สธ.เตือนผู้นิยมบริโภคหนูนา-หนูท่อ ระวัง 7 โรคสำคัญ อาทิ “โรคฉี่หนู-สครัปไทฟัส” เผยเสี่ยงติดโรคในคน 3 กลุ่ม “คนจับ-คนชำแหละ-คนกิน”
จากกรณีที่มีชาวกัมพูชาจากฝั่งปอยเปต นำหนูนา หนูท่อ หรือหนูบ้าน จากฝั่งกัมพูชา มาชำแหละ และส่งมาจำหน่ายให้พ่อค้าแม่ค้าชาวไทยที่ตลาดโรงเกลือ อำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว และส่งไปขายในจังหวัดต่างๆ เพื่อนำไปประกอบอาหาร เช่น แกงป่า หนูนาย่าง โดยมียอดสั่งซื้อวันละประมาณ 3 ตัน นั้น
ความคืบหน้าในเรื่องนี้ นพ.ไพจิตร์ วราชิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ว่า โดยทั่วไป หนูนาจัดว่าเป็นหนูที่ค่อนข้างสะอาด เพราะกินพืช โดยเฉพาะข้าว หรือหอยเชอรี่สด ปูนาสดเป็นอาหาร ซึ่งคนไทยบางพื้นที่นิยมนำมาบริโภคกัน และมีจำหน่ายตามเส้นทางในต่างจังหวัด แต่หนูที่ไม่ควรนำมาเป็นอาหารคือ หนูท่อ ซึ่งเป็นหนูที่อยู่ในเมือง ตามตลาดสด หนูชนิดนี้จะกินอาหารสกปรก ของเน่าเสีย อาศัยอยู่ในท่อระบายน้ำ หนูชนิดนี้มีกลิ่นเหม็นเน่า เหม็นสาบติดตามตัว และหนูประเภทนี้ควรกำจัดทิ้ง เนื่องจากนำโรคหลายอย่างและแพร่พันธุ์ได้รวดเร็วมาก
แต่อย่างไรก็ตาม หนูทุกชนิดจัดเป็นสัตว์ฟันแทะ ทั้งหนูนา หนูป่า หนูภูเขา หนูบ้าน หนูท่อ สามารถนำโรคสำคัญอย่างน้อย 7 โรคมาติดคนได้ ได้แก่ โรคฉี่หนู โรคสครัปไทฟัส โรคมิวรีนไทฟัส พยาธิตืดหนู พยาธิปอดหนู หรือที่เรียกกันว่าพยาธิหอยโข่ง กาฬโรค และโรคที่มีโอกาสน้อยมากที่หนูจะนำมาสู่คน คือ โรคพิษสุนัขบ้า ซึ่งประเทศไทยยังไม่เคยมีรายงานผู้เสียชีวิตจากโรคพิษสุนัขบ้าจากการถูกหนูกัด มีแต่รายงานการตายจากถูกสุนัขกัด
นพ.ไพจิตร์ กล่าวต่อว่า กรณีที่มีการนำหนูท่อ หรือหนูที่อยู่ในเมืองมาชำแหละขาย และมีผู้รับประทานไปแล้วนั้น ไม่ต้องตกใจ ถ้าบริโภคสุกสนิทมากๆ 100 เปอร์เซ็นต์ ก็ไม่เป็นอันตราย แต่ไม่ควรรับประทาน
ด้าน นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ผู้อำนวยการสำนักโรคติดต่อทั่วไป กรมควบคุมโรค กล่าวว่า ผู้ที่เสี่ยงติดเชื้อโรคจากหนูมี 3 กลุ่ม ได้แก่ 1.ผู้ที่จับหนู อาจถูกหนูกัด หรือหนูฉี่รด 2.ผู้ชำแหละหนู อาจสัมผัสเชื้อจากเลือดหนูและฉี่ของหนู และ 3.คนกินหนู หากกินสุกๆ ดิบๆ ก็จะได้รับเชื้อและพยาธิที่อยู่ในหนูได้ ดังนั้น วิธีการป้องกันโรคจากหนู ผู้จับหนูต้องไม่มีแผล หรือรอยถลอกที่มือ หรือที่เท้า เพราะเชื้อโรคจากหนูจะเข้าไปตามรอยแผลได้ หากถูกหนูกัด ให้รีบล้างแผลด้วยน้ำและฟอกสบู่ให้สะอาด เช็ดแผลให้แห้ง และใส่ยารักษาแผลสด และปรึกษาเจ้าหน้าที่สาธารณสุขพิจารณาฉีดวัคซีนป้องกันบาดทะยัก รวมทั้งให้สังเกตอาการของตนเอง หากไม่สบาย เช่น มีไข้ หรือมีอาการผิดปกติ ให้รีบไปพบแพทย์ ส่วนผู้ที่ชำแหละหนู ให้สวมถุงมือขณะชำแหละ อย่าใช้มือเปล่าเนื่องจากอาจโดนเลือด หรือฉี่หนู และเชื้อจะเข้าสู่ร่างกายได้ และให้อาบน้ำชำระร่างกาย ล้างมือล้างเท้า เปลี่ยนเสื้อผ้าให้สะอาดทุกครั้งหลังจับหนูหรือชำแหละหนู
“สำหรับคนที่ชื่นชอบรับประทานเนื้อหนู ต้องรับประทานสุกจะปลอดภัย เนื่องจากความร้อนจะทำลายเชื้อโรคได้ และให้กินเฉพาะเนื้อหนูเท่านั้น ไม่กินเครื่องในหนู เนื่องจากเป็นแหล่งสะสมเชื้อโรคอย่างดี ทั้งนี้ ในการสังเกตความแตกต่างหนูท่อกับหนูนา สามารถดูได้ที่ 2 ตำแหน่ง คือ ที่เท้าหลัง และหาง หากเป็นหนูนา เท้าหลังและหางจะมีสีดำ ส่วนหนูท่อเท้าหลังจะขาว สีหางด้านบนตั้งแต่โคลนจรดปลายหางจะมีสีดำ ส่วนใต้ท้องหางจะเป็นสีขาว หรือขาวหม่น สกปรก โดยหนูท่อจะมีกลิ่นเน่าสาบจากท่อและอาหารเน่าที่หนูกิน ส่วนหนูนาจะไม่มีกลิ่นสาบเน่า” นพ.โอภาส กล่าว
จากกรณีที่มีชาวกัมพูชาจากฝั่งปอยเปต นำหนูนา หนูท่อ หรือหนูบ้าน จากฝั่งกัมพูชา มาชำแหละ และส่งมาจำหน่ายให้พ่อค้าแม่ค้าชาวไทยที่ตลาดโรงเกลือ อำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว และส่งไปขายในจังหวัดต่างๆ เพื่อนำไปประกอบอาหาร เช่น แกงป่า หนูนาย่าง โดยมียอดสั่งซื้อวันละประมาณ 3 ตัน นั้น
ความคืบหน้าในเรื่องนี้ นพ.ไพจิตร์ วราชิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ว่า โดยทั่วไป หนูนาจัดว่าเป็นหนูที่ค่อนข้างสะอาด เพราะกินพืช โดยเฉพาะข้าว หรือหอยเชอรี่สด ปูนาสดเป็นอาหาร ซึ่งคนไทยบางพื้นที่นิยมนำมาบริโภคกัน และมีจำหน่ายตามเส้นทางในต่างจังหวัด แต่หนูที่ไม่ควรนำมาเป็นอาหารคือ หนูท่อ ซึ่งเป็นหนูที่อยู่ในเมือง ตามตลาดสด หนูชนิดนี้จะกินอาหารสกปรก ของเน่าเสีย อาศัยอยู่ในท่อระบายน้ำ หนูชนิดนี้มีกลิ่นเหม็นเน่า เหม็นสาบติดตามตัว และหนูประเภทนี้ควรกำจัดทิ้ง เนื่องจากนำโรคหลายอย่างและแพร่พันธุ์ได้รวดเร็วมาก
แต่อย่างไรก็ตาม หนูทุกชนิดจัดเป็นสัตว์ฟันแทะ ทั้งหนูนา หนูป่า หนูภูเขา หนูบ้าน หนูท่อ สามารถนำโรคสำคัญอย่างน้อย 7 โรคมาติดคนได้ ได้แก่ โรคฉี่หนู โรคสครัปไทฟัส โรคมิวรีนไทฟัส พยาธิตืดหนู พยาธิปอดหนู หรือที่เรียกกันว่าพยาธิหอยโข่ง กาฬโรค และโรคที่มีโอกาสน้อยมากที่หนูจะนำมาสู่คน คือ โรคพิษสุนัขบ้า ซึ่งประเทศไทยยังไม่เคยมีรายงานผู้เสียชีวิตจากโรคพิษสุนัขบ้าจากการถูกหนูกัด มีแต่รายงานการตายจากถูกสุนัขกัด
นพ.ไพจิตร์ กล่าวต่อว่า กรณีที่มีการนำหนูท่อ หรือหนูที่อยู่ในเมืองมาชำแหละขาย และมีผู้รับประทานไปแล้วนั้น ไม่ต้องตกใจ ถ้าบริโภคสุกสนิทมากๆ 100 เปอร์เซ็นต์ ก็ไม่เป็นอันตราย แต่ไม่ควรรับประทาน
ด้าน นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ผู้อำนวยการสำนักโรคติดต่อทั่วไป กรมควบคุมโรค กล่าวว่า ผู้ที่เสี่ยงติดเชื้อโรคจากหนูมี 3 กลุ่ม ได้แก่ 1.ผู้ที่จับหนู อาจถูกหนูกัด หรือหนูฉี่รด 2.ผู้ชำแหละหนู อาจสัมผัสเชื้อจากเลือดหนูและฉี่ของหนู และ 3.คนกินหนู หากกินสุกๆ ดิบๆ ก็จะได้รับเชื้อและพยาธิที่อยู่ในหนูได้ ดังนั้น วิธีการป้องกันโรคจากหนู ผู้จับหนูต้องไม่มีแผล หรือรอยถลอกที่มือ หรือที่เท้า เพราะเชื้อโรคจากหนูจะเข้าไปตามรอยแผลได้ หากถูกหนูกัด ให้รีบล้างแผลด้วยน้ำและฟอกสบู่ให้สะอาด เช็ดแผลให้แห้ง และใส่ยารักษาแผลสด และปรึกษาเจ้าหน้าที่สาธารณสุขพิจารณาฉีดวัคซีนป้องกันบาดทะยัก รวมทั้งให้สังเกตอาการของตนเอง หากไม่สบาย เช่น มีไข้ หรือมีอาการผิดปกติ ให้รีบไปพบแพทย์ ส่วนผู้ที่ชำแหละหนู ให้สวมถุงมือขณะชำแหละ อย่าใช้มือเปล่าเนื่องจากอาจโดนเลือด หรือฉี่หนู และเชื้อจะเข้าสู่ร่างกายได้ และให้อาบน้ำชำระร่างกาย ล้างมือล้างเท้า เปลี่ยนเสื้อผ้าให้สะอาดทุกครั้งหลังจับหนูหรือชำแหละหนู
“สำหรับคนที่ชื่นชอบรับประทานเนื้อหนู ต้องรับประทานสุกจะปลอดภัย เนื่องจากความร้อนจะทำลายเชื้อโรคได้ และให้กินเฉพาะเนื้อหนูเท่านั้น ไม่กินเครื่องในหนู เนื่องจากเป็นแหล่งสะสมเชื้อโรคอย่างดี ทั้งนี้ ในการสังเกตความแตกต่างหนูท่อกับหนูนา สามารถดูได้ที่ 2 ตำแหน่ง คือ ที่เท้าหลัง และหาง หากเป็นหนูนา เท้าหลังและหางจะมีสีดำ ส่วนหนูท่อเท้าหลังจะขาว สีหางด้านบนตั้งแต่โคลนจรดปลายหางจะมีสีดำ ส่วนใต้ท้องหางจะเป็นสีขาว หรือขาวหม่น สกปรก โดยหนูท่อจะมีกลิ่นเน่าสาบจากท่อและอาหารเน่าที่หนูกิน ส่วนหนูนาจะไม่มีกลิ่นสาบเน่า” นพ.โอภาส กล่าว