บอร์ด สปสช.เตรียมหารือ เรื่องขยายมาตรา 41 พ.ร.บ.หลักประกันสุขภาพ 6 ก.พ.นี้ “วิทยา” พร้อมยัน ไม่มีแผนล้มระบบหลักประกันสุขภาพ เน้นพัฒนาระบบให้ดีขึ้น
นายวิทยา บุรณศิริ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวถึงกรณีที่คณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บอร์ด สปสช.) จะมีการหารือเรื่องการขยายมาตรา 41 ตาม พ.ร.บ.หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ.2545 ว่า ตนได้มอบหมายให้ นพ.วินัย สวัสดิวร เลขาธิการ สปสช.ได้ดำเนินการจัดการเรื่องนี้แล้ว ซึ่งจะมีการหาประชุมในวันที่ 6 ก.พ.นี้ ขณะที่ร่าง พ.ร.บ.คุ้มครองผู้เสียหายจากการรับบริการสาธารณสุข พ.ศ.....ยังอยู่ระหว่างการดำเนินการในสภา
นายวิทยา กล่าวด้วยว่า ส่วนกรณีเรื่องการดำเนินโครงการนโยบายการเก็บ 30 บาท ว่า รัฐบาลไม่มีนโยบายในการล้มระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ขอและอย่าวิตกกังวลเรื่องของการตั้งคณะอนุกรรมการ แต่สิ่งที่ต้องกังวล คือ เรื่องของการที่มีคนนั่งเก้าอี้หลายตำแหน่งมากกว่า และยืนยันว่า คณะกรรมการสำนักงานหลักประกันสุขภาพสุขภาพแห่งชาติ (บอร์ด สปสช.) มีอำนาจหน้าที่เหนือกว่า คณะอนุกรรมการอย่างแน่นอน ส่วนกรณีที่ นางวรานุช หงส์ประภาส ลาออกจากบอร์ดนั้น ได้มอบหมายให้เลขาธิการ สปสช.ไปดำเนินการตามกระบวนการสรรหามาใหม่แล้ว ซึ่งเมื่อได้ตำแหน่งครบก็จะดำเนินการพัฒนาระบบ หลักประกันสุขภาพให้ดีขึ้น และไม่มีแนวโน้มในการล้มโครงการใดๆ ของ สปสช. ที่เคยดำเนินการมาก่อนแน่นอน แต่สิ่งที่จะเพิ่มขึ้นมา คือ การพัฒนาระบบบริการให้ดีขึ้น เช่น ระบบส่งต่อในภาวะฉุกเฉินและเฉียบพลัน เพื่อให้ทันกับการรักษาที่ทันท่วงที
“ทั้งนี้ ยืนยันว่า ไม่มีกลุ่มใดเสียประโยชน์ตามที่ถูกกล่าวอ้าง นักการเมืองมีแต่จะให้ และวอนทุกคนเข้าใจในประเด็นนี้ด้วย” นายวิทยา กล่าวต่อข้อถามว่า ตามที่ภาคประชาชนร้องเรียนเรื่องที่ นพ.เอื้อชาติ กาญจนพิทักษ์ อดีตนายกสมาคมโรงพยาบาลเอกชน ได้ทำหนังสือถึงรพ.เอกชนที่เป็นคู่สัญญากับระบบประกันสุขภาพให้ไม่เข้าร่วมโครงการล้างไต ได้มอบหมายให้เลขาธิการ สปสช.หาข้อมูลและติดตามเรื่องเพิ่มเติมแล้วค่อยนำเข้าที่ประชุมบอร์ดอีกครั้ง
ด้านนพ.วินัย สวัสดิวร เลขาธิการ สปสช.กล่าวว่า เรื่องการพิจารณามาตรา 41 ตาม พ.ร.บ.หลักประกันสุขภาพฯ ในการขยายสิทธิคุ้มครองผู้ได้รับความเสียหายจากการรับบริการสาธารณสุข นั้น เดิมทีจะคุ้มครองได้เพียงผู้ที่อยู่ในระบบบัตรทองเท่านั้น การที่จะขยายไปถึงประกันสังคมและข้าราชการจำเป็นต้องมีการหารืออย่างละเอียด เนื่องจากจำเป็นต้องแก้กฎหมาย ดังนั้นในการประชุมวันที่ 6 ก.พ.หากจะพิจารณาเรื่องนี้จะเป็นเพียงคุยเรื่องการขยายเพดานค่าชดเชยเท่านั้น เพราะเป็นอำนาจที่บอร์ด สปสช.สามารถทำได้
นพ.วินัย กล่าวว่า กรณีที่ รมว.สธ.มอบหมายเรื่องการสรรหาคณะอนุกรรมการใหม่ว่า ตนยังไม่เห็นหนังสือการลาออกของบุคลใดทั้งสิ้น แต่หากมีการลาออกจริงก็ต้องมีการ สรรหาใหม่ ซึ่งไม่ได้ยุ่งยากมากนัก เนื่องจากคณะอนุกรรมการบางชุดเป็นโดยตำแหน่ง
ผู้สื่อข่าวถามว่า ปัญหาของการเลือกคณะอนุกรรมการชุดใหม่ ส่งผลต่อการทำงานที่ล่าช้าหรือไม่ นพ.วินัย ตอบว่า โดยปกติ การพิจารณาเรื่องใดๆ ต้องผ่านคณะอนุกรรมการกลั่นกรองเรื่องต่างก่อน เว้นแต่เป็นเรื่องเร่งด่วนจริงๆ เช่น การพิจารณางบประมาณปี 2556 ต้องผ่านการประชุมในวันที่ 6 ก.พ.ก่อน
นายวิทยา บุรณศิริ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวถึงกรณีที่คณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บอร์ด สปสช.) จะมีการหารือเรื่องการขยายมาตรา 41 ตาม พ.ร.บ.หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ.2545 ว่า ตนได้มอบหมายให้ นพ.วินัย สวัสดิวร เลขาธิการ สปสช.ได้ดำเนินการจัดการเรื่องนี้แล้ว ซึ่งจะมีการหาประชุมในวันที่ 6 ก.พ.นี้ ขณะที่ร่าง พ.ร.บ.คุ้มครองผู้เสียหายจากการรับบริการสาธารณสุข พ.ศ.....ยังอยู่ระหว่างการดำเนินการในสภา
นายวิทยา กล่าวด้วยว่า ส่วนกรณีเรื่องการดำเนินโครงการนโยบายการเก็บ 30 บาท ว่า รัฐบาลไม่มีนโยบายในการล้มระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ขอและอย่าวิตกกังวลเรื่องของการตั้งคณะอนุกรรมการ แต่สิ่งที่ต้องกังวล คือ เรื่องของการที่มีคนนั่งเก้าอี้หลายตำแหน่งมากกว่า และยืนยันว่า คณะกรรมการสำนักงานหลักประกันสุขภาพสุขภาพแห่งชาติ (บอร์ด สปสช.) มีอำนาจหน้าที่เหนือกว่า คณะอนุกรรมการอย่างแน่นอน ส่วนกรณีที่ นางวรานุช หงส์ประภาส ลาออกจากบอร์ดนั้น ได้มอบหมายให้เลขาธิการ สปสช.ไปดำเนินการตามกระบวนการสรรหามาใหม่แล้ว ซึ่งเมื่อได้ตำแหน่งครบก็จะดำเนินการพัฒนาระบบ หลักประกันสุขภาพให้ดีขึ้น และไม่มีแนวโน้มในการล้มโครงการใดๆ ของ สปสช. ที่เคยดำเนินการมาก่อนแน่นอน แต่สิ่งที่จะเพิ่มขึ้นมา คือ การพัฒนาระบบบริการให้ดีขึ้น เช่น ระบบส่งต่อในภาวะฉุกเฉินและเฉียบพลัน เพื่อให้ทันกับการรักษาที่ทันท่วงที
“ทั้งนี้ ยืนยันว่า ไม่มีกลุ่มใดเสียประโยชน์ตามที่ถูกกล่าวอ้าง นักการเมืองมีแต่จะให้ และวอนทุกคนเข้าใจในประเด็นนี้ด้วย” นายวิทยา กล่าวต่อข้อถามว่า ตามที่ภาคประชาชนร้องเรียนเรื่องที่ นพ.เอื้อชาติ กาญจนพิทักษ์ อดีตนายกสมาคมโรงพยาบาลเอกชน ได้ทำหนังสือถึงรพ.เอกชนที่เป็นคู่สัญญากับระบบประกันสุขภาพให้ไม่เข้าร่วมโครงการล้างไต ได้มอบหมายให้เลขาธิการ สปสช.หาข้อมูลและติดตามเรื่องเพิ่มเติมแล้วค่อยนำเข้าที่ประชุมบอร์ดอีกครั้ง
ด้านนพ.วินัย สวัสดิวร เลขาธิการ สปสช.กล่าวว่า เรื่องการพิจารณามาตรา 41 ตาม พ.ร.บ.หลักประกันสุขภาพฯ ในการขยายสิทธิคุ้มครองผู้ได้รับความเสียหายจากการรับบริการสาธารณสุข นั้น เดิมทีจะคุ้มครองได้เพียงผู้ที่อยู่ในระบบบัตรทองเท่านั้น การที่จะขยายไปถึงประกันสังคมและข้าราชการจำเป็นต้องมีการหารืออย่างละเอียด เนื่องจากจำเป็นต้องแก้กฎหมาย ดังนั้นในการประชุมวันที่ 6 ก.พ.หากจะพิจารณาเรื่องนี้จะเป็นเพียงคุยเรื่องการขยายเพดานค่าชดเชยเท่านั้น เพราะเป็นอำนาจที่บอร์ด สปสช.สามารถทำได้
นพ.วินัย กล่าวว่า กรณีที่ รมว.สธ.มอบหมายเรื่องการสรรหาคณะอนุกรรมการใหม่ว่า ตนยังไม่เห็นหนังสือการลาออกของบุคลใดทั้งสิ้น แต่หากมีการลาออกจริงก็ต้องมีการ สรรหาใหม่ ซึ่งไม่ได้ยุ่งยากมากนัก เนื่องจากคณะอนุกรรมการบางชุดเป็นโดยตำแหน่ง
ผู้สื่อข่าวถามว่า ปัญหาของการเลือกคณะอนุกรรมการชุดใหม่ ส่งผลต่อการทำงานที่ล่าช้าหรือไม่ นพ.วินัย ตอบว่า โดยปกติ การพิจารณาเรื่องใดๆ ต้องผ่านคณะอนุกรรมการกลั่นกรองเรื่องต่างก่อน เว้นแต่เป็นเรื่องเร่งด่วนจริงๆ เช่น การพิจารณางบประมาณปี 2556 ต้องผ่านการประชุมในวันที่ 6 ก.พ.ก่อน
