จัดพิมพ์ “นามานุกรมพระมหากษัตริย์ไทย 54 พระองค์” เล่มแรกของไทย เฉลิมพระเกียรติในหลวง 84 พรรษา เตรียมพิมพ์แจกสถานศึกษา ห้องสมุด สถานที่ราชการทั่วประเทศ 50,000 เล่ม ใช้เป็นแหล่งอ้างอิงข้อมูลที่น่าเชื่อถือ หลังพบเนื้อหาพระราชประวัติบางส่วนคลาดเคลื่อน
วันนี้ (1 ธ.ค.) ที่กระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) ศ.เกียรติคุณคุณหญิงไขศรี ศรีอรุณ เลขานุการมูลนิธิสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาในพระราชูปถัมภ์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารี พร้อมด้วย พล.ต.ม.ร.ว.ศุภวัฒย์ เกษมศรี บรรณาธิการวิชาการ และผศ.ดร.ปรีดี พิศภูมิวิถี บรรณาธิการวิชา ร่วมกันแถลงข่าวเปิดตัว หนังสือ “นามานุกรมพระมหากษัตริย์ไทย” เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคล เฉลิมพระชนมพรรษา 84 พรรษา 5 ธันวาคม 2554 โดย ศ.เกียรติคุณคุณหญิงไขศรีกล่าวว่า สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงเห็นชอบให้มูลนิธิฯ จัดทำนามานุกรมพระมหากษัตริย์ไทย เป็นฉบับแรกของประเทศไทย เนื่องจากที่ผ่านมาไม่เคยมีใครรวบรวมและเรียบเรียงพระราชประวัติ พระราชกรณียกิจของพระมหากษัตริย์ได้ครบพระองค์ ทางมูลนิธิฯ จึงได้จัดทำหนังสือดังกล่าว โดยรวบรวมพระนามพระมหากษัตริย์ไทย ตั้งแต่รัชกาลสมัยสุโขทัย สมัยกรุงศรีอยุธยา สมัยกรุงธนบุรี และสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ รวมทั้งสิ้น 52 พระองค์
นอกจากนี้ยังมีอีก 2 พระองค์ ซึ่งไม่ได้จัดลำดับเป็นรัชกาล ได้แก่ ขุนวรวงศาธิราช และพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว แต่ทางมูลนิธิฯพบว่า มีเอกสารไทยและต่างชาติ ได้มีการบันทึกพระราชประวัติและพระราชกรณียกิจที่สำคัญไว้ เช่น การศึกสงคราม การต่างประเทศ หลักฐานเหล่านี้ล้วนเป็นข้อมูลที่สำคัญแสดงให้เห็นถึงพระเกียรติคุณ จึงได้นำมาบันทึกในหนังสือนามานุกรมฉบับนี้ด้วย โดยนามานุกรมฉบับนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อรวบรวมเนื้อหาด้านประวัติศาสตร์ที่ถูกต้องตามหลักฐานทางประวัติศาสตร์ เนื่องจากปัจจุบันพบว่า ข้อมูลพระมหากษัตริย์ไทยเกิดความคลาดเคลื่อน โดยเฉพาะข้อมูลที่ค้นจากอินเทอร์เน็ต ดังนั้น นามานุกรมฉบับนี้จะเป็นข้อมูลอ้างอิงและค้นคว้าสำหรับเรื่องของพระมหากษัตริย์ไทยทุกพระองค์
เลขานุการมูลนิธิฯ กล่าวว่า สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารี ทรงพระราชนิพนธ์คำนำด้วยพระองค์เอง และทรงมอบหมายให้มูลนิธิฯจัดพิมพ์นามานุกรมฉบับนี้ จำนวน 50,000 เล่ม เพื่อแจกให้แก่สถานศึกษา ห้องสมุดทั่วประเทศ 30,000 เล่ม ส่วนที่เหลือ 20,000 เล่ม จะแจกให้แก่หน่วยงานราชการ เอกชน รัฐวิสาหกิจ พร้อมกันนี้ยังมีแนวคิดว่า จะนำข้อมูลทั้งหมดจัดทำเป็นหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ เพื่อให้ประชาชนสามารถค้นคว้าข้อมูลที่ถูกต้องผ่านระบบอินเทอร์เน็ตได้
ด้าน ผศ.ดร.ปรีดี กล่าวเสริมว่า เนื้อหาในนามานุกรมเล่มนี้มีลักษณะพิเศษกว่าเล่มอื่นๆ ดังนี้ 1.สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงพระราชนิพนธ์คำนำ ทรงระบุไว้อย่างชัดเจนว่านามานุกรมพระมหากษัตริย์ไทย ไม่เคยมีผู้ใดรวบรวมมาก่อน ที่สำคัญได้มีการตรวจสอบข้อมูลอย่างถูกต้องจากนักประวัติศาสตร์ ทั้งยังมีการวิพากษ์หลักฐานทางประวัติศาสตร์ของพระมหากษัตริย์ไทย 2.คณะบรรณาธิการได้มีการจัดแบ่งเนื้อหา นามานุกรมโดยเรียบเรียงตามช่วงเวลาทางประวัติศาสตร์ ตั้งแต่สมัยสุโขทัย อยุธยา ธนบุรี และรัตนโกสินทร์ 3.นามานุกรมฯเล่มนี้ ไม่ได้เรียงตามลำดับตัวพระยัญชนะ ก-ฮ เพราะอาจจะไม่เห็นความต่อเนื่องทางประวัติศาสตร์
4.เนื้อหาสั้น กระขับ ซึ่งไม่ยาวจนเกินไป มีรายพระนามของพระมหากษัตริย์ไทยของบางพระองค์ที่ไม่ประชาชนอาจจะไม่รู้จักมาก่อน 5.การเรียบเรียงข้อมูลของแต่ละรัชกาล ได้เรียบเรียงตามเนื้อหา พระราชประวัติ ประกอบด้วย สถานที่ประสูติ ทรงเป็นพระราชโอรสของพระมหากษัตริย์ หรือพระบรมวงศานุวงศ์ ขึ้นอยู่กับหลักฐานที่ปรากฏ พระราชกรณียกิจ ตามที่ได้มีการรวบรวมจากเอกสารทั้งในประเทศและต่างประเทศ นอกจากนี้ ได้มีการระบุปีที่สวรรคตด้วย 6.มีรูปภาพประกอบของพระมหากษัตริย์แต่ละรัชกาล สำหรับพระองค์ไหนไม่มีรูปจะใช้ภาพพระพุทธรูปประจำพระองค์ หรือพระราชานุสาวรีย์แทน 7.จุดเด่นของนามานุกรมเล่มนี้ ที่มีการระบุถึงพระราชกรณียกิจ ที่ทรงมีพระประสงค์สิ่งเดียว คือ เพื่อประชาชน ทั้งยังทรงปฏิบัติพระองค์อย่างมีจรรยานุวัตร หรือข้อพึงปฏิบัติที่กษัตริย์ควรปฏิบัติตลอดมา