“วิทยา” กำชับ สธ. เร่งควบคุมปัญหาลักลอบนำยาสูตรผสมซูโดอีเฟดรีนไปเป็นสารตั้งต้นผลิตยาเสพติด เผยรอบเกือบ 3 ปี จับลักลอบนำเข้าได้ 44 ล้านกว่าเม็ด และเตรียมเผายาร้ายทุกชนิดล็อตที่สองของปีนี้ วันที่ 17 ก.ย.นี้
นายวิทยา บุรณศิริ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ให้สัมภาษณ์ว่า ภายหลังที่นายกรัฐมนตรี ประกาศยาเสพติดเป็นวาระแห่งชาติ ได้กำชับให้กระทรวงสาธารณสุข เข้มงวดการควบคุมสารตั้งต้นคือซูโดอีเฟดรีน (Pseudoephedrin) ซึ่งสารนี้จะเป็นส่วนผสมของยาแก้หวัด ใช้เพื่อบรรเทาอาการคัดจมูก แต่มีการลักลอบนำไปใช้เป็นสารตั้งต้นในการผลิตยาบ้า ในแหล่งผลิตยาเสพติดในประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อเป็นการตัดวงจรการผลิต ตั้งแต่ปี 2551 - สิงหาคม 2554 หน่วยปราบปรามยาเสพติดได้จับกุมยาเม็ดยาแก้หวัดสูตรผสมซูโดอีเฟดรีนได้ 44.49 ล้านเม็ด โดยเป็นยานำเข้าจากเกาหลี 34.5 ล้านเม็ด มาเลเซีย 1.9 ล้านเม็ด สิงคโปร์ 0.29 ล้านเม็ด และยาผลิตในประเทศไทย 7.8 ล้านเม็ด
สำหรับยาที่ผลิตในประเทศไทยที่จับกุมได้ในช่วงปีแรก เส้นทางส่วนใหญ่รั่วไหลมาจากร้านขายยา โดยมีการกว้านซื้อจากร้านขายยาหลายๆแห่ง รวบรวมส่งไปยังแหล่งผลิตยาเสพติดตามแนวชายแดน แต่ในระยะหลังๆ เริ่มพบการรั่วไหลจากแหล่งใหญ่ เช่น บริษัทยา คลินิกเวชกรรม โรงพยาบาลชุมชน และร้านขายยา โดยในวันเสาร์ที่ 17 กันยายน 2554 นี้ กระทรวงสาธารณสุขจะมีการเผาทำลายยาเสพติดล็อตที่ 2 ของปีนี้ ที่ศูนย์บริหารสาธารณูปโภค นิคมอุตสาหกรรมบางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา โดยมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน
“ขณะนี้กระทรวงฯ ได้มีมาตรการควบคุมยาสูตรผสมซูโดอีเฟดรีน เพื่อป้องกันไม่ให้นำไปใช้เป็นสารตั้งต้นที่ใช้ในการผลิตยาเสพติดอย่างเข้มข้นขึ้น โดยการลดโควตาวัตถุดิบซูโดอีเฟดรีนในบริษัทผู้ผลิตยาในประเทศ และเตรียมออกประกาศเพิ่มระดับการควบคุมยาสูตรผสมซูโดอีเฟดรีนทุกสูตร ทุกรูปแบบผลิตภัณฑ์ให้เข้มข้นขึ้น ให้เป็นยาควบคุมพิเศษที่จำกัดการจำหน่าย โดยให้จำหน่ายได้เฉพาะในโรงพยาบาลที่มีเตียงรับผู้ป่วยไว้ค้างคืนเท่านั้น ไม่มีจำหน่ายในร้านขายยา โดยจะลงนามและประกาศลงในราชกิจจานุเบกษาต่อไป คาดว่าจะมีผลบังคับใช้ปลายปีนี้” นายวิทยากล่าว
นพ.พิพัฒน์ ยิ่งเสรี เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา กล่าวว่า ยาแก้ไข้หวัดที่จะอนุญาตให้ใช้และขายในร้านขายยาได้ คือ ตำรับที่มีพาราเซตามอลเป็นส่วนผสมเท่านั้น ที่ผ่านมากระทรวงสาธารณสุขได้มีการป้องกันการลักลอบนำยาสูตรผสมซูโดอีเฟดรีนไปใช้ผลิตยาเสพติดมาโดยตลอด โดยตรวจสอบการใช้วัตถุดิบ และการกระจายของยาทั้งสูตรเดี่ยวและสูตรผสมซูโดอีเฟดรีนอย่างเข้มงวด ระงับการขายวัตถุดิบให้ผู้ผลิตที่ฝ่าฝืนกฎหมาย มีมาตรการตัดโควตาวัตถุดิบกรณีพบของกลาง ขอความร่วมมือร้านขายยาให้ขายให้ประชาชนครั้งละไม่เกิน 60 เม็ด และออกประกาศสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา ควบคุมการจำหน่ายยาสูตรผสมซูโดอีเฟดรีน ให้ขายได้เฉพาะโรงพยาบาลรัฐและเอกชนที่รับผู้ป่วยไว้ค้างคืน เดือนละไม่เกิน 5,000 เม็ด ห้ามจำหน่ายในคลินิกและร้านขายยา แต่ก็ยังพบการลักลอบทำผิดอย่างต่อเนื่อง จึงจำเป็นต้องออกมาตรการควบคุมเข้มงวดมากขึ้น
นายวิทยา บุรณศิริ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ให้สัมภาษณ์ว่า ภายหลังที่นายกรัฐมนตรี ประกาศยาเสพติดเป็นวาระแห่งชาติ ได้กำชับให้กระทรวงสาธารณสุข เข้มงวดการควบคุมสารตั้งต้นคือซูโดอีเฟดรีน (Pseudoephedrin) ซึ่งสารนี้จะเป็นส่วนผสมของยาแก้หวัด ใช้เพื่อบรรเทาอาการคัดจมูก แต่มีการลักลอบนำไปใช้เป็นสารตั้งต้นในการผลิตยาบ้า ในแหล่งผลิตยาเสพติดในประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อเป็นการตัดวงจรการผลิต ตั้งแต่ปี 2551 - สิงหาคม 2554 หน่วยปราบปรามยาเสพติดได้จับกุมยาเม็ดยาแก้หวัดสูตรผสมซูโดอีเฟดรีนได้ 44.49 ล้านเม็ด โดยเป็นยานำเข้าจากเกาหลี 34.5 ล้านเม็ด มาเลเซีย 1.9 ล้านเม็ด สิงคโปร์ 0.29 ล้านเม็ด และยาผลิตในประเทศไทย 7.8 ล้านเม็ด
สำหรับยาที่ผลิตในประเทศไทยที่จับกุมได้ในช่วงปีแรก เส้นทางส่วนใหญ่รั่วไหลมาจากร้านขายยา โดยมีการกว้านซื้อจากร้านขายยาหลายๆแห่ง รวบรวมส่งไปยังแหล่งผลิตยาเสพติดตามแนวชายแดน แต่ในระยะหลังๆ เริ่มพบการรั่วไหลจากแหล่งใหญ่ เช่น บริษัทยา คลินิกเวชกรรม โรงพยาบาลชุมชน และร้านขายยา โดยในวันเสาร์ที่ 17 กันยายน 2554 นี้ กระทรวงสาธารณสุขจะมีการเผาทำลายยาเสพติดล็อตที่ 2 ของปีนี้ ที่ศูนย์บริหารสาธารณูปโภค นิคมอุตสาหกรรมบางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา โดยมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน
“ขณะนี้กระทรวงฯ ได้มีมาตรการควบคุมยาสูตรผสมซูโดอีเฟดรีน เพื่อป้องกันไม่ให้นำไปใช้เป็นสารตั้งต้นที่ใช้ในการผลิตยาเสพติดอย่างเข้มข้นขึ้น โดยการลดโควตาวัตถุดิบซูโดอีเฟดรีนในบริษัทผู้ผลิตยาในประเทศ และเตรียมออกประกาศเพิ่มระดับการควบคุมยาสูตรผสมซูโดอีเฟดรีนทุกสูตร ทุกรูปแบบผลิตภัณฑ์ให้เข้มข้นขึ้น ให้เป็นยาควบคุมพิเศษที่จำกัดการจำหน่าย โดยให้จำหน่ายได้เฉพาะในโรงพยาบาลที่มีเตียงรับผู้ป่วยไว้ค้างคืนเท่านั้น ไม่มีจำหน่ายในร้านขายยา โดยจะลงนามและประกาศลงในราชกิจจานุเบกษาต่อไป คาดว่าจะมีผลบังคับใช้ปลายปีนี้” นายวิทยากล่าว
นพ.พิพัฒน์ ยิ่งเสรี เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา กล่าวว่า ยาแก้ไข้หวัดที่จะอนุญาตให้ใช้และขายในร้านขายยาได้ คือ ตำรับที่มีพาราเซตามอลเป็นส่วนผสมเท่านั้น ที่ผ่านมากระทรวงสาธารณสุขได้มีการป้องกันการลักลอบนำยาสูตรผสมซูโดอีเฟดรีนไปใช้ผลิตยาเสพติดมาโดยตลอด โดยตรวจสอบการใช้วัตถุดิบ และการกระจายของยาทั้งสูตรเดี่ยวและสูตรผสมซูโดอีเฟดรีนอย่างเข้มงวด ระงับการขายวัตถุดิบให้ผู้ผลิตที่ฝ่าฝืนกฎหมาย มีมาตรการตัดโควตาวัตถุดิบกรณีพบของกลาง ขอความร่วมมือร้านขายยาให้ขายให้ประชาชนครั้งละไม่เกิน 60 เม็ด และออกประกาศสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา ควบคุมการจำหน่ายยาสูตรผสมซูโดอีเฟดรีน ให้ขายได้เฉพาะโรงพยาบาลรัฐและเอกชนที่รับผู้ป่วยไว้ค้างคืน เดือนละไม่เกิน 5,000 เม็ด ห้ามจำหน่ายในคลินิกและร้านขายยา แต่ก็ยังพบการลักลอบทำผิดอย่างต่อเนื่อง จึงจำเป็นต้องออกมาตรการควบคุมเข้มงวดมากขึ้น