได้รับทราบผลการดำเนินการคัดเลือกของคณะกรรมการจัดซื้อแท็บเล็ต โดยขณะนี้ ขั้นตอนการคัดเลือกบริษัทเพื่อจัดซื้อแท็บเล็ต แบบ Government to Government จีทูจี ระหว่างรัฐบาลไทย และรัฐบาลสาธารณรัฐประชาชนจีน นั้น ในส่วนของรัฐบาลไทยถือว่าสิ้นสุดแล้ว ซึ่งคณะกรรมการจัดซื้อได้รายงานผลการพิจารณาให้คะแนนบริษัทผลิตแท็บเล็ต ตามที่รัฐบาลจีนเสนอมา คือ บริษัท เสิ่นเจิ้น สโคป ไซแอนทิฟิก ดีเวลลอปเมนต์ (Shenzhen Scope Scientific Development Co,Ltd) บริษัท ทีซีแอล TCL Corporation บริษัท ไฮเออร์ (Hier Information Technology (Shenzhen ) Co,Ltd)
อย่างไรก็ตาม ครั้งนี้ได้เสนอคณะกรรมการบริหาร รับทราบเพียง 3 บริษัทเท่านั้น ไม่ได้เสนอชื่อบริษัท บริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี (Huawei Technology Co,Ltd) เพราะคณะกรรมการจัดซื้อฯ พิจารณาแล้วว่ามีราคาสูงเกินไป แต่รับรองว่า บริษัทที่คณะกรรมการคัดเลือกมีราคาที่เหมาะสม จากนี้จะเป็นหน้าที่ของกระทรวงการต่างประเทศ (กต.) ทำหน้าที่ประสานงานเตรียมการในเรื่องของข้อสัญญาการจัดซื้อ ซึ่งขั้นตอนกระบวนการทุกอย่างจะต้องสอดคล้องกับกฎหมายและระเบียบของทั้งสองประเทศ ทั้งนี้ จะเป็นบริษัทใดได้รับเลือกนั้นต้องรอผลการยืนยันที่รัฐบาลจีนจะตอบกลับมา
“ผมไม่สามารถเปิดเผยได้ในเวลานี้ ว่า คณะกรรมการจัดซื้อได้เลือกบริษัทใด อย่างไรก็ตาม ยังไม่สามารถเปิดเผยผลการตัดสินใจว่าคณะกรรมการเลือกจัดซื้อกับบริษัทใด เพราะเกรงว่าจะเกิดปัญหาตามมาเช่นเดียวกับกรณีรถดับเพลิง แต่พร้อมจะเปิดเผยข้อมูลรายชื่อบริษัท และอื่น ๆ เมื่อได้รับคำตอบจากรัฐบาลจีนแล้ว ทั้งนี้ ในหลักการผมเชื่อว่า รัฐบาลจีนน่าจะเห็นชอบ ตามที่ไทยเสนอชื่อบริษัทไป แต่หากรัฐบาลจีนเสนอชื่อบริษัทอื่นมา ก็ตอบไม่ได้ว่าจะเป็นอย่างไรเหมือนกัน เพราะยังไม่ได้ศึกษาข้อกฎหมาย แต่เข้าใจว่า ต้องมาทบทวนว่ากรณีเช่นนี้จะขัดต่อระเบียบการจัดซื้อแบบจีทูจี” รมว.ไอซีที กล่าว