สบส.เดินหน้าเร่งฟื้นสถานบริการสังกัด สธ. 9 จังหวัด พร้อมวางแผนป้องกัน 8 รพ.ในนครปฐม ลั่นหากน้ำลดต้องเดินหน้าสร้างรั้วป้องกันน้ำท่วมแบบใหม่ พร้อมปรับปรุงอาคารผู้ป่วยให้รองรับ ฮ.ลงจอดช่วยผู้ป่วยช่วงวิกฤต
วันนี้ (9 พ.ย.) นพ.สมชัย ภิญโญพรพาณิชย์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) กล่าวถึงสถานบริการสาธารณสุข (สธ.)ที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมว่า ขณะนี้ทาง สบส.ยังคงต้องดำเนินการฟื้นฟูสถานบริการสุขภาพและหน่วยงานกระทรวงสาธารณสุขที่น้ำเริ่มลดในพื้นที่ จ.สุโขทัย พิจิตร นครสวรรค์ ชัยนาท ลพบุรี สิงห์บุรี อ่างทอง สระบุรี พระนครศรีอยุธยา และต้องมีการเตรียมความพร้อมในการป้องกันน้ำท่วมโรงพยาบาล (รพ.) ในพื้นที่ จ.นครปฐม 8 แห่ง ได้แก่ รพ.นครปฐม รพ.กำแพงแสน รพ.สามพราน รพ.ดอนตูม รพ.นครชัยศรี รพ.หลวงพ่อเปิ่น และรพ.ห้วยพลู โดยทุกแห่งมีการป้องกันในส่วนของอาคารและอุปกรณ์เครื่องมือแพทย์ พร้อมทั้งเริ่มเคลื่อนย้ายอุปกรณ์ที่สำคัญขึ้นสู่ที่สูงด้วย
นพ.สมชัยกล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตาม ในพื้นที่ซึ่งน้ำเริ่มลดลงแล้วนั้นทางกองวิศวกรรมของ สบส.กำลังอยู่ในช่วงของการสำรวจพื้นที่และประเมินความเสียหาย ซึ่งยังไม่สามารถระบุเป็นตัวเลขได้ชัดเจน ทั้งนี้หากสถานการณ์เริ่มดีขึ้น สบส.จำเป็นต้องมีการปรับปรุงรั้วสถานบริการสาธารณสุข แบบใหม่ให้เป็นลักษณะกำแพงทึบในส่วนล่าง คล้ายกำแพงเขื่อนแต่ด้านบนยังคงลักษณะโปร่งอยู่ พร้อมทั้งเตรียมฐานและห้องเก็บเครื่องมือแพทย์ที่สามารถป้องกันน้ำท่วมได้ด้วย เช่น การสร้างจุดวางเครื่องมือแพทย์ที่สูงขึ้นกว่าเดิมเป็นต้น รวมทั้งจะมีการปรับปรุงรูปแบบอาคารผู้ป่วยให้มีพื้นที่สำหรับลานจอดเฮลิคอปเตอร์เพื่อความสะดวกในการ รับ-ส่งผู้ป่วยในภาวะวิกฤตได้ด้วย ซึ่งเหล่านี้ สบส.และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องเร่งวางแผนดำเนินงานให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน
ทั้งนี้ จากรายงานที่ประชุมวอร์รูมน้ำท่วม สธ.ระบุว่า สถานการณ์ทั่วไปของน้ำท่วม คือ ยังมีพื้นที่ที่ประสบอุทกภัยทั้งหมด 24 จังหวัด ได้แก่ พิจิตร นครสวรรค์ อุทัยธานี ชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา ลพบุรี สระบุรี นครปฐม ปทุมธานี นนทบุรี สมุทรสาคร สมุทรปราการ อุบลราชธานี ศรีสะเกษ ร้อยเอ็ด มหาสารคาม กาฬสินธุ์ ฉะเชิงเทรา นครนายก ปราจีนบุรีและ กทม. โดยขณะนี้มียอดผู้เสียชีวิตสะสม 527 ราย
ขณะที่ กรมควบคุมโรค มีการรายงานตัวเลขยอดผู้ป่วยตามศูนย์พักพิงต่างๆ 16 จังหวัด พบผู้ป่วยโรคอุจจาระร่วง หรืออาหารเป็นพิษ 14 ราย ไข้หวัดและอาการเข้าข่ายไข้หวัดใหญ่ 49 ราย โรคอีสุกอีใส 1 ราย มีสถานการณ์การระบาดของผู้ป่วยที่สงสัยว่าเป็นโรคเลปโตสโรซีส ในพื้นที่ อ.ภาชี อำเภอข้างเคียง จ.พระนครศรีอยุธยา จำนวน 7 ราย
