คณะกรรมการแท็บเล็ต ป.1 ดับฝันบริษัทไทยร่วมโครงการ เสนอเดินหน้าจีทูจีกับจีน ให้ ครม.เคาะพุธนี้ พร้อมส่งถึงมือเปิดเทอมใหม่ 23 พ.ค.นี้
น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ รมว.กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร หรือ ไอซีที เปิดเผยว่า คณะกรรมการบริหารนโยบายแท็บเล็ต ที่มี นายสุชาติ ธาดาธำรงเวช รมว.ศึกษาธิการเป็นประธาน พร้อมนำเสนอเข้าคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในวันที่ 22 ก.พ.นี้พื่อเสนอรูปแบบของการจัดหาว่าจะเป็นแบบไหน โดยจะมีการเสนอการจัดหาแบบรัฐบาลต่อรัฐบาล(จีทูจี) หากรัฐบาลเห็นชอบให้มีการจัดหาแบบจีทูจีก็จะไม่มีการประมูล แต่จะให้กระทรวงต่างประเทศไปประสานงานกับประเทศจีน
น.อ.อนุดิษฐ์ กล่าวว่า การจัดหาแท็บเล็ต 560,000 เครื่อง เบื้องต้นกำหนดราคาต่อเครื่องไว้ที่ 3,100 บาท และราคาประกอบ 300 บาท รวมราคาแล้ว 3,400 บาท/เครื่อง ซึ่งเป็นราคาที่ตั้งขึ้น ยังไม่ใช่ราคาต่อรอง อย่างไรก็ตาม จะสามารถแจกให้กับนักเรียนชั้น ป.1 ได้ทันเปิดเทอมใหม่นี้วันที่ 23 พ.ค.
สำหรับผู้ที่ทำหน้าที่ตรวจรับสเปกนั้น ทางคณะกรรมการชุดใหญ่จะตั้งคณะอนุกรรมการตรวจสอบสเปกตามที่ได้กำหนดไว้ โดยเป็นสเปกเดิม คือ หน้าจอสัมผัส 7 นิ้ว หน่วยบันทึกข้อมูล 16 กิกะไบต์ หน่วยประมวลผลกลาง หรือ ซีพียู แบบดูอัล คอร์ ไม่ต่ำกว่า 1 กิกะเฮิร์ตซ และหน่วยความจำหลักไม่น้อยกว่า 512 เมกะไบต์ ระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ 3.2 (Honeycomb) และรองรับ แอนดรอยด์ 4.0 (Ice Cream Sandwich) ได้
รมว.ไอซีที กล่าวว่า ไอซีทียังเร่งผลักดันโครงการสมาร์ท ไทยแลนด์ อย่างต่อเนื่อง โดยจะลงทุน 8 หมื่นล้านบาท กระจายโครงข่ายอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง หรือ บรอดแบนด์ ผ่านสายไฟเบอร์ให้เข้าถึงประชากรได้ 80% ในปี 2558 ซึ่งจะเป็นการดำเนินการในลักษณะการใช้เสาสถานีฐานร่วม (Co-site) จากเอกชนทั้งหมดที่มีอยู่ 3.5 หมื่นสถานี
นอกจากนี้ ยังขอให้เอกชนทำหน้าที่กระจายโครงข่ายหลักเข้าถึงผู้ใช้ตามบ้าน หรือ ลาสต์ไมล์ ทั้งหมด 16 ล้านครัวเรือน ผ่านเทคโนโลยีทั้งหมดที่มีอยู่ คือ 3 จี แอลทีอี เอฟทีทีเอกซ์ ตั้งเป้าการมีโครงข่ายเข้าถึงจะช่วยลดค่าใช้จ่ายด้านไอทีของประชากรลงจาก 6% เหลือ 3% และ 1%
รวมทั้งจะสามารถทำให้อันดับการน่าลงทุนด้านไอซีทีของไทยขยับสูงมาอยู่ที่อันดับ 34 ภายในปี 2558 หลังจากช่วง 5 ปีที่ผ่านมา อันดับไอซีทีของไทยลดลงอย่างต่อเนื่องจาก 37 ตกไป 49 และ 59 เมื่อปีที่ผ่านมา สวนทางกับประเทศเพื่อนบ้านอย่างเวียดนามที่อันดับขยับสูงขึ้นมาอยู่ที่ 37 แทนประเทศไทย
ขณะที่การเปิดตัวโครงการสมาร์ท ซิตี้ ที่ จ.นครนายก วันที่ 24 ก.พ.นี้จะเป็นต้นแบบของการให้บริการภาครัฐอิเล็กทรอนิกส์ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นด้านการศึกษา การทำธุรกรรมออนไลน์ บริการอีกอฟเวิร์นเมนท์ ตั้งเป้าเพิ่มรายได้ต่อหัวของประชากรใน จ.นครนายก ได้มากขึ้น จากปัจจุบันที่มีรายได้คนละ 8 หมื่นบาทต่อปี
น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ รมว.กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร หรือ ไอซีที เปิดเผยว่า คณะกรรมการบริหารนโยบายแท็บเล็ต ที่มี นายสุชาติ ธาดาธำรงเวช รมว.ศึกษาธิการเป็นประธาน พร้อมนำเสนอเข้าคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในวันที่ 22 ก.พ.นี้พื่อเสนอรูปแบบของการจัดหาว่าจะเป็นแบบไหน โดยจะมีการเสนอการจัดหาแบบรัฐบาลต่อรัฐบาล(จีทูจี) หากรัฐบาลเห็นชอบให้มีการจัดหาแบบจีทูจีก็จะไม่มีการประมูล แต่จะให้กระทรวงต่างประเทศไปประสานงานกับประเทศจีน
น.อ.อนุดิษฐ์ กล่าวว่า การจัดหาแท็บเล็ต 560,000 เครื่อง เบื้องต้นกำหนดราคาต่อเครื่องไว้ที่ 3,100 บาท และราคาประกอบ 300 บาท รวมราคาแล้ว 3,400 บาท/เครื่อง ซึ่งเป็นราคาที่ตั้งขึ้น ยังไม่ใช่ราคาต่อรอง อย่างไรก็ตาม จะสามารถแจกให้กับนักเรียนชั้น ป.1 ได้ทันเปิดเทอมใหม่นี้วันที่ 23 พ.ค.
สำหรับผู้ที่ทำหน้าที่ตรวจรับสเปกนั้น ทางคณะกรรมการชุดใหญ่จะตั้งคณะอนุกรรมการตรวจสอบสเปกตามที่ได้กำหนดไว้ โดยเป็นสเปกเดิม คือ หน้าจอสัมผัส 7 นิ้ว หน่วยบันทึกข้อมูล 16 กิกะไบต์ หน่วยประมวลผลกลาง หรือ ซีพียู แบบดูอัล คอร์ ไม่ต่ำกว่า 1 กิกะเฮิร์ตซ และหน่วยความจำหลักไม่น้อยกว่า 512 เมกะไบต์ ระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ 3.2 (Honeycomb) และรองรับ แอนดรอยด์ 4.0 (Ice Cream Sandwich) ได้
รมว.ไอซีที กล่าวว่า ไอซีทียังเร่งผลักดันโครงการสมาร์ท ไทยแลนด์ อย่างต่อเนื่อง โดยจะลงทุน 8 หมื่นล้านบาท กระจายโครงข่ายอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง หรือ บรอดแบนด์ ผ่านสายไฟเบอร์ให้เข้าถึงประชากรได้ 80% ในปี 2558 ซึ่งจะเป็นการดำเนินการในลักษณะการใช้เสาสถานีฐานร่วม (Co-site) จากเอกชนทั้งหมดที่มีอยู่ 3.5 หมื่นสถานี
นอกจากนี้ ยังขอให้เอกชนทำหน้าที่กระจายโครงข่ายหลักเข้าถึงผู้ใช้ตามบ้าน หรือ ลาสต์ไมล์ ทั้งหมด 16 ล้านครัวเรือน ผ่านเทคโนโลยีทั้งหมดที่มีอยู่ คือ 3 จี แอลทีอี เอฟทีทีเอกซ์ ตั้งเป้าการมีโครงข่ายเข้าถึงจะช่วยลดค่าใช้จ่ายด้านไอทีของประชากรลงจาก 6% เหลือ 3% และ 1%
รวมทั้งจะสามารถทำให้อันดับการน่าลงทุนด้านไอซีทีของไทยขยับสูงมาอยู่ที่อันดับ 34 ภายในปี 2558 หลังจากช่วง 5 ปีที่ผ่านมา อันดับไอซีทีของไทยลดลงอย่างต่อเนื่องจาก 37 ตกไป 49 และ 59 เมื่อปีที่ผ่านมา สวนทางกับประเทศเพื่อนบ้านอย่างเวียดนามที่อันดับขยับสูงขึ้นมาอยู่ที่ 37 แทนประเทศไทย
ขณะที่การเปิดตัวโครงการสมาร์ท ซิตี้ ที่ จ.นครนายก วันที่ 24 ก.พ.นี้จะเป็นต้นแบบของการให้บริการภาครัฐอิเล็กทรอนิกส์ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นด้านการศึกษา การทำธุรกรรมออนไลน์ บริการอีกอฟเวิร์นเมนท์ ตั้งเป้าเพิ่มรายได้ต่อหัวของประชากรใน จ.นครนายก ได้มากขึ้น จากปัจจุบันที่มีรายได้คนละ 8 หมื่นบาทต่อปี