น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ รมว.เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร กล่าวว่า ในวันที่ 5 มี.ค.2555 คณะกรรมการนโยบายแท็ปเล็ต ป.1 ชุดที่มี นายสุชาติ ธาดาธำรงเวช รมว.ศึกษาธิการ เป็นประธาน จะนัดประชุมเพื่อเลือกบริษัทผู้ผลิตแท็บเล็ตจากประเทศจีน ที่ขณะนี้รัฐบาลจีนได้เสนอบริษัทผู้ผลิตที่สามารถผลิตได้ตามสเปกที่กำหนด 4 บริษัท คือ บริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี บริษัท ทีซีแอล บริษัท ไฮเออร์ และบริษัท สโคป
ในวันที่ 3-4 มี.ค.2555 คณะอนุกรรมการที่ดูแลรับผิดชอบเรื่องสเปกแท็บเล็ต จะเดินทางไปประเทศจีน เพื่อศึกษารายละเอียดของทั้ง 4 บริษัทก่อนจะนำเสนอให้คณะกรรมการชุดใหญ่ เป็นผู้พิจารณา โดยคาดว่าจะเลือกบริษัทผู้ผลิตเพียงรายเดียว เพื่อสามารถต่อรองราคาต่อเครื่องให้ต่ำลงได้อีกจากที่กำหนดไว้เบื้องต้น 3,100 บาท หรือ ไม่เกิน 3,400 บาท ต่อเครื่อง หลังจากนั้นจะเสนอให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี หรือ ครม.พิจารณาอนุมัติวันที่ 6 มี.ค.2555
โครงการแท็ปเล็ต ป.1 ถือเป็นส่วนหนึ่งของนโยบายสมาร์ทไทยแลนด์ ที่เน้นกระจายการใช้งานทั้งเรื่องอุปกรณ์ และโครงข่ายให้เข้าถึงประชาชนทั่วประเทศอย่างเท่าเทียมภายในปี 2558 มุ่งลดค่าใช้จ่ายด้านไอทีให้เหลือ 3% ของรายได้ประชากร จากปัจจุบันอยู่ในอัตรา 6.5% ขณะที่ประเทศเพื่อนบ้านอย่างสิงคโปร์ มาเลเซียมีค่าใช้จ่ายด้านนี้เพียง 1% เท่านั้น
นอกจากนี้ ยังเป็นการช่วยเพิ่มจีดีพีของประเทศได้มากขึ้น จากผลการวิจัยของบริษัทระดับโลกชี้ให้เห็นชัดเจนว่า ทุกการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงไร้สาย หรือ บรอดแบนด์ 10% จะช่วยเพิ่มผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ หรือ จีดีพี 1.38% ซึ่งรัฐบาลต้องลดการลงทุนซ้ำซ้อนด้านโครงข่าย รวมทั้งจะสามารถทำให้อันดับการน่าลงทุนด้านไอซีทีของไทยขยับขึ้นมาอยู่ที่อันดับ 34 ภายในปี 2558 หรืออีก 3 ปี ข้างหน้า หลังจากช่วง 5 ปีที่ผ่านมา อันดับไอซีทีของไทยลดลงจากอันดับที่ 37 ลงไปอยู่อันดับที่ 49 และ 59 เมื่อปีที่ผ่านมา สวนทางกับประเทศเวียดนามที่อันดับขยับสูงขึ้นมาอยู่ที่ 37 แทนประเทศไทย
สำหรับสเปกที่รัฐบาลไทยได้มอบหมายให้รัฐบาลจีนจัดหาผู้ผลิตยังคงเป็นสเปกเดิม คือ หน้าจอสัมผัส 7 นิ้ว หน่วยบันทึกข้อมูล 16 กิกะไบต์ หน่วยประมวลผลกลาง หรือ ซีพียู แบบดูอัลคอร์ ไม่ต่ำกว่า 1 กิกะเฮิรตซ์ และหน่วยความจำหลักไม่น้อยกว่า 512 เมกะไบต์ ระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ 3.2 (Honeycomb ) และรองรับ แอนดรอยด์ 4.0 (Ice Cream Sandwich) ได้.
ในวันที่ 3-4 มี.ค.2555 คณะอนุกรรมการที่ดูแลรับผิดชอบเรื่องสเปกแท็บเล็ต จะเดินทางไปประเทศจีน เพื่อศึกษารายละเอียดของทั้ง 4 บริษัทก่อนจะนำเสนอให้คณะกรรมการชุดใหญ่ เป็นผู้พิจารณา โดยคาดว่าจะเลือกบริษัทผู้ผลิตเพียงรายเดียว เพื่อสามารถต่อรองราคาต่อเครื่องให้ต่ำลงได้อีกจากที่กำหนดไว้เบื้องต้น 3,100 บาท หรือ ไม่เกิน 3,400 บาท ต่อเครื่อง หลังจากนั้นจะเสนอให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี หรือ ครม.พิจารณาอนุมัติวันที่ 6 มี.ค.2555
โครงการแท็ปเล็ต ป.1 ถือเป็นส่วนหนึ่งของนโยบายสมาร์ทไทยแลนด์ ที่เน้นกระจายการใช้งานทั้งเรื่องอุปกรณ์ และโครงข่ายให้เข้าถึงประชาชนทั่วประเทศอย่างเท่าเทียมภายในปี 2558 มุ่งลดค่าใช้จ่ายด้านไอทีให้เหลือ 3% ของรายได้ประชากร จากปัจจุบันอยู่ในอัตรา 6.5% ขณะที่ประเทศเพื่อนบ้านอย่างสิงคโปร์ มาเลเซียมีค่าใช้จ่ายด้านนี้เพียง 1% เท่านั้น
นอกจากนี้ ยังเป็นการช่วยเพิ่มจีดีพีของประเทศได้มากขึ้น จากผลการวิจัยของบริษัทระดับโลกชี้ให้เห็นชัดเจนว่า ทุกการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงไร้สาย หรือ บรอดแบนด์ 10% จะช่วยเพิ่มผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ หรือ จีดีพี 1.38% ซึ่งรัฐบาลต้องลดการลงทุนซ้ำซ้อนด้านโครงข่าย รวมทั้งจะสามารถทำให้อันดับการน่าลงทุนด้านไอซีทีของไทยขยับขึ้นมาอยู่ที่อันดับ 34 ภายในปี 2558 หรืออีก 3 ปี ข้างหน้า หลังจากช่วง 5 ปีที่ผ่านมา อันดับไอซีทีของไทยลดลงจากอันดับที่ 37 ลงไปอยู่อันดับที่ 49 และ 59 เมื่อปีที่ผ่านมา สวนทางกับประเทศเวียดนามที่อันดับขยับสูงขึ้นมาอยู่ที่ 37 แทนประเทศไทย
สำหรับสเปกที่รัฐบาลไทยได้มอบหมายให้รัฐบาลจีนจัดหาผู้ผลิตยังคงเป็นสเปกเดิม คือ หน้าจอสัมผัส 7 นิ้ว หน่วยบันทึกข้อมูล 16 กิกะไบต์ หน่วยประมวลผลกลาง หรือ ซีพียู แบบดูอัลคอร์ ไม่ต่ำกว่า 1 กิกะเฮิรตซ์ และหน่วยความจำหลักไม่น้อยกว่า 512 เมกะไบต์ ระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ 3.2 (Honeycomb ) และรองรับ แอนดรอยด์ 4.0 (Ice Cream Sandwich) ได้.