มสด.เผยผลประชาพิจารณ์ ชี้ ครูปฐมวัยมีปัญหาด้านการปฏิบัติงาน การปฏิบัติตน และปัญหาด้านจรรยาบรรณ โดยเฉพาะใน กทม.ยังมีปัญหาการจัดการศึกษาปฐมวัยอยู่มาก แนะ มาตรฐานวิชาชีพครูปฐมวัยควรปรับตามสิ่งแวดล้อม การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นเร็ว
รศ.ดร.สุขุม เฉลยทรัพย์ ประธานดำเนินงานสวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต (มสด.) เปิดเผยว่า จากการประชาพิจารณ์เรื่อง “การศึกษามาตรฐานวิชาชีพครูการศึกษาปฐมวัย” ซึ่ง มสด.ร่วมกับสำนักงานเลขาธิการคุรุสภา เมื่อเร็วๆ นี้ ผู้เข้าร่วมประชาพิจารณ์ที่ประกอบด้วยผู้บริหารสถานศึกษาที่เปิดสอนระดับปฐมวัยทั้งภาครัฐและเอกชน ครูปฐมวัย ผู้ปกครอง ประชาชน และผู้ที่เกี่ยวข้อง ได้ร่วมแสดงความคิดเห็นถึงปํญหาที่แท้จริง ซึ่งสามารถสรุปในเบื้องต้นได้ 3 ด้าน คือ 1.ปัญหาด้านการปฎิบัติงานของครูการศึกษาปฐมวัย ที่ขาดคุณธรรมจริยธรรม ขาดความตั้งใจในการทำงาน ไม่มีใจรักในวิชีพ เพราะไม่ได้จบหลักสูตรด้านปฐมวัยโดยตรง รวมถึงภาระงานของครูที่มีมากเกินไปทำให้ไม่มีเวลาเตรียมการสอน และงบฯในการพัฒนาสื่อไม่เพียงพอ ทำให้ขาดอุปกรณ์การสอนที่มีคุณภาพ และขาดการอบรมพัฒนาครูให้เข้าใจในวิทยาการใหม่ ส่งผลให้ครูขาดทักษะในการพัฒนาอาชีพและพัฒนาตนเอง
2.ปัญหาการปฏิบัติตนของครูที่ไม่เหมาะสม ไม่เป็นแบบอย่างแก่เด็ก ไม่มีความรักและความอดทนในวิชาชีพทำให้บกพร่องในการดูแลและเอาใจใส่เด็ก ไม่กะตือรือร้นในการปรับปรุงตนเอง ทำให้ขาดความรู้ความเข้าใจและประสบการณ์, ครูไม่ให้ความสำคัญและไม่เข้าใจในธรรมชาติของเด็ก และขาดมนุษยสัมพันธ์อันดีกับผู้ปกครองและชุมชน และ 3.ปัญหาด้านจรรยาบรรณต่อวิชาชีพ ที่ไม่ยึดมั่นจรรยาบรรณในวิชาชีพครู คิดถึงแต่ประโยชน์ส่วนตัว เพราะผู้ที่เรียนครูไม่ได้เลือกเรียนโดยตั้งใจ แต่เลือกเพราะไม่รู้ว่าจะเรียนอะไร
“เท่าที่ฟังปัญหา ทำให้รู้ว่าแม้แต่ในกรุงเทพฯก็ยังมีปัญหาเรื่องมาตรฐานการจัดการศึกษาปฐมวัยอยู่มาก โดยเฉพาะในส่วนที่เกี่ยวกับเด็กเร่ร่อน และเด็กจรจัด ที่ไม่มีครอบครัวดูแล ตกเป็นภาระของโรงเรียน ส่งผลให้เกิดปัญหาอาชญากรรม ยาเสพติด และกลายเป็นปัญหาสังคมในที่สุด ดังนั้นมาตรฐานวิชาชีพครูปฐมวัยจำเป็นต้องปรับตามสภาพแวดล้อม และการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยมีข้อเสนอแนะว่า ครูปฐมวัยต้องสอนให้เด็กคิดเป็น ใฝ่รู้ ใฝ่เรียน รู้จักแก้ปัญหา และนำความรู้ที่ได้รับไปประยุกต์ใช้ได้จริง รวมถึงต้องมีความสามารถในการสื่อสารกับผู้ปกครองให้เข้าใจ” รศ.ดร.สุขุม กล่าวและว่า ตนจะนำผลประชาพิจารณ์เสนอต่อคุรุสภาเพื่อนำไปพิจารณาและกำหนดเป็นมาตรฐานวิชาชีพครูปฐมวัยที่ชัดเจนและนำไปสู่การนำร่องและการปฏิบัติในปีการศึกษาต่อไป
รศ.ดร.สุขุม เฉลยทรัพย์ ประธานดำเนินงานสวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต (มสด.) เปิดเผยว่า จากการประชาพิจารณ์เรื่อง “การศึกษามาตรฐานวิชาชีพครูการศึกษาปฐมวัย” ซึ่ง มสด.ร่วมกับสำนักงานเลขาธิการคุรุสภา เมื่อเร็วๆ นี้ ผู้เข้าร่วมประชาพิจารณ์ที่ประกอบด้วยผู้บริหารสถานศึกษาที่เปิดสอนระดับปฐมวัยทั้งภาครัฐและเอกชน ครูปฐมวัย ผู้ปกครอง ประชาชน และผู้ที่เกี่ยวข้อง ได้ร่วมแสดงความคิดเห็นถึงปํญหาที่แท้จริง ซึ่งสามารถสรุปในเบื้องต้นได้ 3 ด้าน คือ 1.ปัญหาด้านการปฎิบัติงานของครูการศึกษาปฐมวัย ที่ขาดคุณธรรมจริยธรรม ขาดความตั้งใจในการทำงาน ไม่มีใจรักในวิชีพ เพราะไม่ได้จบหลักสูตรด้านปฐมวัยโดยตรง รวมถึงภาระงานของครูที่มีมากเกินไปทำให้ไม่มีเวลาเตรียมการสอน และงบฯในการพัฒนาสื่อไม่เพียงพอ ทำให้ขาดอุปกรณ์การสอนที่มีคุณภาพ และขาดการอบรมพัฒนาครูให้เข้าใจในวิทยาการใหม่ ส่งผลให้ครูขาดทักษะในการพัฒนาอาชีพและพัฒนาตนเอง
2.ปัญหาการปฏิบัติตนของครูที่ไม่เหมาะสม ไม่เป็นแบบอย่างแก่เด็ก ไม่มีความรักและความอดทนในวิชาชีพทำให้บกพร่องในการดูแลและเอาใจใส่เด็ก ไม่กะตือรือร้นในการปรับปรุงตนเอง ทำให้ขาดความรู้ความเข้าใจและประสบการณ์, ครูไม่ให้ความสำคัญและไม่เข้าใจในธรรมชาติของเด็ก และขาดมนุษยสัมพันธ์อันดีกับผู้ปกครองและชุมชน และ 3.ปัญหาด้านจรรยาบรรณต่อวิชาชีพ ที่ไม่ยึดมั่นจรรยาบรรณในวิชาชีพครู คิดถึงแต่ประโยชน์ส่วนตัว เพราะผู้ที่เรียนครูไม่ได้เลือกเรียนโดยตั้งใจ แต่เลือกเพราะไม่รู้ว่าจะเรียนอะไร
“เท่าที่ฟังปัญหา ทำให้รู้ว่าแม้แต่ในกรุงเทพฯก็ยังมีปัญหาเรื่องมาตรฐานการจัดการศึกษาปฐมวัยอยู่มาก โดยเฉพาะในส่วนที่เกี่ยวกับเด็กเร่ร่อน และเด็กจรจัด ที่ไม่มีครอบครัวดูแล ตกเป็นภาระของโรงเรียน ส่งผลให้เกิดปัญหาอาชญากรรม ยาเสพติด และกลายเป็นปัญหาสังคมในที่สุด ดังนั้นมาตรฐานวิชาชีพครูปฐมวัยจำเป็นต้องปรับตามสภาพแวดล้อม และการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยมีข้อเสนอแนะว่า ครูปฐมวัยต้องสอนให้เด็กคิดเป็น ใฝ่รู้ ใฝ่เรียน รู้จักแก้ปัญหา และนำความรู้ที่ได้รับไปประยุกต์ใช้ได้จริง รวมถึงต้องมีความสามารถในการสื่อสารกับผู้ปกครองให้เข้าใจ” รศ.ดร.สุขุม กล่าวและว่า ตนจะนำผลประชาพิจารณ์เสนอต่อคุรุสภาเพื่อนำไปพิจารณาและกำหนดเป็นมาตรฐานวิชาชีพครูปฐมวัยที่ชัดเจนและนำไปสู่การนำร่องและการปฏิบัติในปีการศึกษาต่อไป