“โสภณ” ปัดไม่ได้รื้อโครงสร้าง ศธ.แค่ปรับ กม.แยกสามัญ เป็นกรม

“โสภณ” แย้งไม่ได้รื้อโครงสร้าง ศธ.ย้ำ แค่แก้กฎหมาย แยกสามัญ เป็นกรม ชี้ มีเพียง สพฐ.เท่านั้นที่ถูกลดอำนาจ ข้าราชการ ผอ.เขต กลายเป็นหน่วยงานประสานงานของกระทรวง ขึ้นต่อปลัด ศธ.ย้ำ ที่ต้องปรับโครงสร้าง เหตุการศึกษาของเด็กไทยต่ำกว่ามาตรฐาน

จากกรณีที่ นายวรวัจน์ เอื้อภิญญกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมว.ศธ.) ปฏิเสธ ว่า ไม่มีนโยบายปรับโครงสร้างกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ตามที่เคยมีกระแสการปรับโครงสร้าง ศธ.โดยจะให้ปลัด ศธ.เป็นผู้บังคับบัญชาสูงสุดในกระทรวง ขณะที่ 5 องค์กรหลักใน ศธ.จะถูกลดระดับเป็นกรม นั้น

ล่าสุด วานนี้ (15 ธ.ค) นายโสภณ เพชรสว่าง ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ในฐานะประธานคณะกรรมการปรับปรุงกฎหมาย ศธ.กล่าวถึงกรณีดังกล่าว ว่า ไม่ได้มีการปรับรือโครงสร้างกระทรวงทั้งหมด เพียงแต่แก้กฎหมาย และอำนาจทั้งหมดก็เหมือนเดิม มีเพียงอำนาจสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) เท่านั้นที่ลดลง เพราะแยกสามัญเป็นกรม และข้าราชการ ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาจะเป็นเพียงหน่วยงานประสานงานของกระทรวง ขึ้นต่อปลัดกระทรวงศึกษาธิการ แต่อำนาจทุกอย่างยังเหมือนเดิม และ สพฐ.ก็ยังดูแลรับผิดชอบโรงเรียน 30,000 กว่าโรงเช่นเดียวกัน ส่วนผู้บริหารสูงสุด ไม่ว่าจะเป็นของสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.)สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) ยังคงเป็นมีตำแหน่งซี 11 เช่นเดิม เพราะโครงสร้างใหม่ ก็เป็นซี 11 เหมือนกัน และขึ้นอยู่กับสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) ที่กำหนดอัตรา ตำแหน่ง และผลงานของแต่ละกรม อย่างไรก็ตามการปรับโครงสร้าง เพื่อความคล่องตัวในการทำงาน

นายโสภณ กล่าวด้วยว่า ขณะนี้เราต้องมีผู้นำ ทำไมประเทศไทย มี 20 กระทรวง มีเพียง 2 กระทรวง คือ กระทรวงศึกษาธิการ และกระทรวงกลาโหม ที่ไม่มีปลัดเป็นผู้บังคับบัญชา ซึ้งบางคนอาจไม่ชอบ เราก็ยอมรับความเห็น แต่ขอให้ดูว่าขณะนี้การศึกษาของเด็กไทยต่ำกว่ามาตรฐาน การทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติขั้นพื้นฐาน (โอเน็ต) ต่ำกว่า 50% ทั้งประเทศหมายความว่าอย่างไร เป็นเพราะอะไร เป็นเพราะครูผู้สอน หรือโครงสร้าง และถ้าปรับโครงสร้างไหนก็ต้องปรับปรุงกฎหมาย แต่ถ้าโครงสร้างดีอยู่แล้ว อย่าง สกอ., สอศ.ก็ไม่ต้องไปปรับแก้กฎหมาย ส่วนถ้าจะแยก หรือยกระดับเป็นกรม เช่น สำนักงาน คณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย (กศน.) และสำนักบริหารงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.) ก็ต้องมาดูโครงสร้างของกระทรวงเสียก่อน ว่าจะแก้กฎหมายตรงไหนได้บ้าง

อนึ่ง ช่วงที่ผ่านมา นายศรีเมือง เจริญศิริ, นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ อดีต รมว.ศธ.ต่างเห็นพ้องที่จะให้มีการยกระดับ 3 กรม คือ ก.ค.ศ., กศน.และ สช.เป็นกรมซึ่งไม่ได้เป็นการยุบไปรวม หรือกระทบต่อหน่วยงาน โครงสร้างอื่นของกระทรวง ดังนั้น การจะปรับโครงสร้างครั้งนี้ ขอย้ำว่า ไม่ได้รื้อโครงสร้างทั้งหมด เพียงแต่เปลี่ยนบางหน่วยงานเป็นกรม เพื่อความคล่องตัวในการทำงานเท่านั้น ส่วนหน้าที่ของปลัดกระทรวงนั้น เป็นเพียงผู้บังคับบัญชาจัดการในกระทรวง แต่จะรวมถึง สอศ.และ สกอ.หรือไม่นั้น ต้องเป็นไปตามกฎหมายของทั้ง 2 แห่ง และการปรับโครงการ ขึ้นต่อปลัดกระทรวงนั้น ไม่ได้เป็นการตั้งขึ้นมาเพื่อให้ น.ส.ศศิธาดา พิชัยชาญณรงค์ ปลัด ศธ.หรือ นายชินวรณ์ มีอำนาจมากขึ้น แต่เป็นการทำอย่างไรให้เป็นไปตามนโยบายรัฐมนตรี ทำให้เด็กไทยอ่านออก เขียนได้ คิดคำนวณเป็น และจบออกไปมีงานทำ แข่งขันกับประเทศอื่นได้ และไมได้ไปแตะต้องอำนาจของใคร ตำแหน่ง เงินเดือน ก็ยังคงเหมือนเดิม อย่างไรก็ตาม เรื่องดังกล่าวจะมีการสอบถามความคิดเห็นจากทุกฝ่าย ก่อนจะสรุปเพื่อเสนอ รมว.ศธ.พิจารณาต่อไป
//////////////////////