วธ.พบวัด มัสยิด โบสถ์คริสต์ ศาลเจ้า จ.อยุธยา ถูกน้ำท่วม รวม 542 แห่ง ด้านรัฐจับมือเอกชน ลงขัน 54 ล้านเร่งฟื้นฟูศาสนสถาน
นางสุกุมล คุณปลื้ม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) ได้ลงพื้นที่เพื่อติดตามความคืบหน้าการสำรวจความเสียหายและการบูรณะและการฟื้นฟู ศาสนสถาน โบราณสถานกลุ่มโบราณสถานอโยธยา วัดสมณโกศ วัดกุฏีดาว วัดจักรวรรดิ และ วัดอโยธยา กลุ่มโบราณสถานคลองสระบัว วัดเชิงท่า และวัดไชยวัฒนาราม ในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ซึ่งประสบอุทกภัยมาตั้งแต่เดือนสิงหาคม ที่ผ่านมา ทำให้ศาสนสถาน โบราณสถาน ได้รับความเสียหายจำนวนมาก รวมถึงศาสนิกชนในพื้นที่ ได้รับความเดือดร้อนจากการดำรงชีวิตซึ่งหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชน ได้ร่วมกันเข้าไปช่วยเหลืออย่างเต็มกำลังตลอดระยะเวลาที่ประสบอุทกภัย
นางสุกุมล กล่าวว่า จากการสำรวจความเสียหายของโบราณสถานที่ทั่วประเทศได้รับผลกระทบจากอุทกภัยในด้านโครงสร้างพื้นฐานและสิ่งปลูกสร้าง จำนวน 313 แห่ง โดยเฉพาะในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา มีถึง 130 แห่ง ซึ่งถูกปริมาณน้ำจากแม่น้ำเจ้าพระยา ลพบุรี และป่าสัก ไหลเข้าท่วมขังเป็นระยะเวลานานทำให้โครงสร้างของโบราณสถาน สภาพภูมิทัศน์ และระบบสาธารณูปโภคได้รับความเสียหาย โดยในส่วนของวัดอโยธาองค์เจดีย์มีรอยแตกร้าวเป็นทางยาว ฐานเจดีย์มีการพังทลายในด้านทิศเหนือและทิศตะวันตก และมีรอยแตกร้ายรอบองค์ สำหรับวัดเชิงท่า ภาพจิตรกรรมฝาหนังเสียในขั้นวิกฤต และวัดไชยวัฒนารามได้ค่อยๆ สูบน้ำ ให้อิฐคืนตัวดังเดิม และสำรวจอีกครั้งหนึ่งว่าโครงสร้างมีการทรุดตัวหรือไม่ ซึ่งโบราณสถานทั้งหมดในอยุธยาจำเป็นต้องได้รับการอนุรักษ์ ฟื้นฟู อย่างเร่งด่วน เพื่อให้กลับคืนสู่สภาวะปกติ โดยเน้นเรื่องการเสริมความมั่นคงของโบราณสถานและการปรับปรุงภูมิทัศน์ ทั้งนี้ นอกจากจะเป็นการกระตุ้นการท่องเที่ยวที่ก่อให้เกิดรายได้แก่ประชาชนแล้ว ยังส่งผลต่อการสร้างความมั่นคงในจิตใจแก่ประชาชน เนื่องจากโบราณสถานต่างๆ เป็นมรดกทางศิลปวัฒนธรรมที่สำคัญยิ่งของชาติ
นางสุกุมล กล่าวเพิ่มเติมว่า ในส่วนของศาสนสถานของศาสนาพุทธ ศาสนาคริสต์ และศาสนาอิสลาม ได้รับความเสียหายจำนวนมาก และยังมีความจำเป็นที่จะต้องได้รับการฟื้นฟู วัด มัสยิด โบสถ์ และศาลเจ้า โดยดำเนินงานโครงการ “ทำดีถวายพ่อ ฟื้นฟูอยุธยา” เพื่อสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณในของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และเพื่อเป็นการสร้างจิตสำนึกในการทำให้สังคมไทย เป็นสังคมที่มีความรักความสามัคคี ความเอื้ออาทร และเกื้อกูลซึ่งกันและกันตามหลักศาสนา ประกอบด้วย วัด 470 วัด มัสยิด 49 มัสยิด โบสถ์คริสต์ 11 โบสถ์ ศาลเจ้า 12 ศาลเจ้า รวม 542 แห่ง โดยจัดสมทบทุน ศาสนสถานแห่งละ 1 แสนบาท รวมเป็นเงิน 54,200,000 บาท ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงานภาครัฐ และภาคเอกชนที่รับเป็นเจ้าภาพในการฟื้นฟูศาสนสถานที่ประสบอุทกภัย
นางสุกุมล คุณปลื้ม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) ได้ลงพื้นที่เพื่อติดตามความคืบหน้าการสำรวจความเสียหายและการบูรณะและการฟื้นฟู ศาสนสถาน โบราณสถานกลุ่มโบราณสถานอโยธยา วัดสมณโกศ วัดกุฏีดาว วัดจักรวรรดิ และ วัดอโยธยา กลุ่มโบราณสถานคลองสระบัว วัดเชิงท่า และวัดไชยวัฒนาราม ในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ซึ่งประสบอุทกภัยมาตั้งแต่เดือนสิงหาคม ที่ผ่านมา ทำให้ศาสนสถาน โบราณสถาน ได้รับความเสียหายจำนวนมาก รวมถึงศาสนิกชนในพื้นที่ ได้รับความเดือดร้อนจากการดำรงชีวิตซึ่งหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชน ได้ร่วมกันเข้าไปช่วยเหลืออย่างเต็มกำลังตลอดระยะเวลาที่ประสบอุทกภัย
นางสุกุมล กล่าวว่า จากการสำรวจความเสียหายของโบราณสถานที่ทั่วประเทศได้รับผลกระทบจากอุทกภัยในด้านโครงสร้างพื้นฐานและสิ่งปลูกสร้าง จำนวน 313 แห่ง โดยเฉพาะในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา มีถึง 130 แห่ง ซึ่งถูกปริมาณน้ำจากแม่น้ำเจ้าพระยา ลพบุรี และป่าสัก ไหลเข้าท่วมขังเป็นระยะเวลานานทำให้โครงสร้างของโบราณสถาน สภาพภูมิทัศน์ และระบบสาธารณูปโภคได้รับความเสียหาย โดยในส่วนของวัดอโยธาองค์เจดีย์มีรอยแตกร้าวเป็นทางยาว ฐานเจดีย์มีการพังทลายในด้านทิศเหนือและทิศตะวันตก และมีรอยแตกร้ายรอบองค์ สำหรับวัดเชิงท่า ภาพจิตรกรรมฝาหนังเสียในขั้นวิกฤต และวัดไชยวัฒนารามได้ค่อยๆ สูบน้ำ ให้อิฐคืนตัวดังเดิม และสำรวจอีกครั้งหนึ่งว่าโครงสร้างมีการทรุดตัวหรือไม่ ซึ่งโบราณสถานทั้งหมดในอยุธยาจำเป็นต้องได้รับการอนุรักษ์ ฟื้นฟู อย่างเร่งด่วน เพื่อให้กลับคืนสู่สภาวะปกติ โดยเน้นเรื่องการเสริมความมั่นคงของโบราณสถานและการปรับปรุงภูมิทัศน์ ทั้งนี้ นอกจากจะเป็นการกระตุ้นการท่องเที่ยวที่ก่อให้เกิดรายได้แก่ประชาชนแล้ว ยังส่งผลต่อการสร้างความมั่นคงในจิตใจแก่ประชาชน เนื่องจากโบราณสถานต่างๆ เป็นมรดกทางศิลปวัฒนธรรมที่สำคัญยิ่งของชาติ
นางสุกุมล กล่าวเพิ่มเติมว่า ในส่วนของศาสนสถานของศาสนาพุทธ ศาสนาคริสต์ และศาสนาอิสลาม ได้รับความเสียหายจำนวนมาก และยังมีความจำเป็นที่จะต้องได้รับการฟื้นฟู วัด มัสยิด โบสถ์ และศาลเจ้า โดยดำเนินงานโครงการ “ทำดีถวายพ่อ ฟื้นฟูอยุธยา” เพื่อสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณในของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และเพื่อเป็นการสร้างจิตสำนึกในการทำให้สังคมไทย เป็นสังคมที่มีความรักความสามัคคี ความเอื้ออาทร และเกื้อกูลซึ่งกันและกันตามหลักศาสนา ประกอบด้วย วัด 470 วัด มัสยิด 49 มัสยิด โบสถ์คริสต์ 11 โบสถ์ ศาลเจ้า 12 ศาลเจ้า รวม 542 แห่ง โดยจัดสมทบทุน ศาสนสถานแห่งละ 1 แสนบาท รวมเป็นเงิน 54,200,000 บาท ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงานภาครัฐ และภาคเอกชนที่รับเป็นเจ้าภาพในการฟื้นฟูศาสนสถานที่ประสบอุทกภัย