ศธ.เดินหน้าตามแนวทาง “สุชาติ” โละสอบภาค ข.ด้าน เลขาธิการ กพฐ.เผย ยังไม่สรุปว่าสอบปรนัยทั้ง 100% ต้องรอ ก.ค.ศ.ไปศึกษาหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องด้วย ชี้ ที่ประชุมส่วนใหญ่เห็นสอดคล้องกันให้จัดสอบที่ส่วนกลาง และขึ้นบัญชีตามเขตที่ผู้สอบระบุ ไม่ห่วงเกิดฟ้องร้อง เชื่อ ยังไม่มีใครได้หรือเสียสิทธิจากกรณีนี้ ด้าน “สุชาติ” เผย ข้อสอบให้สถาบันการศึกษาที่มีชื่อเสียงออก ย้ำได้คนเก่งแต่ประสบการณ์น้อยดีกว่าได้คนประสบการณ์มากแต่โกงมา
นายชินภัทร ภูมิรัตน เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (เลขาธิการ กพฐ.) กล่าวถึงกรณีที่ประชุมคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) ที่มี ศ.ดร.สุชาติ ธาดาธำรงเวช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.)เป็นประธาน มีมติให้สำนักงาน ก.ค.ศ.ไปปรับหลักเกณฑ์ วิธีการสรรหาและแต่งตั้งผู้บริหารสถานศึกษาในตำแหน่งผู้อำนวยการสถานศึกษาใหม่โดยให้ยกเลิกการสอบภาค ข.ซึ่งจะต้องประเมินวิสัยทัศน์ด้วยวิธีการสัมภาษณ์ แต่ให้เหลือเพียงการสอบปรนัยภาค ก.พร้อมกันนี้ ได้เลื่อนปฏิทินการรับสมัครสอบขึ้นบัญชีระหว่างวันที่ 31 มกราคม-6 กุมภาพันธ์ ออกไปก่อนเพื่อให้มีการปรับหลักเกณฑ์ใหม่ให้แล้วเสร็จ ว่า การหารือในที่ประชุม ก.ค.ศ.เมื่อวันที่ 30 มกราคม ยังไม่ชัดเจนในเรื่องหลักเกณฑ์ว่าตกลงจะให้ข้อสอบภาค ก.เป็นปรนัยทั้งหมด 100% หรือไม่ เพียงแต่ รมว.ศึกษาธิการ ให้หลักการแนวคิดและให้สำนักงาน ก.ค.ศ.ไปดำเนินการจัดทำหลักเกณฑ์โดยจะต้องไปเทียบเคียงกับระเบียบที่เกี่ยวข้องด้วย
สำหรับการจัดสอบในที่ประชุม ก.ค.ศ.เห็นค่อนข้างชัดเจน ว่า ควรให้ส่วนกลางจะเป็นผู้จัดสอบดูแลข้อสอบและจัดสอบให้กับเขตพื้นที่การศึกษาแทน เพราะจะมีความโปร่งใสมากที่สุด เพราะขณะนี้ยังมีข้อร้องเรียนต่างๆ เกิดขึ้นในเขตพื้นที่การศึกษา ดังนั้น แสดงให้เห็นว่า เขตพื้นที่การศึกษายังไม่มีความพร้อม ฉะนั้น จึงต้องรวมศูนย์ไว้ที่ส่วนกลางก่อน เมื่อสอบเสร็จก็ให้ขึ้นบัญชีในแต่ละเขตพื้นที่การศึกษาตามที่ผู้สมัครเลือกไว้ว่าจะขอขึ้นบัญชีที่เขตพื้นที่การศึกษาใด ส่วนกรณีที่เกรงว่าอาจจะมีคนฟ้องร้องนั้น ทาง ก.ค.ศ.ก็พยายามดำเนินการเรื่องนี้ให้นุ่มนวลที่สุด แต่ตราบใดที่ยังไม่มีการสมัครก็ยังไม่มีใครได้สิทธิเสียสิทธิ แต่ก็อาจจะเสียเวลาในเรื่องการเตรียมตัวเดินทางมาสมัครเท่านั้น ทั้งนี้ ตนอยากให้ดูเจตนาของที่ประชุม ก.ค.ศ.ว่าทำไปเพื่ออะไร
ด้าน ศ.ดร.สุชาติ ธาดาธำรงเวช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) กล่าวว่า การที่เสนอให้ยกเลิกการสอบภาค ข.และเน้นการสอบภาค ก.แบบปรนัย เพราะไม่ต้องการให้ครูที่จะสอบมาเสียเงินวิ่งเต้นเพื่อให้ได้ตำแหน่ง หรือเห็นครูรุ่นพี่ด้วยกันที่เป็นคนสอบมารีดเลือดจากครูด้วยกันเอง และเชื่อว่า การสอบแบบปรนัยจะทำให้เราคัดเลือกคนที่เก่งมีความสามารถมาบริหารสถานศึกษาได้ดี ส่วนการออกข้อสอบนั้นก็ควรจะให้สถาบันการศึกษาที่มีชื่อเสียงเป็นที่ยอมรับเป็นผู้ออกข้อสอบ
“ส่วนที่มีข้อกังวลว่าการยกเลิกการสอบภาค ข.และเหลือไว้แต่การสอบภาค ก.นั้นจะทำให้ได้แต่คนเก่งแต่ไม่มีประสบการณ์นั้น ผมคิดว่า เราได้คนเก่งแต่มีประสบการณ์น้อยดีกว่าได้คนมีประสบการณ์มากแต่โกงเขามา น่าจะดีกว่า” รมว.ศึกษาธิการ กล่าว
นายชินภัทร ภูมิรัตน เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (เลขาธิการ กพฐ.) กล่าวถึงกรณีที่ประชุมคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) ที่มี ศ.ดร.สุชาติ ธาดาธำรงเวช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.)เป็นประธาน มีมติให้สำนักงาน ก.ค.ศ.ไปปรับหลักเกณฑ์ วิธีการสรรหาและแต่งตั้งผู้บริหารสถานศึกษาในตำแหน่งผู้อำนวยการสถานศึกษาใหม่โดยให้ยกเลิกการสอบภาค ข.ซึ่งจะต้องประเมินวิสัยทัศน์ด้วยวิธีการสัมภาษณ์ แต่ให้เหลือเพียงการสอบปรนัยภาค ก.พร้อมกันนี้ ได้เลื่อนปฏิทินการรับสมัครสอบขึ้นบัญชีระหว่างวันที่ 31 มกราคม-6 กุมภาพันธ์ ออกไปก่อนเพื่อให้มีการปรับหลักเกณฑ์ใหม่ให้แล้วเสร็จ ว่า การหารือในที่ประชุม ก.ค.ศ.เมื่อวันที่ 30 มกราคม ยังไม่ชัดเจนในเรื่องหลักเกณฑ์ว่าตกลงจะให้ข้อสอบภาค ก.เป็นปรนัยทั้งหมด 100% หรือไม่ เพียงแต่ รมว.ศึกษาธิการ ให้หลักการแนวคิดและให้สำนักงาน ก.ค.ศ.ไปดำเนินการจัดทำหลักเกณฑ์โดยจะต้องไปเทียบเคียงกับระเบียบที่เกี่ยวข้องด้วย
สำหรับการจัดสอบในที่ประชุม ก.ค.ศ.เห็นค่อนข้างชัดเจน ว่า ควรให้ส่วนกลางจะเป็นผู้จัดสอบดูแลข้อสอบและจัดสอบให้กับเขตพื้นที่การศึกษาแทน เพราะจะมีความโปร่งใสมากที่สุด เพราะขณะนี้ยังมีข้อร้องเรียนต่างๆ เกิดขึ้นในเขตพื้นที่การศึกษา ดังนั้น แสดงให้เห็นว่า เขตพื้นที่การศึกษายังไม่มีความพร้อม ฉะนั้น จึงต้องรวมศูนย์ไว้ที่ส่วนกลางก่อน เมื่อสอบเสร็จก็ให้ขึ้นบัญชีในแต่ละเขตพื้นที่การศึกษาตามที่ผู้สมัครเลือกไว้ว่าจะขอขึ้นบัญชีที่เขตพื้นที่การศึกษาใด ส่วนกรณีที่เกรงว่าอาจจะมีคนฟ้องร้องนั้น ทาง ก.ค.ศ.ก็พยายามดำเนินการเรื่องนี้ให้นุ่มนวลที่สุด แต่ตราบใดที่ยังไม่มีการสมัครก็ยังไม่มีใครได้สิทธิเสียสิทธิ แต่ก็อาจจะเสียเวลาในเรื่องการเตรียมตัวเดินทางมาสมัครเท่านั้น ทั้งนี้ ตนอยากให้ดูเจตนาของที่ประชุม ก.ค.ศ.ว่าทำไปเพื่ออะไร
ด้าน ศ.ดร.สุชาติ ธาดาธำรงเวช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) กล่าวว่า การที่เสนอให้ยกเลิกการสอบภาค ข.และเน้นการสอบภาค ก.แบบปรนัย เพราะไม่ต้องการให้ครูที่จะสอบมาเสียเงินวิ่งเต้นเพื่อให้ได้ตำแหน่ง หรือเห็นครูรุ่นพี่ด้วยกันที่เป็นคนสอบมารีดเลือดจากครูด้วยกันเอง และเชื่อว่า การสอบแบบปรนัยจะทำให้เราคัดเลือกคนที่เก่งมีความสามารถมาบริหารสถานศึกษาได้ดี ส่วนการออกข้อสอบนั้นก็ควรจะให้สถาบันการศึกษาที่มีชื่อเสียงเป็นที่ยอมรับเป็นผู้ออกข้อสอบ
“ส่วนที่มีข้อกังวลว่าการยกเลิกการสอบภาค ข.และเหลือไว้แต่การสอบภาค ก.นั้นจะทำให้ได้แต่คนเก่งแต่ไม่มีประสบการณ์นั้น ผมคิดว่า เราได้คนเก่งแต่มีประสบการณ์น้อยดีกว่าได้คนมีประสบการณ์มากแต่โกงเขามา น่าจะดีกว่า” รมว.ศึกษาธิการ กล่าว
