xs
xsm
sm
md
lg

“รักที่จะเป็น รักที่จะทำ” หลักชัยนักบริหารคิดบวก ฉบับ “รศ.วุฒิชัย กปิลกาญจน์” / คอลัมน์ ส่องคนคุณภาพ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

“รักที่จะเป็น รักที่จะทำ”
หลักชัยนักบริหารคิดบวก
ฉบับ “รศ.วุฒิชัย กปิลกาญจน์”

โดย...วรุณรัตน์ คัทมาตย์

“..ผมชอบทำงาน” เป็นคำกล่าวของ “รศ.วุฒิชัย กปิลกาญจน์” อธิการบดีมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ หัวเรือใหญ่แห่งรั้วนนทรี ที่บางคนอาจข้องใจว่า ทำไมคนๆหนึ่งจึงอยากทำงานมากกว่าจะหาเวลาว่างไปพักผ่อน เดินทางท่องเที่ยวกับครอบครัว เพราะด้วยตำแหน่งหน้าที่แล้ว น่าจะหาเวลาว่างได้ง่ายกว่าบุคลากรระดับปฏิบัติงาน แต่ผู้บริหารท่านนี้กลับมีทัศนะในการทำงานที่ต่างออกไป

วันนี้ “ส่องฅนคุณภาพ” จะพาไปทำความรู้จักและพูดคุยสบายๆกับ “รศ.วุฒิชัย” ซึ่งได้ก้าวสู่ตำแหน่งอธิการบดีในวาระที่ 2 ในปี 2554 มาดูกันว่าอธิการฯท่านนี้มีมุมมองอย่างไรในการทำหน้าที่ผู้บริหารอย่างไรบ้าง

รศ.วุฒิชัย กล่าวว่า แม้ว่าจะไม่เคยเรียนด้านบริหารเพราะเรียนจบด้านวิศวกรรมศาสตร์มาแต่มองว่าการเป็นผู้บริหารนั้น การทำงานต้องจริงจังและต้องรวดเร็ว เพราะอะไรๆในโลกต่างก็เปลี่ยนแปลงเร็ว แต่เร็วในที่นี้ ต้องไม่เร่งรีบจนลุกลี้ลุกลน จนขาดคำว่ารอบคอบถี่ถ้วน

“จะทำงานเร็วแค่ไหนก็ต้องรอบคอบด้วย ผมมีหลักบริหารง่ายๆ คือ ต้องซื่อสัตย์สุจริตก่อนเป็นข้อแรก เพราะในสมัยนี้อะไรๆ มันตรวจสอบได้ไม่ยาก จะมาคิดว่าหลบเลี่ยงได้มันไม่ใช่ ที่สำคัญมันเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำ ข้อสอง เวลาทำงานใดๆ ต้องมองในแง่บวกก่อน ถ้ามองแง่ลบก็อาจจะเกิดผลที่ไม่ค่อยดี และหลักการสุดท้าย คือ ทำเรื่องยากให้เป็นเรื่องง่าย โดยเฉพาะการพูดมันเป็นหน้าที่ของเราที่ต้องทำให้ภารกิจต่างๆ ดูว่าทำได้ง่าย บางคนพูดเรื่องง่ายให้ยากก็แย่ เพราะเรื่องยากๆ มันมีเยอะแยะไปหมด ระเบียบขั้นตอนที่ยุ่งยากทั้งหลาย เรามองให้มันง่ายๆ ก่อน”
 รศ.วุฒิชัย กปิลกาญจน์
อธิการฯ มก.บอกอีกว่า ในมุมมองของตนนั้น คำว่า “ระเบียบ” สามารถแก้ไขได้ กติกาทั้งหลายแก้ได้ภายในกรอบที่เหมาะสม เพราะสิ่งที่สำคัญยิ่งกว่าระเบียบ คือ คน ในการบริหารผู้ใต้บังคับบัญชาจึงต้องเอาใจเขามาใส่ใจเรา พูดคุยกันแบบชาวบ้าน ไม่ต้องใช้ทฤษฎีมาก ไม่ต้องอ้างกฎระเบียบมาก เน้นใช้ใจซื้อใจ พูดคุยกันอย่างสบายใจ แล้วงานต่างๆ ทุกคนก็จะมีใจช่วยกันทำงานนั้นให้สำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี

“ผมไม่เคยสั่ง ไม่ค่อยอยากจะสั่ง อยากให้พนักงานหรือบุคลากรทุกคนได้เรียนรู้และตกผลึกเอง ยกตัวอย่างเช่น ถ้ามีประชุมอาจารย์ 50 ท่าน อยากให้ทุกคนรับในประเด็นนั้นๆ และเห็นพ้องกันโดยไม่ต้องสั่ง ซึ่งจริงๆ แล้วผมสั่งก็ได้ แต่อยากให้เห็นพ้องกันโดยสมัครใจดีกว่า แต่เราต้องมีวิธีพูดและให้โอกาสคนอื่นพูดด้วย เพียงแต่ถ้าเราตั้งเป้าที่ดี ไม่มี Bias(อคติ) จิตใจตั้งอยู่บนความดี ผลออกมาก็ดีทั้งนั้น”

อธิการฯ มก.ย้ำว่า หากในชีวิตการทำงานของทุกคน สามารถมองทุกอย่างเป็น แง่บวก (Positive) ไม่มีแง่ลบ (Negative) รับรองว่าจะได้รับสิ่งดีๆ กลับมาและอย่าไปตั้งเป้าอะไรๆ ไว้ก่อน เหตุเพราะสิ่งนั้นอาจจะไม่เป็นอย่างที่คาดหวังเสมอไป ที่ผ่านมาในการทำงานจะพยายามพูดเรื่องยากให้ง่าย โชคดีที่ตนเองจบมาจากคณะวิศวกรรมศาสตร์ ทำให้การพูด - การคิดอะไรต่างๆเป็นระบบ ที่ในเชิงวิชาการของวิศวกร สอนให้คนเป็นแบบนั้น วิศวกรเป็นอาชีพที่จะทำลัดขั้นตอนไม่ได้ ต้องทำทุกอย่างให้เป็นระบบ

ส่วนทิศทางการพัฒนา มก.สู่เวทีสากลนั้น รศ.วุฒิชัย มองว่าไม่ใช่เรื่องง่าย และไม่ใช่ทุกคณะที่ทำได้ ในส่วนที่สามารถพัฒนาได้ เช่น คณะเกษตร มองว่าไม่มีปัญหา เพราะมก. เป็นที่หนึ่งในประเทศอยู่แล้ว แต่ในระดับเอเชียอาจต้องต้องต่อสู้อย่างหนัก นอกจากนี้ มก.ยังมีคณะอื่นๆที่โดดเด่นไม่แพ้คณะเกษตร เช่น คณะอุตสาหกรรมเกษตร / Food science / คณะสัตวแพทย์ ซึ่งคิดว่าสามารถติด 1 ใน 5 ของเอเชียแน่นอน ภายใน 2-3 ปีนี้ ส่วนคณะวิศวกรรมศาสตร์อาจจะพัฒนาได้บางสาขา เช่น สาขาด้านซอฟต์แวร์ ซึ่งสาขานี้ มก.เองไม่เป็นที่ 2 รองใครในประเทศไทย แต่มองว่าในระดับเอเชียก็ไม่ง่ายนัก

“ในอนาคตอยากจะพัฒนา ม.เกษตรศาสตร์ ให้ก้าวสู่ระดับสากล ถามว่าเราจะเป็นมหาวิทยาลัยวิจัยระดับโลกได้ไหม พูดว่าได้ แต่ไม่อยากจะมองให้เกินเลย เพราะกว่าจะเป็นอย่างนั้นได้มันต้องใช้เวลานาน การมีจุดมุ่งหมายก็สำคัญแต่ไม่ควรตั้งให้มันเกินเลย เพราะฉะนั้นเราก็คาดการณ์เพียงว่าเราจะเป็นมหาวิทยาลัย 1 ใน 5 ของเอเชีย” รศ.วุฒิชัย ทิ้งท้าย

ประวัติการศึกษา-ทำงาน

จบการศึกษาวิศวกรรมศาสตรบัณฑิต ( เครื่องกล ) จากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และ Master of Science (Mechanical Eng. ) Fairleigh Dickinson University, ประเทศสหรัฐอเมริกา และเคยดำรงตำแหน่งเป็นคณบดีคณะวิศวกรรมศาสตร์ 3 วาระติดต่อกัน
ปัจจุบัน รศ.วุฒิชัย กปิลกาญจน์ ได้ดำรงตำแหน่ง อธิการบดีมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ตั้งแต่วันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2550 และครบวาระในวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2554 และที่ประชุมสภามหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ได้มีมติเห็นชอบให้ดำรงตำแหน่งอธิการบดีต่อไปอีกวาระหนึ่ง เป็นสมัยที่ 2

ผลงานที่โดดเด่นในรอบ 4 ปีที่ผ่านมา อาทิ การผลักดัน มก.เป็นมหาวิทยาลัยแห่งชาติ การจัดตั้งสถาบันวิทยาการขั้นสูงแห่ง มก.การจัดตั้งศูนย์ความเป็นเลิศที่เป็นพืชเศรษฐกิจหลักของประเทศ อาทิ ข้าว ยางพารา ปาล์มน้ำมัน อาหาร เป็นต้น ฯลฯ
กำลังโหลดความคิดเห็น