“ศศิธารา” ยันบริสุทธ์กรณีเอาผิด “ธีรพัฒน์” ลั่นหาก ภตช.จะฟ้องพร้อมสู้ทุกกรณี ขณะที่ “ธีรพัฒน์” เดินหน้าฟ้องร้องกลับ
วันนี้ (31 ม.ค.) น.ส.ศศิธารา พิชัยชาญณรงค์ ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เปิดเผยกรณีภาคีเครือข่ายต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชันของชาติ (ภตช.) ยื่นหนังสือต่อ ศ.ดร.สุชาติ ธาดาธำรงเวช รมว.ศึกษาธิการ ขอให้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยกรณีใช้อำนาจโดยมิชอบ กลั่นแกล้ง นายธีรพัฒน์ คำคูบอน ข้าราชการครูวิทยาลัยการอาชีพบางปะกง ให้ปลดออกจากราชการโดยไม่เป็นธรรม ว่า ก่อนหน้าที่ นายธีรพัฒน์ จะถูกย้ายมาเป็นอาจารย์สอนที่วิทยาลัยการอาชีพบางปะกง เดิมเคยเป็นอาจารย์สอนที่วิทยาลัยอาชีวศึกษา (วอศ.) เสาวภา มาก่อน ซึ่งทาง วอศ.เสาวภา ได้ทำหนังสือมาถึงตน ซึ่งดำรงตำแหน่งเลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (เลขาธิการ กอศ.) ในขณะนั้น ว่า นายธีรพัฒน์ ขาดราชการเป็นเวลาหลายวันติดต่อกันเกินระเบียบราชการ ดังนั้น ตนจึงได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสืบข้อเท็จจริง พบว่า นายธีรพัฒน์ ขาดราชการตามที่ทาง วอศ.เสาวภา เสนอมาจริง และยังตรวจสอบพบว่าใช้เอกสารปลอมเพื่อขออนุญาตไปประชุมด้วย ซึ่งในส่วนทำเอกสารปลอมว่าไปราชการก็ได้มีการแจ้งความเรียบร้อยแล้ว
ต่อมาได้ตั้งกรรมการสอบวินัย ซึ่งคณะกรรมการสอบวินัยตรวจสอบแล้ว มีความเห็นว่าผิดวินัยร้ายแรงจึงมีมติให้ปลดออกจากราชการ ซึ่งตนก็เห็นด้วยตามที่คณะกรรมการวินัยเสนอ และนำเรื่องเข้าคณะอนุกรรมการข้าราชครูและบุคลากรทางการศึกษา (อ.ก.ค.ศ.) อาชีวศึกษา มีตนเป็นประธาน ซึ่ง อ.ก.ค.ศ.กรมมีความเห็นว่าขอให้ตัดเงินเดือน 5% ทั้งนี้ ตามระเบียบต้องแจ้งผลตัดสินเสนอไปยังคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) ซึ่งก.ค.ศ.ก็ได้ส่งเรื่องให้ อ.ก.ค.ศ.วิสามัญด้านวินัย พิจารณาอีกครั้ง ซึ่ง อ.ก.ค.ศ.วิสามัญด้านวินัยเห็นว่าไม่ถูกต้องจึงให้ปลดออกจากราชการภายใน 30 วัน เพราะเป็นข้าราชการ และเป็นกรรมการคุรุสภา ด้วยจึงน่าจะมีจริยธรรมและคุณธรรม และมีหนังสือแจ้งตั้งแต่วันที่ 28 ธันวาคม 2554 ที่ผ่านมาและครบกำหนดในวันที่ 28 ม.ค.2555 ทั้งนี้ ตามขั้นตอน นายธีรพัฒน์ ก็สามารถอุทธรณ์ได้
“ขณะนี้ไม่ทราบว่าเลขาธิการ กอศ.คนใหม่ ได้เซ็นคำสั่งแล้วหรือยัง ส่วนที่ทาง ภตช.ระบุว่า จะฟ้องร้องนั้นดิฉันก็ยินดีจะสู้ในทุกกรณีเพราะที่ผ่านมาดำเนินการตามขั้นตอนและกระบวนการ” น.ส.ศศิธารา กล่าว
ด้านนายธีรพัฒน์ กล่าวว่า ตนไม่เคยทำเอกสารปลอม แต่รู้ว่ามีคนทำเอกสารปลอมขึ้นมา และแอบอ้างนำชื่อตนไปใช้แสดง และการแก้ข้อกล่าวหาที่ดำเนินการมาทั้งหมดนั้นก็เป็นของจริงทั้งหมด ไม่ใช่ของปลอม เพราะตนก็มีพยานบุคคลที่ยืนยันได้ เพราะฉะนั้นตนจึงจะต้องฟ้อง น.ส.ศศิธารา และผู้เกี่ยวข้อง ซึ่งกำลังดำเนินการอยู่ก็ขอให้ไปสู้ความจริงกันในศาลดีกว่า
วันนี้ (31 ม.ค.) น.ส.ศศิธารา พิชัยชาญณรงค์ ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เปิดเผยกรณีภาคีเครือข่ายต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชันของชาติ (ภตช.) ยื่นหนังสือต่อ ศ.ดร.สุชาติ ธาดาธำรงเวช รมว.ศึกษาธิการ ขอให้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยกรณีใช้อำนาจโดยมิชอบ กลั่นแกล้ง นายธีรพัฒน์ คำคูบอน ข้าราชการครูวิทยาลัยการอาชีพบางปะกง ให้ปลดออกจากราชการโดยไม่เป็นธรรม ว่า ก่อนหน้าที่ นายธีรพัฒน์ จะถูกย้ายมาเป็นอาจารย์สอนที่วิทยาลัยการอาชีพบางปะกง เดิมเคยเป็นอาจารย์สอนที่วิทยาลัยอาชีวศึกษา (วอศ.) เสาวภา มาก่อน ซึ่งทาง วอศ.เสาวภา ได้ทำหนังสือมาถึงตน ซึ่งดำรงตำแหน่งเลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (เลขาธิการ กอศ.) ในขณะนั้น ว่า นายธีรพัฒน์ ขาดราชการเป็นเวลาหลายวันติดต่อกันเกินระเบียบราชการ ดังนั้น ตนจึงได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสืบข้อเท็จจริง พบว่า นายธีรพัฒน์ ขาดราชการตามที่ทาง วอศ.เสาวภา เสนอมาจริง และยังตรวจสอบพบว่าใช้เอกสารปลอมเพื่อขออนุญาตไปประชุมด้วย ซึ่งในส่วนทำเอกสารปลอมว่าไปราชการก็ได้มีการแจ้งความเรียบร้อยแล้ว
ต่อมาได้ตั้งกรรมการสอบวินัย ซึ่งคณะกรรมการสอบวินัยตรวจสอบแล้ว มีความเห็นว่าผิดวินัยร้ายแรงจึงมีมติให้ปลดออกจากราชการ ซึ่งตนก็เห็นด้วยตามที่คณะกรรมการวินัยเสนอ และนำเรื่องเข้าคณะอนุกรรมการข้าราชครูและบุคลากรทางการศึกษา (อ.ก.ค.ศ.) อาชีวศึกษา มีตนเป็นประธาน ซึ่ง อ.ก.ค.ศ.กรมมีความเห็นว่าขอให้ตัดเงินเดือน 5% ทั้งนี้ ตามระเบียบต้องแจ้งผลตัดสินเสนอไปยังคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) ซึ่งก.ค.ศ.ก็ได้ส่งเรื่องให้ อ.ก.ค.ศ.วิสามัญด้านวินัย พิจารณาอีกครั้ง ซึ่ง อ.ก.ค.ศ.วิสามัญด้านวินัยเห็นว่าไม่ถูกต้องจึงให้ปลดออกจากราชการภายใน 30 วัน เพราะเป็นข้าราชการ และเป็นกรรมการคุรุสภา ด้วยจึงน่าจะมีจริยธรรมและคุณธรรม และมีหนังสือแจ้งตั้งแต่วันที่ 28 ธันวาคม 2554 ที่ผ่านมาและครบกำหนดในวันที่ 28 ม.ค.2555 ทั้งนี้ ตามขั้นตอน นายธีรพัฒน์ ก็สามารถอุทธรณ์ได้
“ขณะนี้ไม่ทราบว่าเลขาธิการ กอศ.คนใหม่ ได้เซ็นคำสั่งแล้วหรือยัง ส่วนที่ทาง ภตช.ระบุว่า จะฟ้องร้องนั้นดิฉันก็ยินดีจะสู้ในทุกกรณีเพราะที่ผ่านมาดำเนินการตามขั้นตอนและกระบวนการ” น.ส.ศศิธารา กล่าว
ด้านนายธีรพัฒน์ กล่าวว่า ตนไม่เคยทำเอกสารปลอม แต่รู้ว่ามีคนทำเอกสารปลอมขึ้นมา และแอบอ้างนำชื่อตนไปใช้แสดง และการแก้ข้อกล่าวหาที่ดำเนินการมาทั้งหมดนั้นก็เป็นของจริงทั้งหมด ไม่ใช่ของปลอม เพราะตนก็มีพยานบุคคลที่ยืนยันได้ เพราะฉะนั้นตนจึงจะต้องฟ้อง น.ส.ศศิธารา และผู้เกี่ยวข้อง ซึ่งกำลังดำเนินการอยู่ก็ขอให้ไปสู้ความจริงกันในศาลดีกว่า
