สอบบรรจุบุคลากร สพฐ.จับทุจริต 2 ราย แอบซ่อนกล่องถ่ายข้อสอบ ส่วนอีกรายซุกซ่อนมือถือในกางเกงใน แต่มือถือสั่น กก.คุมสอบได้ยิน จึงถูกจับได้ ขณะที่เหตุการณ์ข้อสอบหายที่พะเยา ได้คืนแล้ว จากที่ดูตาเปล่าพบไม่มีการเปิดผนึกแต่อย่างใด แต่ให้เขตพื้นที่ฯประสานกองพิสูจน์หลักฐานตรวจสอบอีกครั้ง
นายชินภัทร ภูมิรัตน เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (เลขาธิการ กพฐ.) กล่าวถึงการจัดสอบแข่งขันบรรจุบุคคลเข้ารับราชการเป็นข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่งบุคลากรทางการศึกษาอื่น ตามมาตร 38 ค.(2) เพื่อปฏิบัติหน้าที่ในสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา (สพท.) 12 เขตทั่วประเทศ สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ที่เปิดให้มีการจัดสอบภาค ก.และ ข.ไปเมื่อวันที่ 12 ธ.ค.ที่ผ่านมา ว่า ภาพรวมการสอบดำเนินไปด้วยความเรียบร้อย เนื่องจากได้มีการซักซ้อมเตรียมการทั้งในเรื่องการขนส่งแบบทดสอบจากศูนย์ ทดสอบที่ส่วนกลางไปยังศูนย์อำนวยการสอบในเขตพื้นที่ ทั้ง 12 เขตพื้นที่ ก็เป็นไปด้วยความเรียบร้อยในทุกๆ จุด ส่วนข้อสอบมีการปิดผนึกอย่างดีจัดเก็บในห้องมั่นคง และมีเจ้าหน้าที่ตำรวจคอยดูแลรักษาความปลอดภัยเป็นอย่างดี และมีการเก็บกุญแจล็อกของตัวแทนจาก 3 ฝ่าย คือ เขตพื้นที่ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และ สพฐ.
อย่างไรก็ตาม การจัดสอบมีพบทุจริตเกิดขึ้น 2 ราย แต่เป็นเรื่องของบุคคล รายแรกเกิดขึ้นที่ จ.เพชรบูรณ์ 1 ราย โดยผู้สอบเป็นชายได้แอบนำกล้องถ่ายรูปเข้าไปในห้องสอบด้วยการซ่อนกล้องไว้ในเสื้อ แล้วแอบถ่ายรูปข้อสอบ แต่ถูกกรรมการคุมสอบจับได้ ซึ่งก็ถือว่าทำผิดกติกาต้องถูกดำเนินการตามขั้นตอน ส่วนรายที่ 2 เกิดขึ้นที่ จ.พะเยา เขต 2 มีผู้เข้าสอบเป็นชายได้ลักลอบนำโทรศัพท์มือถือเข้าไปในห้องสอบแล้วเปิดระบบสั่นซุกซ่อนไว้ในที่ลับ (ในกางเกงใน) ทำให้ก่อนเข้าห้องสอบเจ้าหน้าที่ค้นตัวแล้วไม่พบ แต่เมื่อระบบสั่นทำงานทำให้กรรมการคุมสอบได้ยินจึงถูกจับได้
นอกจากนี้ ก็มีปัญหาเล็กน้อย เช่น ผู้สอบไปผิดสนามสอบ ใน จ.พะเยา เขต 2 เช่นกัน เนื่องจากผู้สมัครสอบไม่ได้ตรวจเช็กข้อมูลในเว็บไซต์ของทางราชการ จึงถือว่าเป็นความบกพร่องของผู้สอบเองที่ไม่ตรวจสอบข้อมูลให้ชัดเจนถูกต้องจากทางราชการ ทำให้เดินทางไปไม่ทันและเกิน 30 นาที กรรมการคุมสอบจึงไม่สามารถอนุญาติให้เข้าห้องสอบได้ และเท่าที่ตรวจอบก็มีหลักฐานชัดเจนว่าทุกเขตพื้นที่ได้นำข้อมูลการสอบไว้ในเว็บไซต์เรียบร้อยแล้ว เพื่อให้ทุกคนรับรู้ข้อมูลการสอบล่วงหน้า
นายชินภัทร กล่าวต่อว่า กรณีที่มีข้อสอบหายใน จ.พะเยา นั้น ได้ตามพบตอนก่อนสอบภาคบ่าย ซึ่งไปอยู่ท้ายห้องสอบ และได้มีการไปแจ้งความลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐานแล้ว แต่แบบทดสอบทุกชุด มีการแจกช่วงก่อนที่จะมีการสอบและมีการเรียงลำดับโต๊ะ เลขที่นั่ง มีเลขที่แบบทดสอบกำกับอยู่ ซึ่งแบบทดสอบยังอยู่ครบในช่วงก่อนทำการสอบ แต่ในห้องสอบมีผู้ที่ขาดสอบรวมอยู่ด้วย จึงทำให้ข้อสอบวางอยู่บนโต๊ะ และมีหลักเกณฑ์ว่าผู้สอบทุกคนต้องอยู่ในห้องสอบจนกว่าจะหมดเวลา เพราะฉะนั้น จึงเป็นเครื่องยืนยันได้ว่า แบบทดสอบนั้นอยู่ในห้องตลอดช่วงเวลาของการสอบ แต่เมื่อกรรมการคุมสอบได้เก็บข้อสอบคืน ปรากฏว่าหายไป 1 ชุด และได้พบข้อสอบนั้นอยู่หลังห้องในช่วงก่อนสอบภาคบ่าย และจากที่ตรวจสอบด้วยสายตาแล้ว พบว่า แบบทดสอบไม่ได้ถูกเปิดออก และยังมีการปิดผนึกไว้ตามปกติ อย่างไรก็ตาม สพฐ.ได้มอบให้เขตพื้นที่ประสานกับกองพิสูจน์หลักฐาน เพื่อให้มีการตรวจสอบทางวิทยาศาสตร์ว่ามีการเปิดข้อสอบนั้นหรือไม่
“ผู้สอบไม่ต้องกังวลว่าการส่งคะแนนสอบกลับไปให้ยังเขตพื้นที่แล้วจะมีการแก้ไขคะแนนนั้น เป็นไปไม่ได้เนื่องจากมีหลักฐานการสอบทุกขั้นตอนอยู่ที่ส่วนกลาง หากมีการปรับแก้คะแนน ทางส่วนกลางก็สามารถตรวจสอบได้ทันที และหากผู้สอบสงสัยคะแนนก็เป็นสิทธิ์ที่จะยื่นคำร้องข้อดูคะแนนสอบได้เฉพาะของตนเอง ส่วนที่ สพฐ.ไม่จัดสอบที่ส่วนกลางเนื่องจากคำนึงถึงการเดินทางของผู้สอบ” เลขาธิการ กพฐ.กล่าว
นายชินภัทร ภูมิรัตน เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (เลขาธิการ กพฐ.) กล่าวถึงการจัดสอบแข่งขันบรรจุบุคคลเข้ารับราชการเป็นข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่งบุคลากรทางการศึกษาอื่น ตามมาตร 38 ค.(2) เพื่อปฏิบัติหน้าที่ในสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา (สพท.) 12 เขตทั่วประเทศ สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ที่เปิดให้มีการจัดสอบภาค ก.และ ข.ไปเมื่อวันที่ 12 ธ.ค.ที่ผ่านมา ว่า ภาพรวมการสอบดำเนินไปด้วยความเรียบร้อย เนื่องจากได้มีการซักซ้อมเตรียมการทั้งในเรื่องการขนส่งแบบทดสอบจากศูนย์ ทดสอบที่ส่วนกลางไปยังศูนย์อำนวยการสอบในเขตพื้นที่ ทั้ง 12 เขตพื้นที่ ก็เป็นไปด้วยความเรียบร้อยในทุกๆ จุด ส่วนข้อสอบมีการปิดผนึกอย่างดีจัดเก็บในห้องมั่นคง และมีเจ้าหน้าที่ตำรวจคอยดูแลรักษาความปลอดภัยเป็นอย่างดี และมีการเก็บกุญแจล็อกของตัวแทนจาก 3 ฝ่าย คือ เขตพื้นที่ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และ สพฐ.
อย่างไรก็ตาม การจัดสอบมีพบทุจริตเกิดขึ้น 2 ราย แต่เป็นเรื่องของบุคคล รายแรกเกิดขึ้นที่ จ.เพชรบูรณ์ 1 ราย โดยผู้สอบเป็นชายได้แอบนำกล้องถ่ายรูปเข้าไปในห้องสอบด้วยการซ่อนกล้องไว้ในเสื้อ แล้วแอบถ่ายรูปข้อสอบ แต่ถูกกรรมการคุมสอบจับได้ ซึ่งก็ถือว่าทำผิดกติกาต้องถูกดำเนินการตามขั้นตอน ส่วนรายที่ 2 เกิดขึ้นที่ จ.พะเยา เขต 2 มีผู้เข้าสอบเป็นชายได้ลักลอบนำโทรศัพท์มือถือเข้าไปในห้องสอบแล้วเปิดระบบสั่นซุกซ่อนไว้ในที่ลับ (ในกางเกงใน) ทำให้ก่อนเข้าห้องสอบเจ้าหน้าที่ค้นตัวแล้วไม่พบ แต่เมื่อระบบสั่นทำงานทำให้กรรมการคุมสอบได้ยินจึงถูกจับได้
นอกจากนี้ ก็มีปัญหาเล็กน้อย เช่น ผู้สอบไปผิดสนามสอบ ใน จ.พะเยา เขต 2 เช่นกัน เนื่องจากผู้สมัครสอบไม่ได้ตรวจเช็กข้อมูลในเว็บไซต์ของทางราชการ จึงถือว่าเป็นความบกพร่องของผู้สอบเองที่ไม่ตรวจสอบข้อมูลให้ชัดเจนถูกต้องจากทางราชการ ทำให้เดินทางไปไม่ทันและเกิน 30 นาที กรรมการคุมสอบจึงไม่สามารถอนุญาติให้เข้าห้องสอบได้ และเท่าที่ตรวจอบก็มีหลักฐานชัดเจนว่าทุกเขตพื้นที่ได้นำข้อมูลการสอบไว้ในเว็บไซต์เรียบร้อยแล้ว เพื่อให้ทุกคนรับรู้ข้อมูลการสอบล่วงหน้า
นายชินภัทร กล่าวต่อว่า กรณีที่มีข้อสอบหายใน จ.พะเยา นั้น ได้ตามพบตอนก่อนสอบภาคบ่าย ซึ่งไปอยู่ท้ายห้องสอบ และได้มีการไปแจ้งความลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐานแล้ว แต่แบบทดสอบทุกชุด มีการแจกช่วงก่อนที่จะมีการสอบและมีการเรียงลำดับโต๊ะ เลขที่นั่ง มีเลขที่แบบทดสอบกำกับอยู่ ซึ่งแบบทดสอบยังอยู่ครบในช่วงก่อนทำการสอบ แต่ในห้องสอบมีผู้ที่ขาดสอบรวมอยู่ด้วย จึงทำให้ข้อสอบวางอยู่บนโต๊ะ และมีหลักเกณฑ์ว่าผู้สอบทุกคนต้องอยู่ในห้องสอบจนกว่าจะหมดเวลา เพราะฉะนั้น จึงเป็นเครื่องยืนยันได้ว่า แบบทดสอบนั้นอยู่ในห้องตลอดช่วงเวลาของการสอบ แต่เมื่อกรรมการคุมสอบได้เก็บข้อสอบคืน ปรากฏว่าหายไป 1 ชุด และได้พบข้อสอบนั้นอยู่หลังห้องในช่วงก่อนสอบภาคบ่าย และจากที่ตรวจสอบด้วยสายตาแล้ว พบว่า แบบทดสอบไม่ได้ถูกเปิดออก และยังมีการปิดผนึกไว้ตามปกติ อย่างไรก็ตาม สพฐ.ได้มอบให้เขตพื้นที่ประสานกับกองพิสูจน์หลักฐาน เพื่อให้มีการตรวจสอบทางวิทยาศาสตร์ว่ามีการเปิดข้อสอบนั้นหรือไม่
“ผู้สอบไม่ต้องกังวลว่าการส่งคะแนนสอบกลับไปให้ยังเขตพื้นที่แล้วจะมีการแก้ไขคะแนนนั้น เป็นไปไม่ได้เนื่องจากมีหลักฐานการสอบทุกขั้นตอนอยู่ที่ส่วนกลาง หากมีการปรับแก้คะแนน ทางส่วนกลางก็สามารถตรวจสอบได้ทันที และหากผู้สอบสงสัยคะแนนก็เป็นสิทธิ์ที่จะยื่นคำร้องข้อดูคะแนนสอบได้เฉพาะของตนเอง ส่วนที่ สพฐ.ไม่จัดสอบที่ส่วนกลางเนื่องจากคำนึงถึงการเดินทางของผู้สอบ” เลขาธิการ กพฐ.กล่าว