ก.แรงงานเตรียมลงนามกับกัมพูชา นำเข้าแรงงานแบบรัฐต่อรัฐ เผยนายจ้างไทยแจ้งขาดแคลนแรงงานต่างด้าว 3 สัญชาติมากกว่า 1 แสนคน พร้อมเร่งพิสูจน์สัญชาติให้ทันตามกำหนด 28 ก.พ.นี้ เผยเร่งหารือลดค่าวีซ่าจาก 2,000 เหลือ 500 บาท
นายประวิทย์ เคียงผล อธิบดีกรมการจัดหางาน กล่าวก่อนนออกเดินทางไปเมืองเสียมเรียบประเทศกัมพูชาว่า เป็นการเดินทางไปพบกับอธิบดีกรมแรงงาน ประเทศกัมพูชา เพื่อลงนามบันทึกข้อตกลงร่วมกันในการนำเข้าแรงงานกัมพูชาโดยระบบรัฐต่อรัฐ เนื่องจากสัญญาฉบับเดิมได้หมดอายุลง ซึ่งขณะนี้ยังไม่ได้สรุปยอดที่จะต้องนำเข้าของกัมพูชาที่ชัดเจน เนื่องจากอยู่ระหว่างการรวบรวมความต้องการที่แท้จริงของนายจ้าง ล่าสุด (23 ม.ค.) มีนายจ้างชาวไทยแจ้งความต้องการจ้างแรงงานต่างด้าว 3 สัญชาติมาแล้วมากกว่า 1 แสนคน โดยสาเหตุส่วนใหญ่เป็นงานที่คนไทยไม่นิยมทำกันในกลุ่มงานกรรมกร นอกจากนี้ในการเดินทางครั้งนี้จะมีการหารือในเรื่องของการพิสูจน์สัญชาติที่หยุดชะงักลงในขณะนี้ ซึ่งเหลืออยู่ประมาณ 25,374 คน ให้ทันตามกำหนดในวันที่ 28 กุมภาพันธ์นี้ รวมไปงการเดินนทางเข้ามาทำงานแบบเช้าไปเย็นกลับให้เป็นระบบ
นายประวิทย์ เคียงผล อธิบดีกรมการจัดหางาน เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 20 มกราคมที่ผ่านมา ได้มีการประชุมคณะกรรมการบริหารแรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมือง หรือ กบร. โดยมี ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ซึ่งได้มีการหารือเรื่องการพิสูจน์สัญชาติที่มีหลายหน่วยงานเข้ามาเกี่ยวข้องในการออกเอกสาร รวมไปถึงการแจ้งให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทราบในเรื่องการจดทะเบียนขออนุญาตทำงาน และความคืบหน้าการพิสูจน์สัญชาติ (31 ธ.ค. 2554) จากยอด 932,255 คนผ่านการพิสูจน์สัญชาติแล้ว 631,773 คน และยังไม่ได้พิสูจน์สัญชาติอีก 300,482 คน ส่วนใหญ่จะเป็นสัญชาติพม่า นอกจากนี้ในที่ประชุมยังได้มีการหารือถึงการลดอัตราค่าทำเนียมการทำวีซ่าจากเดิมที่เก็บ 2,000 บาท ในที่ประชุมก็เห็นควรให้ลดค่าทำเนียมให้แรงงานต่างด้าว 3 สัญชาติ คือ ลาว กัมพูชา และพม่า ลงเหลือ 500 บาทต่อคน รวมไปถึงการขยายระยะเวลาการเก็บเงินเข้ากองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าวกลับออกนอกราชอาณาจักร สำหรับแรงงาน 3 สัญชาติ รายละ 2,400 บาท จากที่จะต้องเก็บในเดือนมีนาคมนี้ออกไปก่อนประมาณ 1 ปี
อธิบดีกรมการจัดหางานกล่าวอีกว่า ร.ต.อ.เฉลิมได้กำชับให้เร่งรัดเรื่องการพิสูจน์สัญชาติ ให้แล้วเสร็จตามกำหนดในวันที่ 28 กุมภาพันธ์นี้ โดยเฉพาะแรงงานต่างด้าวสัญชาติพม่าที่มีอยู่จำนวนมากเนื่องจาก น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีของไทยได้มีการพูดคุยกับนายกรัฐมนตรีของพม่าว่าจะเร่งดำเนินการในเรื่องนี้ให้แล้วเสร็จทันเวลาด้วย
นายประวิทย์ เคียงผล อธิบดีกรมการจัดหางาน กล่าวก่อนนออกเดินทางไปเมืองเสียมเรียบประเทศกัมพูชาว่า เป็นการเดินทางไปพบกับอธิบดีกรมแรงงาน ประเทศกัมพูชา เพื่อลงนามบันทึกข้อตกลงร่วมกันในการนำเข้าแรงงานกัมพูชาโดยระบบรัฐต่อรัฐ เนื่องจากสัญญาฉบับเดิมได้หมดอายุลง ซึ่งขณะนี้ยังไม่ได้สรุปยอดที่จะต้องนำเข้าของกัมพูชาที่ชัดเจน เนื่องจากอยู่ระหว่างการรวบรวมความต้องการที่แท้จริงของนายจ้าง ล่าสุด (23 ม.ค.) มีนายจ้างชาวไทยแจ้งความต้องการจ้างแรงงานต่างด้าว 3 สัญชาติมาแล้วมากกว่า 1 แสนคน โดยสาเหตุส่วนใหญ่เป็นงานที่คนไทยไม่นิยมทำกันในกลุ่มงานกรรมกร นอกจากนี้ในการเดินทางครั้งนี้จะมีการหารือในเรื่องของการพิสูจน์สัญชาติที่หยุดชะงักลงในขณะนี้ ซึ่งเหลืออยู่ประมาณ 25,374 คน ให้ทันตามกำหนดในวันที่ 28 กุมภาพันธ์นี้ รวมไปงการเดินนทางเข้ามาทำงานแบบเช้าไปเย็นกลับให้เป็นระบบ
นายประวิทย์ เคียงผล อธิบดีกรมการจัดหางาน เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 20 มกราคมที่ผ่านมา ได้มีการประชุมคณะกรรมการบริหารแรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมือง หรือ กบร. โดยมี ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ซึ่งได้มีการหารือเรื่องการพิสูจน์สัญชาติที่มีหลายหน่วยงานเข้ามาเกี่ยวข้องในการออกเอกสาร รวมไปถึงการแจ้งให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทราบในเรื่องการจดทะเบียนขออนุญาตทำงาน และความคืบหน้าการพิสูจน์สัญชาติ (31 ธ.ค. 2554) จากยอด 932,255 คนผ่านการพิสูจน์สัญชาติแล้ว 631,773 คน และยังไม่ได้พิสูจน์สัญชาติอีก 300,482 คน ส่วนใหญ่จะเป็นสัญชาติพม่า นอกจากนี้ในที่ประชุมยังได้มีการหารือถึงการลดอัตราค่าทำเนียมการทำวีซ่าจากเดิมที่เก็บ 2,000 บาท ในที่ประชุมก็เห็นควรให้ลดค่าทำเนียมให้แรงงานต่างด้าว 3 สัญชาติ คือ ลาว กัมพูชา และพม่า ลงเหลือ 500 บาทต่อคน รวมไปถึงการขยายระยะเวลาการเก็บเงินเข้ากองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าวกลับออกนอกราชอาณาจักร สำหรับแรงงาน 3 สัญชาติ รายละ 2,400 บาท จากที่จะต้องเก็บในเดือนมีนาคมนี้ออกไปก่อนประมาณ 1 ปี
อธิบดีกรมการจัดหางานกล่าวอีกว่า ร.ต.อ.เฉลิมได้กำชับให้เร่งรัดเรื่องการพิสูจน์สัญชาติ ให้แล้วเสร็จตามกำหนดในวันที่ 28 กุมภาพันธ์นี้ โดยเฉพาะแรงงานต่างด้าวสัญชาติพม่าที่มีอยู่จำนวนมากเนื่องจาก น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีของไทยได้มีการพูดคุยกับนายกรัฐมนตรีของพม่าว่าจะเร่งดำเนินการในเรื่องนี้ให้แล้วเสร็จทันเวลาด้วย
