สื่อให้ฉายา “บิ๊ก” วงการ สธ.“วิทยา” ได้ ฉายา “ไม่แคร์สื่อ” ขณะที่ รมช.ได้ฉายา “อีดี้จอมพีอาร์” ส่วนปลัดกระทรวงคุณหมอ ได้ฉายา “ปลัดคลิปหลุด”
สื่อมวลชนสายกระทรวงสาธารณสุข ได้ร่วมกันตั้งฉายาแห่งปีของบรรดาผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) โดยนายวิทยา บุรณศิริ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้รับฉายาว่า “เฮียใหญ่ไม่แคร์สื่อ” เนื่องจากมีบุคลิกที่ทำงานแบบข้ามาคนเดียว ลุยโดดๆ ไม่สนใจสื่อมวลชน ว่า จะคิดอย่างไร หรือมีข้อเสนอแนะอย่างไร ส่วนนายต่อพงษ์ ไชยสาส์น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้รับฉายาว่า “อีดี้จอมพีอาร์” เพราะตระกูลไชยสาส์น มีฉายาทางการเมืองว่า อีดี้ เนื่องจาก นายประจวบ ไชยสาส์น มีหน้าตาคล้าย อีดี้ อามิน ไม่ว่าจะทำอะไรมักเป็นข่าวอยู่ตลอด ขณะที่ นพ.ไพจิตร์ วราชิต ปลัด สธ.ได้รับฉายาว่า “ปลัดคลิปหลุด” เนื่องจากเคยถูกโจมตีจากคลิปฉาว แต่สุดท้ายก็หลุดพ้นจากข้อกล่าวหา หลังตรวจสอบแล้วพบว่าเป็นการตัดต่อคลิป ส่วน รองปลัดกระทรวงและผู้ตรวจราชการกระทรวง ที่ได้รับการแต่งตั้งครั้งนี้ ได้ฉายาว่าเป็นรองปลัด และผู้ตรวจชุด “คุณขอมา” เนื่องจากส่วนใหญ่มีเส้นสายและสัมพันธ์โยงใยกับฝ่ายการเมืองและปลัดกระทรวงสาธารณสุข
มาที่อธิบดีที่ล้วนแล้วแต่มีที่มาที่ไปในการได้รับตำแหน่งแทบทั้งสิ้น มีการตั้งฉายา ดังนี้ อธิบดีกรมควบคุมโรค นพ.พรเทพ ศิริวนารังสรรค์ ได้รับฉายาว่า “อธิบดีเด็กเส้น” เพราะสนิทกับนักการเมืองสายกิจสังคมเดิม ซึ่งเป็นพรรคการเมืองที่ นายวิทยา บุรณศิริ เคยอยู่ ขณะที่ นพ.สมชัย ภิญโญพรพาณิชย์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ ได้รับฉายาว่า “อธิบดีแห้ว” เพราะมีชื่อติดโผจะได้นั่งกรมควบคุมโรค สุดท้ายเส้นไม่ถึงจึงต้องนั่งในตำแหน่งเดิม เช่นเดียวกับนพ.สมยศ ดีรัศมี อธิบดีกรมอนามัย ที่ได้รับฉายาว่า “อธิบดีรักคุด” เพราะหวังว่าจะได้กลับไปนั่งในกรมการแพทย์ แต่กลับไม่ได้รับการแต่งตั้งอย่างที่ใจหวัง ส่วน นพ.บุญชัย สมบูรณ์สุข ได้รับฉายาว่า “อธิบดีม้ามืด” เพราะเดิมมีชื่อติดโผเป็นรองปลัดกระทรวง แต่สุดท้ายได้รับแต่งตั้งให้เป็นอธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ นพ.พิพัฒน์ ยิ่งเสรี เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ฉายา “จับแหลก” เพราะจับคลินิกที่มีผลิตภัณฑ์ ยาปลอมแทบทุกที่ ส่วนนพ.ชาตรี เจริญชีวะกุล เลขาธิการสถาบันการแพทญ์ฉุกเฉินแห่งชาติ (สพฉ.) ฉายา “ผู้คุมศูนย์เฉื่อยชาฉุกเฉิน” เพราะเป็น ผอ.สถาบันการแพทย์ฉุกเฉิน แต่ไม่ว่าจะขอข้อมูลหรือขอความช่วยเหลือก็ช้าตลอด
ขณะที่ นพ.สุพรรณ ศรีธรรมา อธิบดีกรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก ได้รับฉายาว่า “อธิบดีโลกลืม” เพราะเคยมีบทบาทอย่างมากใน สธ.และควรจะได้เป็นอธิบดีก่อนหน้านี้ แต่กลับถูกลืม เพิ่งมาได้รับการแต่งตั้งในครั้งนี้ ส่วนพญ.วิลาวัณย์ จึงประเสริฐ อธิบดีกรมการแพทย์ ได้รับฉายาว่า “กระบี่หญิงหนึ่งเดียว” เพราะเป็นอธิบดีหญิงเพียงคนเดียวของ สธ.และมีกระบี่ คือ หลังบ้านเป็น กกต.ทำให้เป็นที่เกรงขามของฝ่ายการเมือง สำหรับอธิบดีกรมสุขภาพจิต นพ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ได้รับฉายาว่า “หมอใจนักเลง” เพราะเป็นคนมีจิตใจกว้างขวาง มีเพื่อนพ้องน้องพี่ให้ความเคารพอยู่มาก และสุดท้ายตำแหน่งที่เพิ่งได้รับการแต่งตั้ง คือ ทพ.ญ.นัยนา แพร่ศรีสกุล ที่ได้รับแต่งตั้งเป็นโฆษกกระทรวงสาธารณสุข ได้รับฉายาว่า “โฆษกหลุดคิว” เพราะชอบเปลี่ยนแปลงกำหนดการต่างๆ ในการให้ข่าวและแถลงข่าวอยู่ตลอดเวลา
ส่วนบรรดาหมอที่มีบทบาทในแวดวงสาธารณสุข เช่น ศ.นพ.ประเวศ วะสี ได้รับฉายาว่า “หมอหลังม่านเหล็ก” เพราะอยู่เบื้องหลังการเคลื่อนไหวของกลุ่มแพทย์เอ็นจีโอเกือบทั้งหมด ขณะที่นพ.เกรียงศักดิ์ วัชรนุกูลเกียรติ ประธานชมรมแพทย์ชนบท ได้รับฉายาว่า “หมอจำปีทอง” เพราะใช้บริการสายการบินไทยบินมา กทม.ตลอดเวลาจนได้รับบัตรสมาชิกระดับทอง เช่นเดียวกับ นพ.วิชัย โชควิวัฒน ที่ได้รับฉายาว่า “หมอร้อยบอร์ด” เพราะมีชื่อในคณะกรรมการในหลายหน่วยงาน เช่น สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) สำนักงานประกันสังคม (สปส.) สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข (สวรส.) สำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ (สช.) องค์การเภสัชกรรม (อภ.) จะวางบทบาทเป็นผู้ตรวจสอบข้าราชการ และสื่อมวลชน อยู่ตลอด
ส่วน พญ.เชิดชู อริยศรีวัฒนา กรรมการแพทยสภา ได้รับฉายาว่า “หมอจอมแฉ” เนื่องจากนิยมเขียนบทความแฉเรื่องราวต่างๆ ที่ไม่เป็นธรรมต่อบุคลากรในวิชาชีพแพทย์อย่างต่อเนื่องขณะที่นพ.ฐาปนวงศ์ ตั้งอุไรวรรณ ได้รับฉายาว่า “หมอฮาร์ดคอร์” เนื่องจากมักจะออกมาแฉเรื่องราวความไม่ชอบมาพากลต่างๆ ด้วยท่าทีที่รุนแรง ส่วนพญ.อรพรรณ เมธาดิลกกุล ได้รับฉายาว่า “หมอค้าความ” เพราะมีเรื่องฟ้องร้องข้าราชการ สธ.ตั้งแต่ระดับ รมต.ปลัดไปจนถึงอธิบดีที่ยังค้างอยู่ในศาลหลายสิบคดี ส่วน นพ.วินัย สวัสดิวร เลขาธิการ สปสช.ได้รับฉายาว่า “โปรเฉินร้อยสนาม” เนื่องจากมีฝีมือการตีกอล์ฟในระดับแถวหน้า และมักจะมีชื่อได้รับรางวัลจากการออกรอบแทบทุกสนาม
นอกจากนี้ ยังมีแพทยสภา ได้ฉายา “มีดหมอบิ่น” เพราะไม่ว่าเกิดข้อร้องเรียนของแพทย์คนใด ประโยคแรกที่จะได้ยินจากแพทยสภา คือ ไม่มีมูลเสมอ ทั้งที่บางครั้งยังตรวจสอบไม่แล้วเสร็จ หรือไม่มีการตรวจสอบด้วยซ้ำ เครือข่ายผู้เสียหายทางการแพทย์ ฉายา “นักประท้วงกลุ่มน้อย” เนื่องจากมีการประท้วงแบบเงียบๆ ไม่หวือหวา โดยเฉพาะกรณี พ.ร.บ.คุ้มครองผู้เสียหายฯ
สื่อมวลชนสายกระทรวงสาธารณสุข ได้ร่วมกันตั้งฉายาแห่งปีของบรรดาผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) โดยนายวิทยา บุรณศิริ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้รับฉายาว่า “เฮียใหญ่ไม่แคร์สื่อ” เนื่องจากมีบุคลิกที่ทำงานแบบข้ามาคนเดียว ลุยโดดๆ ไม่สนใจสื่อมวลชน ว่า จะคิดอย่างไร หรือมีข้อเสนอแนะอย่างไร ส่วนนายต่อพงษ์ ไชยสาส์น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้รับฉายาว่า “อีดี้จอมพีอาร์” เพราะตระกูลไชยสาส์น มีฉายาทางการเมืองว่า อีดี้ เนื่องจาก นายประจวบ ไชยสาส์น มีหน้าตาคล้าย อีดี้ อามิน ไม่ว่าจะทำอะไรมักเป็นข่าวอยู่ตลอด ขณะที่ นพ.ไพจิตร์ วราชิต ปลัด สธ.ได้รับฉายาว่า “ปลัดคลิปหลุด” เนื่องจากเคยถูกโจมตีจากคลิปฉาว แต่สุดท้ายก็หลุดพ้นจากข้อกล่าวหา หลังตรวจสอบแล้วพบว่าเป็นการตัดต่อคลิป ส่วน รองปลัดกระทรวงและผู้ตรวจราชการกระทรวง ที่ได้รับการแต่งตั้งครั้งนี้ ได้ฉายาว่าเป็นรองปลัด และผู้ตรวจชุด “คุณขอมา” เนื่องจากส่วนใหญ่มีเส้นสายและสัมพันธ์โยงใยกับฝ่ายการเมืองและปลัดกระทรวงสาธารณสุข
มาที่อธิบดีที่ล้วนแล้วแต่มีที่มาที่ไปในการได้รับตำแหน่งแทบทั้งสิ้น มีการตั้งฉายา ดังนี้ อธิบดีกรมควบคุมโรค นพ.พรเทพ ศิริวนารังสรรค์ ได้รับฉายาว่า “อธิบดีเด็กเส้น” เพราะสนิทกับนักการเมืองสายกิจสังคมเดิม ซึ่งเป็นพรรคการเมืองที่ นายวิทยา บุรณศิริ เคยอยู่ ขณะที่ นพ.สมชัย ภิญโญพรพาณิชย์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ ได้รับฉายาว่า “อธิบดีแห้ว” เพราะมีชื่อติดโผจะได้นั่งกรมควบคุมโรค สุดท้ายเส้นไม่ถึงจึงต้องนั่งในตำแหน่งเดิม เช่นเดียวกับนพ.สมยศ ดีรัศมี อธิบดีกรมอนามัย ที่ได้รับฉายาว่า “อธิบดีรักคุด” เพราะหวังว่าจะได้กลับไปนั่งในกรมการแพทย์ แต่กลับไม่ได้รับการแต่งตั้งอย่างที่ใจหวัง ส่วน นพ.บุญชัย สมบูรณ์สุข ได้รับฉายาว่า “อธิบดีม้ามืด” เพราะเดิมมีชื่อติดโผเป็นรองปลัดกระทรวง แต่สุดท้ายได้รับแต่งตั้งให้เป็นอธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ นพ.พิพัฒน์ ยิ่งเสรี เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ฉายา “จับแหลก” เพราะจับคลินิกที่มีผลิตภัณฑ์ ยาปลอมแทบทุกที่ ส่วนนพ.ชาตรี เจริญชีวะกุล เลขาธิการสถาบันการแพทญ์ฉุกเฉินแห่งชาติ (สพฉ.) ฉายา “ผู้คุมศูนย์เฉื่อยชาฉุกเฉิน” เพราะเป็น ผอ.สถาบันการแพทย์ฉุกเฉิน แต่ไม่ว่าจะขอข้อมูลหรือขอความช่วยเหลือก็ช้าตลอด
ขณะที่ นพ.สุพรรณ ศรีธรรมา อธิบดีกรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก ได้รับฉายาว่า “อธิบดีโลกลืม” เพราะเคยมีบทบาทอย่างมากใน สธ.และควรจะได้เป็นอธิบดีก่อนหน้านี้ แต่กลับถูกลืม เพิ่งมาได้รับการแต่งตั้งในครั้งนี้ ส่วนพญ.วิลาวัณย์ จึงประเสริฐ อธิบดีกรมการแพทย์ ได้รับฉายาว่า “กระบี่หญิงหนึ่งเดียว” เพราะเป็นอธิบดีหญิงเพียงคนเดียวของ สธ.และมีกระบี่ คือ หลังบ้านเป็น กกต.ทำให้เป็นที่เกรงขามของฝ่ายการเมือง สำหรับอธิบดีกรมสุขภาพจิต นพ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ได้รับฉายาว่า “หมอใจนักเลง” เพราะเป็นคนมีจิตใจกว้างขวาง มีเพื่อนพ้องน้องพี่ให้ความเคารพอยู่มาก และสุดท้ายตำแหน่งที่เพิ่งได้รับการแต่งตั้ง คือ ทพ.ญ.นัยนา แพร่ศรีสกุล ที่ได้รับแต่งตั้งเป็นโฆษกกระทรวงสาธารณสุข ได้รับฉายาว่า “โฆษกหลุดคิว” เพราะชอบเปลี่ยนแปลงกำหนดการต่างๆ ในการให้ข่าวและแถลงข่าวอยู่ตลอดเวลา
ส่วนบรรดาหมอที่มีบทบาทในแวดวงสาธารณสุข เช่น ศ.นพ.ประเวศ วะสี ได้รับฉายาว่า “หมอหลังม่านเหล็ก” เพราะอยู่เบื้องหลังการเคลื่อนไหวของกลุ่มแพทย์เอ็นจีโอเกือบทั้งหมด ขณะที่นพ.เกรียงศักดิ์ วัชรนุกูลเกียรติ ประธานชมรมแพทย์ชนบท ได้รับฉายาว่า “หมอจำปีทอง” เพราะใช้บริการสายการบินไทยบินมา กทม.ตลอดเวลาจนได้รับบัตรสมาชิกระดับทอง เช่นเดียวกับ นพ.วิชัย โชควิวัฒน ที่ได้รับฉายาว่า “หมอร้อยบอร์ด” เพราะมีชื่อในคณะกรรมการในหลายหน่วยงาน เช่น สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) สำนักงานประกันสังคม (สปส.) สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข (สวรส.) สำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ (สช.) องค์การเภสัชกรรม (อภ.) จะวางบทบาทเป็นผู้ตรวจสอบข้าราชการ และสื่อมวลชน อยู่ตลอด
ส่วน พญ.เชิดชู อริยศรีวัฒนา กรรมการแพทยสภา ได้รับฉายาว่า “หมอจอมแฉ” เนื่องจากนิยมเขียนบทความแฉเรื่องราวต่างๆ ที่ไม่เป็นธรรมต่อบุคลากรในวิชาชีพแพทย์อย่างต่อเนื่องขณะที่นพ.ฐาปนวงศ์ ตั้งอุไรวรรณ ได้รับฉายาว่า “หมอฮาร์ดคอร์” เนื่องจากมักจะออกมาแฉเรื่องราวความไม่ชอบมาพากลต่างๆ ด้วยท่าทีที่รุนแรง ส่วนพญ.อรพรรณ เมธาดิลกกุล ได้รับฉายาว่า “หมอค้าความ” เพราะมีเรื่องฟ้องร้องข้าราชการ สธ.ตั้งแต่ระดับ รมต.ปลัดไปจนถึงอธิบดีที่ยังค้างอยู่ในศาลหลายสิบคดี ส่วน นพ.วินัย สวัสดิวร เลขาธิการ สปสช.ได้รับฉายาว่า “โปรเฉินร้อยสนาม” เนื่องจากมีฝีมือการตีกอล์ฟในระดับแถวหน้า และมักจะมีชื่อได้รับรางวัลจากการออกรอบแทบทุกสนาม
นอกจากนี้ ยังมีแพทยสภา ได้ฉายา “มีดหมอบิ่น” เพราะไม่ว่าเกิดข้อร้องเรียนของแพทย์คนใด ประโยคแรกที่จะได้ยินจากแพทยสภา คือ ไม่มีมูลเสมอ ทั้งที่บางครั้งยังตรวจสอบไม่แล้วเสร็จ หรือไม่มีการตรวจสอบด้วยซ้ำ เครือข่ายผู้เสียหายทางการแพทย์ ฉายา “นักประท้วงกลุ่มน้อย” เนื่องจากมีการประท้วงแบบเงียบๆ ไม่หวือหวา โดยเฉพาะกรณี พ.ร.บ.คุ้มครองผู้เสียหายฯ