อย.เผยมาตรการแก้ปัญหาให้ประชาชนมียาจำเป็นใช้อย่างเพียงพอ ย้ำยังใช้มาตรการเร่งด่วนทั้งการให้จัดหาสถานที่ผลิตใหม่และการนำเข้า และถึงแม้สถานการณ์น้ำท่วมจะเริ่มคลี่คลาย อย.จะมีการติดตามสถานการณ์ยาอย่างใกล้ชิด
นพ.พิพัฒน์ ยิ่งเสรี เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เปิดเผย ว่า จากวิกฤตการณ์น้ำท่วมใหญ่ในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา ทำให้สถานที่ผลิตยาหลายแห่งในกรุงเทพฯ และจังหวัดใกล้เคียงตกอยู่ในสถานการณ์เสี่ยง สถานที่ผลิตยาบางแห่งต้องหยุดการผลิตลงชั่วคราวเพื่อเตรียมการป้องกันโรงงานจากน้ำท่วม และมีเพียงส่วนน้อยเท่านั้นที่ได้รับความเสียหายจากภาวะน้ำท่วมขังบริเวณโรงงาน ประกอบกับปัญหาด้านการขนส่ง ทำให้เกิดความหวั่นวิตกเกี่ยวกับปัญหาการขาดแคลนยา ทั้งนี้ ที่ผ่านมา สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ได้ร่วมกับองค์การเภสัชกรรมในการแก้ปัญหาดังกล่าว และเปิดโอกาสให้บริษัทยาที่ได้รับผลกระทบจากภาวะน้ำท่วมสามารถว่าจ้างให้ผู้ผลิตยารายอื่นผลิตยาแทนชั่วคราว ซึ่ง อย.ได้เปิดช่องทางด่วนพิเศษ (Fast Track) ให้บริการขึ้นทะเบียนตามขั้นตอนของกฎหมายเป็นไปอย่างรวดเร็ว รวมจำนวนยา 5 รายการ และการขอนำเข้ายาโดยผ่านองค์การเภสัชกรรม ซึ่งเป็นหน่วยงานที่ได้รับการยกเว้นการขึ้นทะเบียนตำรับยาเป็นผู้นำเข้าแทน รวมจำนวนยา 32 รายการ ทำให้สามารถนำเข้ายาจำเป็นได้อย่างรวดเร็วทันต่อเหตุการณ์
นพ.พิพัฒน์ กล่วต่อว่า สำหรับกรณีของน้ำเกลือ สถานที่ผลิตยาที่ได้รับความเสียหายจากน้ำท่วม คือ บริษัท เยเนอรอล ฮอสปิตัล โปรดัคส์ จำกัด (มหาชน) ทำให้ปริมาณน้ำเกลือทางการแพทย์ในระบบลดลง เพื่อบรรเทาปัญหาดังกล่าว จึงได้มีการนำเข้าน้ำเกลือทดแทนในช่วง 2 เดือนนี้รวมจำนวน 1,897,600 ขวด โดยกำหนดสินค้าถึงประเทศไทยในวันที่ 21, 27 พ.ย. และ 22 ธ.ค. 2554 และในขณะเดียวกัน ระหว่างรอการนำเข้า ทางบริษัทผู้ผลิตน้ำเกลือรายอื่นอีก 3 ราย คือ บริษัท ไทยโอซูก้า จำกัด, บริษัท เอเอ็นบี ลาบอราตอรี่ (อำนวยเภสัช) จำกัด และบริษัท ไทยนครพัฒนา จำกัด ก็ได้ร่วมกันเพิ่มกำลังการผลิต เพื่อชดเชยความต้องการในระบบ และได้ส่งมอบน้ำเกลือให้แก่องค์การเภสัชกรรมเพื่อเป็นผู้กระจายไปยังโรงพยาบาลต่างๆ แล้วประมาณ 300,000 ขวด นอกจากนี้ยังมีแผนการแก้ไขปัญหาในระยะถัดมาตั้งแต่เดือน ม.ค.-พ.ค. 2555 โดย อย.ได้ร่วมประชุมกับบริษัทผู้ผลิตน้ำเกลือทั้ง 3 ราย พิจารณาแผนการผลิตเพื่อชดเชยปริมาณการผลิตของบริษัท เยเนอรอล ฮอสปิตัล โปรดัคส์ จำกัด (มหาชน) ที่หายไป รวมถึงวางแผนในการนำเข้าเพื่อให้เพียงพอกับการใช้ภายในประเทศ รวมทั้งได้มีการประสานช่องทางการนำเข้ากับทางองค์การเภสัชกรรม (อภ.) เพื่อสำรองยาไว้เผื่อกรณีขาดแคลนเพิ่มเติมอีกด้วย
เลขาธิการฯ กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตาม ขณะนี้สถานการณ์น้ำท่วมเริ่มคลี่คลาย มวลน้ำไม่แผ่ขยายเพิ่มมากขึ้น หลายสถานที่รวมทั้งในนิคมอุตสาหกรรมต่างๆ น้ำลดลง รวมถึงสภาพการขนส่งสินค้าที่คล่องตัวมากขึ้น โดยเฉพาะเส้นทางไปแถบภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคใต้ ทำให้สถานการณ์โดยรวมดีขึ้น บริษัทยาที่หยุดผลิตชั่วคราวในช่วงน้ำท่วมก็ได้กลับมาผลิตอีกครั้ง ดังนั้น อย.เชื่อมั่นว่าประชาชนจะมียาใช้อย่างเพียงพอ อย่างไรก็ตาม หากทางโรงพยาบาลใดมีข้อขัดข้องเรื่องการจัดซื้อจัดหายาและเวชภัณฑ์ ขอให้ประสานมาได้ที่องค์การเภสัชกรรม โดยให้ส่งรายการยาที่ขาดแคลนทางสายด่วน 1648 หรือส่ง SMS ที่ 08-7050-7171 เพื่อเป็นช่องทางในการจัดหายาให้ สำหรับโรงพยาบาลในสังกัดกระทรวงสาธารณสุข หากมีปัญหาขาดแคลนยา ขอให้แก้ไขปัญหาเบื้องต้น โดยขอความช่วยเหลือจากโรงพยาบาลอื่นในพื้นที่เดียวกันก่อน และแจ้งปัญหาการขาดแคลนเข้ามายังองค์การเภสัชกรรมด้วย เพื่อเร่งแก้ปัญหาในขั้นตอนต่อไป
นพ.พิพัฒน์ ยิ่งเสรี เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เปิดเผย ว่า จากวิกฤตการณ์น้ำท่วมใหญ่ในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา ทำให้สถานที่ผลิตยาหลายแห่งในกรุงเทพฯ และจังหวัดใกล้เคียงตกอยู่ในสถานการณ์เสี่ยง สถานที่ผลิตยาบางแห่งต้องหยุดการผลิตลงชั่วคราวเพื่อเตรียมการป้องกันโรงงานจากน้ำท่วม และมีเพียงส่วนน้อยเท่านั้นที่ได้รับความเสียหายจากภาวะน้ำท่วมขังบริเวณโรงงาน ประกอบกับปัญหาด้านการขนส่ง ทำให้เกิดความหวั่นวิตกเกี่ยวกับปัญหาการขาดแคลนยา ทั้งนี้ ที่ผ่านมา สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ได้ร่วมกับองค์การเภสัชกรรมในการแก้ปัญหาดังกล่าว และเปิดโอกาสให้บริษัทยาที่ได้รับผลกระทบจากภาวะน้ำท่วมสามารถว่าจ้างให้ผู้ผลิตยารายอื่นผลิตยาแทนชั่วคราว ซึ่ง อย.ได้เปิดช่องทางด่วนพิเศษ (Fast Track) ให้บริการขึ้นทะเบียนตามขั้นตอนของกฎหมายเป็นไปอย่างรวดเร็ว รวมจำนวนยา 5 รายการ และการขอนำเข้ายาโดยผ่านองค์การเภสัชกรรม ซึ่งเป็นหน่วยงานที่ได้รับการยกเว้นการขึ้นทะเบียนตำรับยาเป็นผู้นำเข้าแทน รวมจำนวนยา 32 รายการ ทำให้สามารถนำเข้ายาจำเป็นได้อย่างรวดเร็วทันต่อเหตุการณ์
นพ.พิพัฒน์ กล่วต่อว่า สำหรับกรณีของน้ำเกลือ สถานที่ผลิตยาที่ได้รับความเสียหายจากน้ำท่วม คือ บริษัท เยเนอรอล ฮอสปิตัล โปรดัคส์ จำกัด (มหาชน) ทำให้ปริมาณน้ำเกลือทางการแพทย์ในระบบลดลง เพื่อบรรเทาปัญหาดังกล่าว จึงได้มีการนำเข้าน้ำเกลือทดแทนในช่วง 2 เดือนนี้รวมจำนวน 1,897,600 ขวด โดยกำหนดสินค้าถึงประเทศไทยในวันที่ 21, 27 พ.ย. และ 22 ธ.ค. 2554 และในขณะเดียวกัน ระหว่างรอการนำเข้า ทางบริษัทผู้ผลิตน้ำเกลือรายอื่นอีก 3 ราย คือ บริษัท ไทยโอซูก้า จำกัด, บริษัท เอเอ็นบี ลาบอราตอรี่ (อำนวยเภสัช) จำกัด และบริษัท ไทยนครพัฒนา จำกัด ก็ได้ร่วมกันเพิ่มกำลังการผลิต เพื่อชดเชยความต้องการในระบบ และได้ส่งมอบน้ำเกลือให้แก่องค์การเภสัชกรรมเพื่อเป็นผู้กระจายไปยังโรงพยาบาลต่างๆ แล้วประมาณ 300,000 ขวด นอกจากนี้ยังมีแผนการแก้ไขปัญหาในระยะถัดมาตั้งแต่เดือน ม.ค.-พ.ค. 2555 โดย อย.ได้ร่วมประชุมกับบริษัทผู้ผลิตน้ำเกลือทั้ง 3 ราย พิจารณาแผนการผลิตเพื่อชดเชยปริมาณการผลิตของบริษัท เยเนอรอล ฮอสปิตัล โปรดัคส์ จำกัด (มหาชน) ที่หายไป รวมถึงวางแผนในการนำเข้าเพื่อให้เพียงพอกับการใช้ภายในประเทศ รวมทั้งได้มีการประสานช่องทางการนำเข้ากับทางองค์การเภสัชกรรม (อภ.) เพื่อสำรองยาไว้เผื่อกรณีขาดแคลนเพิ่มเติมอีกด้วย
เลขาธิการฯ กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตาม ขณะนี้สถานการณ์น้ำท่วมเริ่มคลี่คลาย มวลน้ำไม่แผ่ขยายเพิ่มมากขึ้น หลายสถานที่รวมทั้งในนิคมอุตสาหกรรมต่างๆ น้ำลดลง รวมถึงสภาพการขนส่งสินค้าที่คล่องตัวมากขึ้น โดยเฉพาะเส้นทางไปแถบภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคใต้ ทำให้สถานการณ์โดยรวมดีขึ้น บริษัทยาที่หยุดผลิตชั่วคราวในช่วงน้ำท่วมก็ได้กลับมาผลิตอีกครั้ง ดังนั้น อย.เชื่อมั่นว่าประชาชนจะมียาใช้อย่างเพียงพอ อย่างไรก็ตาม หากทางโรงพยาบาลใดมีข้อขัดข้องเรื่องการจัดซื้อจัดหายาและเวชภัณฑ์ ขอให้ประสานมาได้ที่องค์การเภสัชกรรม โดยให้ส่งรายการยาที่ขาดแคลนทางสายด่วน 1648 หรือส่ง SMS ที่ 08-7050-7171 เพื่อเป็นช่องทางในการจัดหายาให้ สำหรับโรงพยาบาลในสังกัดกระทรวงสาธารณสุข หากมีปัญหาขาดแคลนยา ขอให้แก้ไขปัญหาเบื้องต้น โดยขอความช่วยเหลือจากโรงพยาบาลอื่นในพื้นที่เดียวกันก่อน และแจ้งปัญหาการขาดแคลนเข้ามายังองค์การเภสัชกรรมด้วย เพื่อเร่งแก้ปัญหาในขั้นตอนต่อไป
