“วรวัจน์” รับไม่ตกใจถูกย้ายนั่ง รมต.สำนักนายกฯ เผย นายกฯอยากให้ดูแลระบบงบประมาณแต่แรก ซึ่งเป็นงานที่ถนัด เพียงให้มาดูแล ศธ.ก่อน เมื่อถึงเวลาเหมาะสมก็จะให้ไปดูด้านงบประมาณต่อไป เชื่อ “สุชาติ” สานงานต่อเพราะงานที่ทำเป็นนโยบายพรรค
วันนี้ (19 ม.ค.) เมื่อเวลา 09.00 น.ที่ โรงแรมแกรนด์ มิลเลนเนียม สุขุมวิท กรุงเทพฯ นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เป็นประธานพิธีเปิดการประชุมระดับปลัดกระทรวงศึกษาธิการ ของประเทศสมาชิกอาเซียนและของประเทศสมาชิกองค์การรัฐมนตรีศึกษาแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (ซีมีโอ) โดยมีปลัดกระทรวงศึกษาฯ พร้อมผู้บริหาร ศธ.และประเทศสมาชิกซีมีโอ (อาเซียน 10 ประเทศ และติมอร์เลสเต้) สมาชิกสมทบ ได้แก่ ออสเตรเลีย แคนาดา ฝรั่งเศส เยอรมนี เนเธอร์แลนด์ นิวซีแลนด์ และ สเปน ผู้แทนสำนักเลขาธิการอาเซียน บริติช เคานซิล มหาวิทยาลัยซึคุบะ สำนักงานยูเนสโก กรุงเทพฯ ยูนิเซฟ ธนาคารเพื่อการพัฒนาแห่งเอเชีย และผู้แทนสถานเอกอัครราชทูตของประเทศสมาชิกอาเซียนประจำประเทศไทย เข้าร่วม
นายวรวัจน์ กล่าวว่า ซีมีโอ เป็นหน่วยงานที่ขับเคลื่อนด้านการศึกษาได้เป็นอย่างดี หากเราสามารถกำหนดทิศทางและความร่วมมือให้ชัดเจนการพัฒนาก็จะสามารถเดินหน้าไปในทิศทางที่ดีขึ้น ดังนั้น ตนจึงได้มอบหมายให้ปลัด ศธ.หารือในที่ประชุมกับประเทศสมาชิกให้กำหนดทิศทาง และเป้าหมายให้ชัดเจนถึงความร่วมมือกันในแต่ละประเทศ ซึ่งที่ผ่านมาความร่วมมือกันอาจจะยังขาดความชัดเจน แต่เมื่อเข้าสู่ปี 2558 ก็จะมีความชัดเจนขึ้นโดยเฉพาะความร่วมมือกันประเทศในกลุ่มสมาชิกซีมีโอ ที่มีความสำคัญที่เราจะต้องดำเนินการในการกำหนดทิศทางความร่วมมือกัน
เมื่อถามถึงการถูกปรับให้ดำรงตำแหน่ง รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นั้น นายวรวัจน์ กล่าวว่า เคยมีการพูดคุยกับนายกรัฐมนตรีแต่แรกว่า ต้องการให้ตนช่วยดูแลเรื่องงบประมาณ ซึ่งเป็นที่ตนถนัดแต่ในช่วงแรกก็ให้มาทำหน้าที่ดูแลกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ก่อน ซึ่งที่ผ่านมา ก็ปฏิบัติงานตามนโยบายของพรรค และขณะนี้นายกฯเห็นว่า ถึงเวลาเหมาะสมแล้ว จึงให้ไปดูแลงบประมาณ ซึ่งเป็นหัวใจของประเทศ เพราะต้องเชื่อมโยงระหว่างส่วนกลางและภูมิภาค ที่ตอนนี้ยังมีช่องว่างอีกมาก สำหรับงานในส่วนของ ศธ.นั้น ตนเชื่อว่า ศ.ดร.สุชาติ ธาดาธำรงเวช ซึ่งจะมารับหน้าที่ รมว.ศธ.คนใหม่นั้น จะสามารถสานต่องานได้ดีเพราะตนกับ ศ.ดร.สุชาติ เป็นทีมงานเดียวกันในการทำทีมเศรษฐกิจมาตลอด จึงน่าจะเข้าใจทิศทางการทำงาน และงานที่เป็นนโยบายพรรคก็ย่อมมีการสานต่อเช่นกัน และเชื่อว่า ศ.ดร.สุชาติ สามารถกำกับและดูแลงานได้ด้วยดี ส่วนตนก็พร้อมจะสนับสนุนให้ความร่วมมือในทุกๆ ด้าน เพราะความจริงแล้วตนก็ไม่ได้ไปไหน เพียงแต่หมุนบทบาทกันเท่านั้น ส่วนเรื่องที่อยากฝาก คือ การพัฒนาการศึกษาให้คนไทยมีขีดความสามารถเข้าสู่การแข่งขันในปีที่เข้าสู่ประชาคมอาเซียนในปี 2558 เป็นเรื่องสำคัญ
“ผมไม่ได้ตกใจอะไรที่ถูกปรับไป เพราะเป็นเรื่องที่ผมรับปากท่านนายกฯไว้เองว่าโดยความชำนาญแล้ว ผมชำนาญระบบงบประมาณมากกว่า ซึ่งท่านนายกฯก็บอกไว้ตั้งแต่เริ่มต้นทำงานแล้ว ว่า เมื่อถึงเวลาท่านจะให้กลับมาทำงานในส่วนนี้ และนายกฯก็ได้บอกว่า ในส่วนของ ศธ.จะหาคนมาช่วยดูแลแทน ซึ่งในตอนนั้นผมไม่สามารถทำทั้งสองด้านได้ ส่วนใครจะมาดูแลงานของ ศธ.ก็ต้องดำเนินการไปตามกรอบเดียวกัน เพราะนโยบายของพรรคมีความชัดเจนพอสมควร โดยมีอยู่ 3 ฐานหลักที่จะต้องดำเนินการ คือ 1.ฐานของการพัฒนาองค์ความรู้เพื่อให้มีขีดความสามารถในการแข่งขัน 2.ฐานการนำเทคโนโลยีมาใช้ในการพัฒนาระบบการศึกษา และ 3.ฐานด้านการสื่อสาร และภาษาต่างประเทศต่างๆ ดังนั้น ใครจะมาก็ต้องเดินไปในกรอบนี้อยู่แล้ว” รมว.ศธ.กล่าว
วันนี้ (19 ม.ค.) เมื่อเวลา 09.00 น.ที่ โรงแรมแกรนด์ มิลเลนเนียม สุขุมวิท กรุงเทพฯ นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เป็นประธานพิธีเปิดการประชุมระดับปลัดกระทรวงศึกษาธิการ ของประเทศสมาชิกอาเซียนและของประเทศสมาชิกองค์การรัฐมนตรีศึกษาแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (ซีมีโอ) โดยมีปลัดกระทรวงศึกษาฯ พร้อมผู้บริหาร ศธ.และประเทศสมาชิกซีมีโอ (อาเซียน 10 ประเทศ และติมอร์เลสเต้) สมาชิกสมทบ ได้แก่ ออสเตรเลีย แคนาดา ฝรั่งเศส เยอรมนี เนเธอร์แลนด์ นิวซีแลนด์ และ สเปน ผู้แทนสำนักเลขาธิการอาเซียน บริติช เคานซิล มหาวิทยาลัยซึคุบะ สำนักงานยูเนสโก กรุงเทพฯ ยูนิเซฟ ธนาคารเพื่อการพัฒนาแห่งเอเชีย และผู้แทนสถานเอกอัครราชทูตของประเทศสมาชิกอาเซียนประจำประเทศไทย เข้าร่วม
นายวรวัจน์ กล่าวว่า ซีมีโอ เป็นหน่วยงานที่ขับเคลื่อนด้านการศึกษาได้เป็นอย่างดี หากเราสามารถกำหนดทิศทางและความร่วมมือให้ชัดเจนการพัฒนาก็จะสามารถเดินหน้าไปในทิศทางที่ดีขึ้น ดังนั้น ตนจึงได้มอบหมายให้ปลัด ศธ.หารือในที่ประชุมกับประเทศสมาชิกให้กำหนดทิศทาง และเป้าหมายให้ชัดเจนถึงความร่วมมือกันในแต่ละประเทศ ซึ่งที่ผ่านมาความร่วมมือกันอาจจะยังขาดความชัดเจน แต่เมื่อเข้าสู่ปี 2558 ก็จะมีความชัดเจนขึ้นโดยเฉพาะความร่วมมือกันประเทศในกลุ่มสมาชิกซีมีโอ ที่มีความสำคัญที่เราจะต้องดำเนินการในการกำหนดทิศทางความร่วมมือกัน
เมื่อถามถึงการถูกปรับให้ดำรงตำแหน่ง รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นั้น นายวรวัจน์ กล่าวว่า เคยมีการพูดคุยกับนายกรัฐมนตรีแต่แรกว่า ต้องการให้ตนช่วยดูแลเรื่องงบประมาณ ซึ่งเป็นที่ตนถนัดแต่ในช่วงแรกก็ให้มาทำหน้าที่ดูแลกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ก่อน ซึ่งที่ผ่านมา ก็ปฏิบัติงานตามนโยบายของพรรค และขณะนี้นายกฯเห็นว่า ถึงเวลาเหมาะสมแล้ว จึงให้ไปดูแลงบประมาณ ซึ่งเป็นหัวใจของประเทศ เพราะต้องเชื่อมโยงระหว่างส่วนกลางและภูมิภาค ที่ตอนนี้ยังมีช่องว่างอีกมาก สำหรับงานในส่วนของ ศธ.นั้น ตนเชื่อว่า ศ.ดร.สุชาติ ธาดาธำรงเวช ซึ่งจะมารับหน้าที่ รมว.ศธ.คนใหม่นั้น จะสามารถสานต่องานได้ดีเพราะตนกับ ศ.ดร.สุชาติ เป็นทีมงานเดียวกันในการทำทีมเศรษฐกิจมาตลอด จึงน่าจะเข้าใจทิศทางการทำงาน และงานที่เป็นนโยบายพรรคก็ย่อมมีการสานต่อเช่นกัน และเชื่อว่า ศ.ดร.สุชาติ สามารถกำกับและดูแลงานได้ด้วยดี ส่วนตนก็พร้อมจะสนับสนุนให้ความร่วมมือในทุกๆ ด้าน เพราะความจริงแล้วตนก็ไม่ได้ไปไหน เพียงแต่หมุนบทบาทกันเท่านั้น ส่วนเรื่องที่อยากฝาก คือ การพัฒนาการศึกษาให้คนไทยมีขีดความสามารถเข้าสู่การแข่งขันในปีที่เข้าสู่ประชาคมอาเซียนในปี 2558 เป็นเรื่องสำคัญ
“ผมไม่ได้ตกใจอะไรที่ถูกปรับไป เพราะเป็นเรื่องที่ผมรับปากท่านนายกฯไว้เองว่าโดยความชำนาญแล้ว ผมชำนาญระบบงบประมาณมากกว่า ซึ่งท่านนายกฯก็บอกไว้ตั้งแต่เริ่มต้นทำงานแล้ว ว่า เมื่อถึงเวลาท่านจะให้กลับมาทำงานในส่วนนี้ และนายกฯก็ได้บอกว่า ในส่วนของ ศธ.จะหาคนมาช่วยดูแลแทน ซึ่งในตอนนั้นผมไม่สามารถทำทั้งสองด้านได้ ส่วนใครจะมาดูแลงานของ ศธ.ก็ต้องดำเนินการไปตามกรอบเดียวกัน เพราะนโยบายของพรรคมีความชัดเจนพอสมควร โดยมีอยู่ 3 ฐานหลักที่จะต้องดำเนินการ คือ 1.ฐานของการพัฒนาองค์ความรู้เพื่อให้มีขีดความสามารถในการแข่งขัน 2.ฐานการนำเทคโนโลยีมาใช้ในการพัฒนาระบบการศึกษา และ 3.ฐานด้านการสื่อสาร และภาษาต่างประเทศต่างๆ ดังนั้น ใครจะมาก็ต้องเดินไปในกรอบนี้อยู่แล้ว” รมว.ศธ.กล่าว