สธ.ห่วงความปลอดภัยหญิงตั้งครรภ์ที่ประสบภัยน้ำท่วม กำชับให้เจ้าหน้าที่สาธารณสุขรวมทั้งอสม.ติดตามดูแลใกล้ชิด แนะหญิงตั้งครรภ์ที่ใกล้คลอดที่บ้านน้ำท่วมเดินทางไม่สะดวกให้ย้ายออกมาพักอาศัยในจุดที่สามารถเดินทางไปโรงพยาบาลได้ภายใน 1 ชม.
วันนี้ (13 พ.ย.) นายวิทยา บุรณศิริ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข(สธ.) จากสถานการณ์น้ำท่วมนั้นส่งผลให้ประชาชนเกิดความเครียดเพิ่มขึ้น โดยกลุ่มที่จะเครียดง่าย คือ กลุ่มผู้สูงอายุ ผู้พิการ ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง เด็ก และหญิงตั้งครรภ์ ซึ่งกระทรวงสาธารณสุข มีนโยบายให้เจ้าหน้าที่สาธารณสุขดูแลประชาชนกลุ่มเสี่ยงเหล่านี้อย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะกลุ่มหญิงตั้งครรภ์หากโรงพยาบาลที่ฝากครรภ์ไว้เดินทางไม่สะดวกให้เข้ารับบริการที่โรงพยาบาลแห่งอื่นแทน พร้อมทั้งได้กำชับให้เจ้าหน้าที่สาธารณสุข รวมทั้ง อสม.ในพื้นที่ติดตามดูแลอย่างใกล้ชิด เพราะการเดินทางไม่สะดวกเหมือนในภาวะปกติ
นพ.สมยศ ดีรัศมี อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า ในหญิงที่ตั้งครรภ์จะมีการเปลี่ยนแปลงทั้งร่างกายและจิตใจ ระดับฮอร์โมนหลายชนิดสูงขึ้นอย่างมากซึ่งต้องได้รับทั้งอาหารและไวตามินที่เหมาะสม และยังต้องได้รับการดูแลเอาใจใสรวมถึงกำลังใจจากครอบครัวอย่างใกล้ชิด หากได้รับความเครียดจะมีผลทำให้นอนไม่หลับ พักผ่อนไม่เพียงพอ และรับประทานอาหารได้น้อยลง อาจมีผลต่อพัฒนาการของทารกในครรภ์ โดยเฉพาะหญิงตั้งครรภ์ที่มีภาวะโรคแทรกซ้อน เช่น ความดันโลหิตสูง เบาหวาน และครรภ์เป็นพิษ อาจทำให้อาการทรุดหนัก เส้นเลือดสมองแตกเป็นอันตรายถึงชีวิตได้
นพ.สมยศ กล่าวต่อไปว่า ขอแนะนำหญิงตั้งครรภ์ที่อยู่ในเขตน้ำท่วมสูงมาก การคมนาคมไม่สะดวกต้องใช้เวลาในการเดินทางมากกว่า 4 ชั่วโมง และในเวลากลางคืนที่การเดินทางยากลำบากมากขึ้นอาจจะคลอดระหว่างทาง โดยเฉพาะหญิงตั้งครรภ์ที่ใกล้คลอดหรือที่อายุครรภ์ 34 สัปดาห์ขึ้นไป หญิงตั้งครรภ์ที่มีประวัติการคลอดเร็ว และหญิงตั้งครรภ์ท้องที่ 3 ขึ้นไปหรือหญิงตั้งครรภ์ที่มีบุตรยากที่ได้รับการเย็บปากมดลูกไว้ ควรย้ายมาพักใกล้โรงพยาบาล บ้านญาติ หรือในศูนย์พักพิงที่ทางราชการได้เตรียมไว้ ซึ่งสามารถส่งต่อไปยังโรงพยาบาลได้ภายใน 1 ชั่วโมง
ทั้งนี้ หญิงตั้งครรภ์แรกจะคลอดภายในเวลา 4-6 ชั่วโมงหลังเจ็บครรภ์ และมีจำนวนไม่น้อยที่คลอดเร็วกว่านั้น ส่วนในหญิงตั้งครรภ์ท้องที่ 2 และ 3 ขึ้นไป มักจะคลอดเร็วกว่าท้องแรก ส่วนในรายที่มีการเย็บปากมดลูกจะต้องรีบตัดเชือกที่เย็บปากมดลูกไว้ขณะเริ่มเจ็บครรภ์ หากช้าอาจทำให้มดลูกแตกหรือปากมดลูกฉีกขาด และตกเลือดอย่างมาก จนทำให้เสียชีวิตได้ ดังนั้น จึงอยากให้หญิงที่ตั้งครรภ์ ควรย้ายมาพักใกล้โรงพยาบาล บ้านญาติ หรือในศูนย์พักพิงที่ทางราชการได้เตรียมไว้ ซึ่งสามารถส่งต่อไปยังโรงพยาบาลได้ เพื่อความปลอดภัยของแม่และเด็ก