“สุชาติ” โหนรถเมล์มาทำงาน ศธ.วันแรก กลุ่มเสื้อแดงแห่รับถึงบันได พร้อมมอบนโยบายการศึกษา ชูแนวทาง “ทักษิณ” ยันสานต่อนโยบายทั้ง 1 อำเภอ 1 ทุน ที่อาจจะขยายจำนวนทุนเพิ่ม เล็งหาแนวทางลดจำนวน ร.ร.สพฐ.เหลือ 2 หมื่นจาก 3 หมื่น ย้ำ ศธ.ภายใต้การดูแลต้องไม่มีการทุจริตคอรัปชั่นทุกกรณี
วันนี้ (25 ม.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เวลา 07.15 น. บริเวณร้านแมคโดนัลด์ หน้าโรงเรียนสตรีวิทยา ศ.ดร.สุชาติ ธาดาธำรงเวช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ได้ลงจากรถส่วนตัวและเดินไปยังป้ายรถประจำทาง ก่อนขึ้นรถเมล์สาย 70 เพื่อเดินทางมายัง ศธ.พร้อมกับสื่อมวลชนประมาณ 10 คน โดย ศ.ดร.สุชาติได้จ่ายค่าโดยสารให้แก่ผู้สื่อข่าวด้วย พร้อมกับทักทายประชาชนบนรถเมล์ โดยเวลาประมาณ 07.50 น.ได้ลงรถหน้า ศธ. มีผู้บริหารระดับสูงของ ศธ. ได้แก่ น.ส.ศศิธารา พิชัยชาญณรงค์ ปลัด ศธ. นายชินภัทร ภูมิรัตน เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (เลขาธิการ กพฐ.) นายชัยพฤกษ์ เสรีรักษ์ เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (เลขาธิการ กอศ.) นายอภิชาติ จีระวุฒิ เลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา (เลขาธิการ กกอ.) และนายเอนก เพิ่มเสนีย์วงศ์ เลขาธิการสภาการศึกษา (สกศ.) พร้อมด้วยข้าราชการ ครูและบุคลากรทางการศึกษาให้การต้อนรับ
จากนั้นเวลา 08.00 น. ศ.ดร.สุชาติ และนายศักดา คงเพชร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ได้เดินทางเข้าทำงานใน ศธ.วันแรก และได้สักการะพระพุทธรูปประจำกระทรวง "พระพุทธบารมีศักดิ์สิทธิ์สยามิศรจักรี สัฏฐีอนุสรณ์ ศึกษาทรรังสรรค์" ศาลพระภูมิ และสักการะพระบรมราชานุสาวรีย์ รัชกาลที่ 6 ที่สนามหน้ากระทรวง พร้อมกันนี้ได้ขึ้นไปสักการะสิ่งศักดิ์ที่ห้องทำงาน
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ทันทีที่ลงรถเมล์ก็มีกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) และกลุ่มคนเสื้อแดงจังหวัดต่างๆ อาทิ เลย จันทบุรี กว่าร้อยคนจัดขบวนรอรับการเดินทางเข้า ศธ.ครั้งแรก และรวมถึงเข้ารับฟังนโยบายของ รมว.ศึกษาธิการ พร้อมกับข้าราชการ ศธ. ทั้งนี้ ภายหลังการมอบนโยบาย รมว.ศึกษาธิการได้ลงมาพบปะกลุ่มคนเสื้อแดง และร่วมร้องเพลง และถ่ายรูปด้วย โดยกลุ่มเสื้อแดงมีการชูป้ายข้อความยินดีในโอกาสรับตำแหน่ง อาทิ “คนเก่งของเรานี่คือชัยชนะของประชาชน เสื้อแดงสายไหม”
ต่อมาเมื่อเวลา 09.00 น. ที่หอประชุมคุรุสภา ศ.ดร.สุชาติ กล่าวการแถลงนโยบายการทำงานตอนหนึ่ง ว่า การบริหารงานของตนจะยึดนโยบายของพรรคเพื่อไทย (พท.) คือ ดูแลประชาชนเหมือนญาติในครอบครัว ดูแลลูกหลานของประชาชนให้มีการศึกษาที่มีคุณภาพ เช่นที่ อดีตนายกรัฐมนตรี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เคยพูดไว้ว่าการศึกษาที่มีคุณภาพจะสร้างความเข้มแข็งให้กับประชาชนเข้มแข็งมีความรู้ มีพลังต่อสู่กับความยากจนที่สำคัญขอย้ำว่าในยุคสมัยของตนจะไม่มีการคอรัปชั่น ทั้งนี้ ตนจะสานต่อนโยบายที่สำคัญ ๆ เช่น โครงการ 1 อำเภอ 1 ทุน ซึ่งกำลังมองว่าจะกระจายทุนให้เพิ่มขึ้น หรือการสานต่อนโยบายกองทุนตั้งตัวได้ของรัฐบาล ซึ่งได้มอบให้นายโอฬาร ชัยประวัติ ซึ่งมีความเชี่ยวชาญทางธนาคาร ส่วนโครงการคอมพิวเตอร์แท็บเล็บพีซีแบบพกพา One Tablet Pc Per Child ซึ่งเป็นนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาลและอยู่ระหว่างการประสานงานกับรัฐบาลจีนเพื่อดำเนินข้อตกลงแบบรัฐบาลต่อรัฐบาล (G-to-G) สำหรับสิ่งที่ตนตั้งใจจะนำมาปรับปรุง คือ ต้องการปลดภาระ ที่กดทับครูให้น้อยลงตั้งแต่เรื่องการแก้ไขปัญหาหนี้สิน โดยใช้วิธีลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ ขยายโอกาสให้ครู อย่างที่เคยให้ข่าวไป
“จะทำสอบคัดเลือกและประเมินครูให้มีความโปร่งใส ครูจะไม่ต้องจ่ายเงินเพื่อสอบบรรจุครูหรือ เพื่อเลื่อนวิทยฐานะ หรือแม้แต่การขอย้ายจะไม่มีการจ่ายเงิน นอกจากนั้นตนมีความเห็นว่าระบบการประเมินผลงานของครูที่ขอประเมินวิทยฐานะน่าจะเปลี่ยนแปลงด้วย อย่างการสอบวิทยานิพนธ์ ยังเปิดโอกาสให้เจ้าของผลงานโต้เถียงผู้ตรวจผลงานได้ แต่ทำของครูต้องเป็นไอ้โม่ง นอกจากนี้ จะลดการใช้ดุลยพินิจให้น้อยลงการสอบควรขึ้นคะแนนชัดเจนเพื่อลดการฉ้อฉล ที่สำคัญผมไม่ต้องการลดขั้นตอนที่ซ้ำซ้อนอะไรที่ไม่จำเป็นและทำได้รวดเร็วก็ขอให้ดำเนินการได้ทันที” ศ.ดร.สุชาติกล่าว
รมว.ศึกษาธิการกล่าวต่อว่า ส่วนเรื่องการพัฒนาคุณภาพการศึกษา ตนต้องการให้สานต่อการทำโรงเรียนตัวอย่างในทุกอำเภอและทุกตำบล รวมถึงขยายโครงการโรงเรียนพี่โรงเรียนน้อง อย่างน้อยโรงเรียนดีเด่นดัง 50 โรง สร้างเครือข่ายโรงเรียนพี่โรงเรียนน้อง นอกจากนั้น ตนเล็งจะลดโรงเรียนประถมศึกษาสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ให้เหลือ 20,000 โรงจากที่มีอยู่ 30,000 โรง เพราะโรงเรียนหลายแห่งมีจำนวนนักเรียนหรือน้อยมาก จำนวนนักเรียนไม่พอที่จะจัดการศึกษาให้มีคุณภาพได้ เพราะฉะนั้น น่าจะใช้วิธีเคลื่อนย้ายนักเรียนไปเรียนในโรงเรียนใกล้เคียงแทนซึ่งจะทำให้โรงเรียนเข้มแข็งขึ้น ศธ.จะดูแลให้มีรถนักเรียนผ่านหน้าบ้านทุกคนเหมือนประเทศแคนาดา หรืออาจะถ่ายโอนโรงเรียนบางแห่งให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นรับไปดูแล
“ผมได้สอบถามด้วยว่าการประเมินผลต่างของนักเรียนเช่น การทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติขั้นพื้นฐาน (โอเน็ต) ทำไมต้องสอบครั้งเดียว สอบหลายหนได้หรือไม่เหมือนโทเฟลสอบได้หลายหน ให้ลองไปศึกษาดู ทั้งนี้ ผมได้มีนโยบายชัดเจนจะไม่มีการใช้งบประมาณเพื่อการประชาสัมพันธ์ขึ้นป้ายรัฐมนตรีตามจังหวัดต่างๆ จัดออกให้หมด งบการจัดกิจกรรมต่างๆ ให้ลดลง เอาเงินที่ประหยัดได้ไปพัฒนาโรงเรียนโดยเฉพาะการจ้างครูภาษาอังกฤษ และภาษาจีนเพิ่มเตรียมความพร้อมสู่อาเซียน” รมว.ศึกษาธิการกล่าว