ปลัดแรงงาน ชี้ เซอร์วิสชาร์จโรงแรม รวมเป็นค่าจ้าง ยกเว้นค่าทิปจากลูกค้าที่ให้โดยตรง สั่ง กสร.ทำเกณฑ์ปฏิบัติปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำ แจงสมาคมโรงแรมเข้าใจตรงกัน
วันนี้ (13 ก.พ.) นพ.สมเกียรติ ฉายะศรีวงศ์ ปลัดกระทรวงแรงงาน (รง.) ในฐานะประธานคณะกรรมการค่าจ้างกลางกล่าวถึงกรณีสมาคมโรงแรมไทยเสนอให้นำเรื่องค่าเซอร์วิสชาร์จมารวมอยู่ในค่าจ้างขั้นต่ำที่กำลังจะปรับฐาน 40% ทั่วประเทศ ว่า ปัจจุบันค่าเซอร์วิสชาร์จของแต่ละโรมแรมมีหลายรูปแบบที่ต่างกัน โดยมีทั้งค่าเซอร์วิสชาร์จที่รวมอยู่ในใบเสร็จค่าบริการของโรงแรม และโรงแรมนำไปรวมเป็นรายได้จ่ายให้กับพนักงานเป็นเงินเดือนในอัตราที่เท่ากันในแต่ละเดือน
ขณะที่บางแห่งก็จะแยกค่าเซอร์วิสชาร์จออกมาจากเงินเดือน แต่จ่ายในรูปแบบของสวัสดิการ หรือบางโรงแรมผู้ใช้บริการเป็นผู้ให้โดยตรงกับพนักงานด้วยความเสน่หา ซึ่งทั้งหมดนี้จะใช้หลักการพิจารณาที่ต่างกัน โดยจะต้องพิจารณาเป็นรายกรณีไปว่าสามารถคิดรวมเป็นค่าจ้างด้วยหรือไม่
ทั้งนี้ โดยหลักการพิจารณาตามกฎหมายคุ้มครองแรงงาน ระบุว่า ค่าเซอร์วิสชาร์จที่รวมอยู่ในเงินเดือนเท่ากันทุกเดือน ให้ถือเป็นค่าจ้างของพนักงาน แต่หากค่าเซอร์วิสชาร์จที่จ่ายให้แก่พนักงานไม่เท่ากันทุกเดือน ก็ไม่ถือเป็นค่าจ้าง แต่จัดให้อยู่ในหมวดสวัสดิการแทน อย่างไรก็ตาม ได้มอบให้กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน (กสร.) ไปดำเนินการจัดทำแนวปฏิบัติเกี่ยวกับการพิจารณาปรับค่าจ้างขั้นต่ำให้มีความชัดเจน และจะแจ้งไปยังสมาคมโรงแรมไทยให้เข้าใจตรงกันโดยทางสมาคมฯได้เชิญกระทรวงแรงงานไปชี้แจงในวันที่ 16 ก.พ.นี้
“หากโรงแรมจ่ายค่าเซอร์วิสชาร์จในรูปของสวัสดิการ ก็อยากให้จ่ายในรูปแบบเดิมต่อไป แม้จะปรับค่าจ้างขั้นต่ำเพิ่ม 40% ในวันที่ 1 เม.ย.นี้ อยากให้นึกถึงใจเขาใจเรา เพราะจะเป็นการสร้างขวัญกำลังใจให้กับลูกจ้าง นายจ้างก็จะได้รับประโยชน์หากลูกจ้างทำงานได้ดีขึ้น อย่างไรก็ตาม กฎหมายคุ้มครองแรงงานระบุไว้ว่า ถ้านายจ้างเคยจ่ายสวัสดิการในรูปแบบใดก็ต้องจ่ายในรูปแบบนั้นต่อไป” ปลัดกระทรวงแรงงาน กล่าว
นายอาทิตย์ อิสโม อธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน (กสร.) กล่าวว่า ค่าเซอร์วิสชาร์จของโรงแรมที่จ่ายให้กับพนักงาน ว่า จะรวมเป็นค่าจ้างของพนักงานหรือไม่นั้นต้องดูที่เจตนาของการให้เป็นหลัก โดยหากจ่ายเป็นค่าตอบแทนในการทำงานตามปกติก็ให้ถือเป็นค่าจ้าง แต่หากนำมาเป็นสวัสดิการ เช่น โบนัส เบี้ยเลี้ยง ก็ไม่ถือเป็นค่าจ้างจากการทำงาน อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ จะต้องพิจารณาจากเจตนาเป็นรายกรณี
“กรณีพนักงานได้ค่าทิปจากลูกค้าโดยที่ลูกค้าให้ส่วนตัว ก็ไม่ถือเป็นค่าจ้างของโรงแรม แต่ถ้าบางโรงแรมมีกฎเกณฑ์ให้พนักงานทุกคนต้องนำเงินค่าทิปมาใส่กล่องรวมและแบ่งให้พนักงานทุกเท่าๆ กัน ก็ถือเป็นค่าจ้างตอบแทนจากการทำงาน” นายอาทิตย์ กล่าว
วันนี้ (13 ก.พ.) นพ.สมเกียรติ ฉายะศรีวงศ์ ปลัดกระทรวงแรงงาน (รง.) ในฐานะประธานคณะกรรมการค่าจ้างกลางกล่าวถึงกรณีสมาคมโรงแรมไทยเสนอให้นำเรื่องค่าเซอร์วิสชาร์จมารวมอยู่ในค่าจ้างขั้นต่ำที่กำลังจะปรับฐาน 40% ทั่วประเทศ ว่า ปัจจุบันค่าเซอร์วิสชาร์จของแต่ละโรมแรมมีหลายรูปแบบที่ต่างกัน โดยมีทั้งค่าเซอร์วิสชาร์จที่รวมอยู่ในใบเสร็จค่าบริการของโรงแรม และโรงแรมนำไปรวมเป็นรายได้จ่ายให้กับพนักงานเป็นเงินเดือนในอัตราที่เท่ากันในแต่ละเดือน
ขณะที่บางแห่งก็จะแยกค่าเซอร์วิสชาร์จออกมาจากเงินเดือน แต่จ่ายในรูปแบบของสวัสดิการ หรือบางโรงแรมผู้ใช้บริการเป็นผู้ให้โดยตรงกับพนักงานด้วยความเสน่หา ซึ่งทั้งหมดนี้จะใช้หลักการพิจารณาที่ต่างกัน โดยจะต้องพิจารณาเป็นรายกรณีไปว่าสามารถคิดรวมเป็นค่าจ้างด้วยหรือไม่
ทั้งนี้ โดยหลักการพิจารณาตามกฎหมายคุ้มครองแรงงาน ระบุว่า ค่าเซอร์วิสชาร์จที่รวมอยู่ในเงินเดือนเท่ากันทุกเดือน ให้ถือเป็นค่าจ้างของพนักงาน แต่หากค่าเซอร์วิสชาร์จที่จ่ายให้แก่พนักงานไม่เท่ากันทุกเดือน ก็ไม่ถือเป็นค่าจ้าง แต่จัดให้อยู่ในหมวดสวัสดิการแทน อย่างไรก็ตาม ได้มอบให้กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน (กสร.) ไปดำเนินการจัดทำแนวปฏิบัติเกี่ยวกับการพิจารณาปรับค่าจ้างขั้นต่ำให้มีความชัดเจน และจะแจ้งไปยังสมาคมโรงแรมไทยให้เข้าใจตรงกันโดยทางสมาคมฯได้เชิญกระทรวงแรงงานไปชี้แจงในวันที่ 16 ก.พ.นี้
“หากโรงแรมจ่ายค่าเซอร์วิสชาร์จในรูปของสวัสดิการ ก็อยากให้จ่ายในรูปแบบเดิมต่อไป แม้จะปรับค่าจ้างขั้นต่ำเพิ่ม 40% ในวันที่ 1 เม.ย.นี้ อยากให้นึกถึงใจเขาใจเรา เพราะจะเป็นการสร้างขวัญกำลังใจให้กับลูกจ้าง นายจ้างก็จะได้รับประโยชน์หากลูกจ้างทำงานได้ดีขึ้น อย่างไรก็ตาม กฎหมายคุ้มครองแรงงานระบุไว้ว่า ถ้านายจ้างเคยจ่ายสวัสดิการในรูปแบบใดก็ต้องจ่ายในรูปแบบนั้นต่อไป” ปลัดกระทรวงแรงงาน กล่าว
นายอาทิตย์ อิสโม อธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน (กสร.) กล่าวว่า ค่าเซอร์วิสชาร์จของโรงแรมที่จ่ายให้กับพนักงาน ว่า จะรวมเป็นค่าจ้างของพนักงานหรือไม่นั้นต้องดูที่เจตนาของการให้เป็นหลัก โดยหากจ่ายเป็นค่าตอบแทนในการทำงานตามปกติก็ให้ถือเป็นค่าจ้าง แต่หากนำมาเป็นสวัสดิการ เช่น โบนัส เบี้ยเลี้ยง ก็ไม่ถือเป็นค่าจ้างจากการทำงาน อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ จะต้องพิจารณาจากเจตนาเป็นรายกรณี
“กรณีพนักงานได้ค่าทิปจากลูกค้าโดยที่ลูกค้าให้ส่วนตัว ก็ไม่ถือเป็นค่าจ้างของโรงแรม แต่ถ้าบางโรงแรมมีกฎเกณฑ์ให้พนักงานทุกคนต้องนำเงินค่าทิปมาใส่กล่องรวมและแบ่งให้พนักงานทุกเท่าๆ กัน ก็ถือเป็นค่าจ้างตอบแทนจากการทำงาน” นายอาทิตย์ กล่าว
