คร.เผยมาตรการ 3 ลด จัดการเอดส์ ชี้ผู้ป่วยติดเชื้อส่วนใหญ่เกิดจากชายรักชาย พบชายติดเชื้อจากการซื้อบริการทางเพศพุ่งกว่า 20%
วันนี้ (6 ธ.ค.) นพ.สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค (คร.) กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวภายหลังเป็นประธานในพิธีเปิดการสัมมนาระดับชาติ ครั้งที่ 5 การแลกเปลี่ยนเรียนรู้และเสริมสร้างเครือข่ายพันธมิตรการดำเนินงานเพื่อการป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์และเอดส์/เอชไอวี ในบริบทการค้าประเวณีว่า จากข้อมูลสำนักระบาดวิทยา รายงานสถานการณ์ผู้ป่วยเอดส์ใน/strong>ประเทศไทย ล่าสุด (31 มีนาคม) พบว่า มีผู้ป่วยเอดส์ จำนวน 372,874 ราย เสียชีวิตแล้ว 98,153 ราย ผู้ป่วยส่วนใหญ่ อยู่ในวัยทำงานที่มีอายุระหว่าง 20-44 ปี โดยกลุ่มอายุ 30-34 ปี มีผู้ป่วยสูงสุด (ร้อยละ 24.94) แนวโน้มของผู้ที่เสียชีวิตด้วยโรคเอดส์ลดลงกว่าในอดีตที่ผ่านมา เนื่องจากการรักษาด้วยยาต้านไวรัส ทำให้ผู้ป่วยมีชีวิตที่ยืนยาว และมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ส่วนสถานการณ์การให้บริการทางเพศในปัจจุบัน พบว่า รูปแบบเปลี่ยนไปมาก จากรายงานผลการปฏิบัติงานควบคุมโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ปี 2553 พบว่า อาชีพให้บริการทางเพศ พบป่วยร้อยละ 17.65 และป่วยเพิ่มขึ้น จากร้อยละ 1.88 ในปี 2549 เป็น 2.70 ในปี 2553 ขณะผู้ป่วยชายมีอัตราการติดเชื้อจากผู้ให้บริการทางเพศ ร้อยละ 21.14
“สำหรับการรณรงค์วันเอดส์โลกในปีนี้ โครงการเอดส์สหประชาชาติ (UNAIDS) เน้นกรอบ “สู่เป้าหมายเป็นศูนย์เรื่องการตายอันเนื่องมาจากเอดส์” สำหรับประเทศไทยมีการรณรงค์ภายใต้แนวคิดเอดส์ลดแล้ว ลดอีก ด้วย 3 ลด คือ 1.ลดการติดเชื้อเอชไอวี ให้ถึงจุดที่ไม่มีผู้ป่วยติดเชื้อรายใหม่ 2.ลดอุปสรรคที่ผู้ติดเชื้อเข้าถึงบริการสุขภาพ ให้ถึงจุดที่ไม่มีการตายอันเนื่องมาจากเอดส์ 3.ลดอคติ ให้ถึงจุดที่ไม่มีการเลือกปฏิบัติ ทั้งผู้ติดเชื้อ และกลุ่มที่มีภาวะเปราะบาง” นพ.สมศักดิ์ กล่าว
รองอธิบดีกรมควบคุมโรคกล่าวต่อว่า บุคลากรขององค์กรภาครัฐและภาคประชาสังคม ซึ่งปฏิบัติงานด้านโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์และเอชไอวี/เอดส์ ได้แก่ เจ้าหน้าที่จากโรงพยาบาลที่รับผิดชอบงานด้านโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ทุกจังหวัด และภาคประชาสังคมประมาณ 150 คน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อแลกเปลี่ยนมุมมองและประสบการณ์ในการดำเนินงานการป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์และเอชไอวี/เอดส์ ในบริบทการบริการทางเพศ และร่วมกันวางแผนดำเนินงานในอนาคตให้มีประสิทธิภาพ สามารถลดผู้ติดเชื้อเอชไอวีรายใหม่ เพิ่มจำนวนผู้เข้าถึงบริการการให้การปรึกษาเพื่อตรวจเลือดหาเชื้อเอชไอวี ช่วยให้ผู้ติดเชื้อได้ทราบสถานการณ์การติดเชื้อ และเข้าสู่การรักษาตั้งแต่ระยะที่ยังไม่ปรากฏอาการ เพื่อให้มีชีวิตที่ยืนยาวอย่างมีคุณภาพ รวมถึงสามารถใช้ชีวิตในชุมชนและสังคมได้อย่างมีศักดิ์ศรี
