ศธ.ยันแจกแท็บเล็ต ป.1 ทันปีการศึกษา 55 เผยประเทศจีนเตรียมส่งแท็บเล็ตให้ทดลองก่อน 1-2 พันเครื่องช่วงเดือน ก.พ.-มี.ค.นี้ และจะเริ่มส่งล็อตแรก 5 แสนเครื่องในเดือน มิ.ย.และล็อตสองอีก 4 แสนเครื่องช่วงปีงบ 56 หรือประมาณเทอม 2 ระบุนายกฯ กำชับเร่งติดตั้งระบบอินเทอร์เน็ตเพื่อรองรับการใช้งานทั่วประเทศ
น.ส.ศศิธารา พิชัยชาญณรงค์ ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เปิดเผยภายหลังการประชุมหัวหน้าส่วนราชการเพื่อรายงานความคืบหน้าโครงการตามนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล ซึ่งมี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานฯว่า ตนได้รายงานความคืบหน้าโครงการตามนโยบายเร่งด่วน ในส่วนของกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ได้แก่ โครงการคอมพิวเตอร์แบบพกพา หรือ One Tablet Per Child และโครงการกองทุนตั้งตัวได้
ทั้งนี้ ความคืบหน้าโครงการแจกแท็บเล็ตให้นักเรียน ขณะนี้ได้กำหนดสเปกเครื่องแท็บเล็ตเสร็จสิ้นแล้ว จึงเป็นหน้าที่ของกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) ที่จะส่งรายละเอียดดังกล่าวให้กระทรวงการต่างประเทศ (กต.) ไปเจรจารูปแบบจีทูจีกับประเทศจีนต่อไป ทั้งนี้ ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์-มีนาคม ประเทศจีนจะส่งแท็บเล็ตมาให้ ศธ.ทดลองก่อนประมาณ 1,000-2,000 เครื่อง เพื่อนำเนื้อหาหลักสูตรที่ ศธ.ได้จัดเตรียมไว้ทดลองบรรจุลงตัวเครื่องก่อนส่งมอบเครื่องจริงต่อไป จากนั้นในช่วงเดือนเมษายนจะเริ่มอบรมครูให้ใช้แท็บเล็ตได้ และอบรมให้ครูสามารถทำใบงานผ่านแท็บเล็ตได้ จากนั้นในช่วงเดือน มิถุนายน ประเทศจีนจะเริ่มส่งมอบเครื่องแท็บเล็ต ชุดแรกประมาณ 500,000 เครื่องมาให้ และช่วงเดือน ตุลาคมหรือช่วงปีงบประมาณ 2556 จะส่งมอบเครื่องแท็บเล็ตที่เหลือ 400,000 เครื่องมาให้ต่อไป
ดังนั้น ยืนยันว่า ศธ.จะแจกแท็บเล็ตให้นักเรียนชั้น ป.1 ทันในปีการศึกษา 2555 แน่นอน อย่างไรก็ตาม นายกฯยังได้กำชับไปยังสำนักงบประมาณ ให้ดูแลการจัดสรรงบดำเนินการตามนโยบายเร่งด่วนให้ทั่วถึง โดยเฉพาะการจัดสรรงบเพื่อวางโครงข่ายอินเทอร์เน็ตให้ทั่วประเทศเพื่อรองรับการใช้เครื่องแท็บเล็ต นอกจากนี้ในปีงบประมาณ 2556 ศธ.เตรียมตั้งงบจัดซื้อแท็บเล็ตของนักเรียนชั้น ป.1 ที่จะเข้าเรียนในปีการศึกษา 2556 และจะตั้งงบประมาณเพื่อไปจัดซื้อแท็บเล็ตแจกช่วงชั้นอื่นต่อไป ทั้งนี้ ส่วนโครงการกองทุนตั้งตัวได้ เพื่อให้บัณฑิตจบใหม่สามารถกู้เงินไปสร้างกิจการเป็นของตัวเองนั้น สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) ดูแลโครงการดังกล่าวอยู่ ซึ่งเท่าที่ทราบขณะนี้ได้คัดเลือกบริษัทที่จะเป็นหน่วยบ่มเพาะเสร็จสิ้นแล้วได้ 170 หน่วย มีงบประมาณรองรับแล้ว 1,300 ล้านบาท แต่เบื้องต้นโครงการจะมีแนวทางและแผนดำเนินการอย่างไร ก็ต้องให้นายสุชาติพิจารณาต่อไป
น.ส.ศศิธารา พิชัยชาญณรงค์ ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เปิดเผยภายหลังการประชุมหัวหน้าส่วนราชการเพื่อรายงานความคืบหน้าโครงการตามนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล ซึ่งมี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานฯว่า ตนได้รายงานความคืบหน้าโครงการตามนโยบายเร่งด่วน ในส่วนของกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ได้แก่ โครงการคอมพิวเตอร์แบบพกพา หรือ One Tablet Per Child และโครงการกองทุนตั้งตัวได้
ทั้งนี้ ความคืบหน้าโครงการแจกแท็บเล็ตให้นักเรียน ขณะนี้ได้กำหนดสเปกเครื่องแท็บเล็ตเสร็จสิ้นแล้ว จึงเป็นหน้าที่ของกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) ที่จะส่งรายละเอียดดังกล่าวให้กระทรวงการต่างประเทศ (กต.) ไปเจรจารูปแบบจีทูจีกับประเทศจีนต่อไป ทั้งนี้ ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์-มีนาคม ประเทศจีนจะส่งแท็บเล็ตมาให้ ศธ.ทดลองก่อนประมาณ 1,000-2,000 เครื่อง เพื่อนำเนื้อหาหลักสูตรที่ ศธ.ได้จัดเตรียมไว้ทดลองบรรจุลงตัวเครื่องก่อนส่งมอบเครื่องจริงต่อไป จากนั้นในช่วงเดือนเมษายนจะเริ่มอบรมครูให้ใช้แท็บเล็ตได้ และอบรมให้ครูสามารถทำใบงานผ่านแท็บเล็ตได้ จากนั้นในช่วงเดือน มิถุนายน ประเทศจีนจะเริ่มส่งมอบเครื่องแท็บเล็ต ชุดแรกประมาณ 500,000 เครื่องมาให้ และช่วงเดือน ตุลาคมหรือช่วงปีงบประมาณ 2556 จะส่งมอบเครื่องแท็บเล็ตที่เหลือ 400,000 เครื่องมาให้ต่อไป
ดังนั้น ยืนยันว่า ศธ.จะแจกแท็บเล็ตให้นักเรียนชั้น ป.1 ทันในปีการศึกษา 2555 แน่นอน อย่างไรก็ตาม นายกฯยังได้กำชับไปยังสำนักงบประมาณ ให้ดูแลการจัดสรรงบดำเนินการตามนโยบายเร่งด่วนให้ทั่วถึง โดยเฉพาะการจัดสรรงบเพื่อวางโครงข่ายอินเทอร์เน็ตให้ทั่วประเทศเพื่อรองรับการใช้เครื่องแท็บเล็ต นอกจากนี้ในปีงบประมาณ 2556 ศธ.เตรียมตั้งงบจัดซื้อแท็บเล็ตของนักเรียนชั้น ป.1 ที่จะเข้าเรียนในปีการศึกษา 2556 และจะตั้งงบประมาณเพื่อไปจัดซื้อแท็บเล็ตแจกช่วงชั้นอื่นต่อไป ทั้งนี้ ส่วนโครงการกองทุนตั้งตัวได้ เพื่อให้บัณฑิตจบใหม่สามารถกู้เงินไปสร้างกิจการเป็นของตัวเองนั้น สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) ดูแลโครงการดังกล่าวอยู่ ซึ่งเท่าที่ทราบขณะนี้ได้คัดเลือกบริษัทที่จะเป็นหน่วยบ่มเพาะเสร็จสิ้นแล้วได้ 170 หน่วย มีงบประมาณรองรับแล้ว 1,300 ล้านบาท แต่เบื้องต้นโครงการจะมีแนวทางและแผนดำเนินการอย่างไร ก็ต้องให้นายสุชาติพิจารณาต่อไป
