“อำนวย” ยื่นศาลปกครอง ฟ้อง “สุชาติ-ชินภัทร” พร้อมขอให้มีคำสั่งเพิกถอนนโยบาย ศธ.ให้ ร.ร.รับบริจาคเงินแลกเก้าอี้เรียน ชี้ เลือกปฏิบัติขัด รธน.
วันนี้ (21 ก.พ.) นายอำนวย สุนทรโชติ ประธานชมรมค่านิยมเพื่อสร้างชาติ ได้ยื่นฟ้อง รมว.ศึกษาธิการ และเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ต่อศาลปกครองกลาง ขอให้มีคำสั่งเพิกถอนนโยบายกระทรวงศึกษาธิการที่ให้โรงเรียนสามารถรับบริจาคเงิน โดยแลกกับการได้เข้าเรียน หรือที่นั่งเรียนของนักเรียน รวมทั้งขอเพิกถอนระเบียบกระทรวงศึกษาธิการว่าด้วยการรับนักเรียนปี 2555 ข้อ 3.3.5.4.6 ที่กำหนดให้นักเรียนที่บุตรของข้าราชการครูและบุคลากรโรงเรียน มีสิทธิเข้ารับการศึกษาโดยไม่ต้องสอบ และระเบียบฯข้อ 3.3.5.4.7 ที่กำหนดให้นักเรียนที่อยู่ในอุปการคุณของผู้ที่ทำคุณประโยชน์ให้กับโรงเรียนสามารถได้สิทธิเข้ารับการศึกษาโดยไม่ต้องสอบ เนื่องจากเห็นว่านโยบายและระเบียบฯดังกล่าวขัดต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 10, 30 และ 49 รวมทั้งขัดกับ พ.ร.บ.การศึกษา พ.ศ.2542 มาตรา 13 ด้วย
“นโยบายและระเบียบฯทั้ง 3 ข้อ ขัดรัฐธรรมนูญที่ไม่ให้ความเป็นธรรมกับนักเรียนทั่วไป การให้ลูกคนมีเงินสามารถใช้เงินแลกที่นั่งเรียนไม่เป็นธรรมกับคนยากไร้ ส่วนการให้สิทธิลูกครูเข้าเรียนได้โดยไม่ต้องสอบถือเป็นการเลือกปฏิบัติไม่เป็นธรรมกับลูกครูคนอื่นที่อยู่โรงเรียนและไม่เป็นธรรมกับลูกคนอื่นๆ ที่พ่อแม่ไม่ได้เป็นครูด้วย และการให้สิทธิกับผู้ที่มีอุปการคุณกับโรงเรียนก็ถือเป็นการเลือกปฏิบัติเช่นกัน และเข้าข่ายแปะเจี๊ยะ เพราะว่าจะมีคนนำเงินมาจ่ายให้ ร.ร.ล่วงหน้า 2-3 ปีแล้ว ก็จะใช้วิธีนี้ รวมทั้งเป็นช่องทางให้นักการเมือง ส.ส. ส.ว.ที่หางบประมาณมาให้โรงเรียนมาอ้างตัวว่าเป็นผู้มีอุปการคุณแล้วขอที่นั่งเรียน โดยทุกปีนักการเมืองเหล่านี้จะได้จำนวนนักเรียนในโควต้าจำนวนมากเพื่อฝากเด็กเข้าเรียน” นายอำนวย กล่าว
ส่วนที่ รมว.ศึกษาฯ ออกมาปฏิเสธว่า นโยบายดังกล่าวไม่ได้เกี่ยวข้องกับการแลกที่นั่งเรียนนั้น เห็นว่ายังไม่ชัดเจนว่าการที่บริจาคเงินจะไม่เกี่ยวกับการได้ที่นั่งเรียน มีแต่ใช้คำว่า “อาจจะ” ไม่ได้เรียน ซึ่งคิดว่าทุกปีหากจะไม่รับก็ต้องปฏิเสธว่าการบริจาคเงินจะไม่เกี่ยวกับการได้เข้าเรียนหรือไม่ได้เข้าเรียน โดยในอดีตที่ผ่านมา ทางชมรมฯเคยขอว่าให้ ร.ร.นำนโยบายการรับบริจาคมาใช้หลังจากรับนักเรียนเข้าเรียนแล้ว ดังนั้น การรับนักเรียนของ ร.ร.ในปีการศึกษาใหม่นี้ หากมีโรงเรียนใดนำทั้ง 3 นโยบายที่กระทรวงศึกษาฯออกมาไปใช้เป็นนโยบายของ ร.ร.ก็จะนำเรื่องมายื่นฟ้อง ร.ร.เป็นรายๆ ไป
อย่างไรก็ตาม ในการฟ้องครั้งนี้ นายอำนวย ยังได้ขอให้ศาลไต่สวนฉุกเฉิน เพื่อกำหนดมาตรการบรรเทาทุกข์ชั่วคราวก่อนมีคำพิพากษา โดยให้ศาลสั่งระงับการใช้นโยบายดังกล่าวไว้ก่อนจนกว่าศาลจะมีคำพิพากษา
วันนี้ (21 ก.พ.) นายอำนวย สุนทรโชติ ประธานชมรมค่านิยมเพื่อสร้างชาติ ได้ยื่นฟ้อง รมว.ศึกษาธิการ และเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ต่อศาลปกครองกลาง ขอให้มีคำสั่งเพิกถอนนโยบายกระทรวงศึกษาธิการที่ให้โรงเรียนสามารถรับบริจาคเงิน โดยแลกกับการได้เข้าเรียน หรือที่นั่งเรียนของนักเรียน รวมทั้งขอเพิกถอนระเบียบกระทรวงศึกษาธิการว่าด้วยการรับนักเรียนปี 2555 ข้อ 3.3.5.4.6 ที่กำหนดให้นักเรียนที่บุตรของข้าราชการครูและบุคลากรโรงเรียน มีสิทธิเข้ารับการศึกษาโดยไม่ต้องสอบ และระเบียบฯข้อ 3.3.5.4.7 ที่กำหนดให้นักเรียนที่อยู่ในอุปการคุณของผู้ที่ทำคุณประโยชน์ให้กับโรงเรียนสามารถได้สิทธิเข้ารับการศึกษาโดยไม่ต้องสอบ เนื่องจากเห็นว่านโยบายและระเบียบฯดังกล่าวขัดต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 10, 30 และ 49 รวมทั้งขัดกับ พ.ร.บ.การศึกษา พ.ศ.2542 มาตรา 13 ด้วย
“นโยบายและระเบียบฯทั้ง 3 ข้อ ขัดรัฐธรรมนูญที่ไม่ให้ความเป็นธรรมกับนักเรียนทั่วไป การให้ลูกคนมีเงินสามารถใช้เงินแลกที่นั่งเรียนไม่เป็นธรรมกับคนยากไร้ ส่วนการให้สิทธิลูกครูเข้าเรียนได้โดยไม่ต้องสอบถือเป็นการเลือกปฏิบัติไม่เป็นธรรมกับลูกครูคนอื่นที่อยู่โรงเรียนและไม่เป็นธรรมกับลูกคนอื่นๆ ที่พ่อแม่ไม่ได้เป็นครูด้วย และการให้สิทธิกับผู้ที่มีอุปการคุณกับโรงเรียนก็ถือเป็นการเลือกปฏิบัติเช่นกัน และเข้าข่ายแปะเจี๊ยะ เพราะว่าจะมีคนนำเงินมาจ่ายให้ ร.ร.ล่วงหน้า 2-3 ปีแล้ว ก็จะใช้วิธีนี้ รวมทั้งเป็นช่องทางให้นักการเมือง ส.ส. ส.ว.ที่หางบประมาณมาให้โรงเรียนมาอ้างตัวว่าเป็นผู้มีอุปการคุณแล้วขอที่นั่งเรียน โดยทุกปีนักการเมืองเหล่านี้จะได้จำนวนนักเรียนในโควต้าจำนวนมากเพื่อฝากเด็กเข้าเรียน” นายอำนวย กล่าว
ส่วนที่ รมว.ศึกษาฯ ออกมาปฏิเสธว่า นโยบายดังกล่าวไม่ได้เกี่ยวข้องกับการแลกที่นั่งเรียนนั้น เห็นว่ายังไม่ชัดเจนว่าการที่บริจาคเงินจะไม่เกี่ยวกับการได้ที่นั่งเรียน มีแต่ใช้คำว่า “อาจจะ” ไม่ได้เรียน ซึ่งคิดว่าทุกปีหากจะไม่รับก็ต้องปฏิเสธว่าการบริจาคเงินจะไม่เกี่ยวกับการได้เข้าเรียนหรือไม่ได้เข้าเรียน โดยในอดีตที่ผ่านมา ทางชมรมฯเคยขอว่าให้ ร.ร.นำนโยบายการรับบริจาคมาใช้หลังจากรับนักเรียนเข้าเรียนแล้ว ดังนั้น การรับนักเรียนของ ร.ร.ในปีการศึกษาใหม่นี้ หากมีโรงเรียนใดนำทั้ง 3 นโยบายที่กระทรวงศึกษาฯออกมาไปใช้เป็นนโยบายของ ร.ร.ก็จะนำเรื่องมายื่นฟ้อง ร.ร.เป็นรายๆ ไป
อย่างไรก็ตาม ในการฟ้องครั้งนี้ นายอำนวย ยังได้ขอให้ศาลไต่สวนฉุกเฉิน เพื่อกำหนดมาตรการบรรเทาทุกข์ชั่วคราวก่อนมีคำพิพากษา โดยให้ศาลสั่งระงับการใช้นโยบายดังกล่าวไว้ก่อนจนกว่าศาลจะมีคำพิพากษา
