xs
xsm
sm
md
lg

อึ้ง!! คนไทยใช้ยา กว่า 1.3 แสนล้าน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ภาพประกอบข่าวจากอินเทอร์เน็ต
อึ้ง!! คนไทยใช้ยา  มูลค่าสูงกว่า 1.3 แสนล้านบาท    เผย 5 อันดับกลุ่มยาที่ใช้มากสุดเป็นยาต้านเชื้อ  ส่วนยาที่ยารักษามะเร็งครองอันดับนำเข้าสูงสุด  
 
วันนี้ (19 ส.ค.)  นพ.สุวิทย์ วิบุลผลประเสริฐ ประธานคณะกรรมการกำกับทิศทางการวิจัยและพัฒนาระบบยา สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข (สวรส.) กล่าวในการแถลงข่าว “ผลวิจัยและการพัฒนาระบบการจัดทำบัญชีรายจ่ายยาแห่งชาติ”   ที่จัดขึ้น ณ รร.ริชมอนด์ จ.นนทบุรี  ว่า  ประเทศไทยกำลังเป็นปัญหาเกี่ยวกับระบบค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพ โดยเฉพาะค่ายา ซึ่งพบว่ามีแนวโน้มสูงขึ้นเรื่อยๆ จากในอดีต เมื่อราว  20  ปีที่ผ่านมาพบเพียงร้อยละ 3-4 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมประชาชาติหรือ ค่าจีดีพี(GDP)  แต่ปัจจุบันเพิ่มเป็น ร้อยละ 6.5 ขณะที่สหรัฐอเมริกา อยู่ที่ร้อยละ 11

นพ.สุวิทย์กล่าวด้วยว่า  ล่าสุด สวรส.ได้ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ได้ร่วมกันวิจัยและพัฒนาระบบการจัดทำบัญชียา จากการสำรวจการขึ้นทะเบียนยาของผู้ประกอบการต่างๆ   โดยเริ่มดำเนินการตั้งแต่เดือน มี.ค. 2552- มิ ย. 2554 พบมูลค่าการบริโภคยาในประเทศสูงถึง 134,482,077,585 บาท หรือคิดเป็นร้อยละ  35 ของค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพ  ขณะที่ประเทศพัฒนาแล้วจะไม่เกินร้อยละ 20  โดยมียา 5  กลุ่มที่มีมูลค่าการใช้สูงสุด ในการใช้ในประเทศไทย คือ 1.ยาต้านการติดเชื้อ ทั้งเชื้อไวรัสเอชไอวี เชื้อแบคทีเรีย เชื้อรา หรือยาปฏิชีวนะ มีมูลค่าประมาณ  26,000 ล้านบาท 2.ยากลุ่มระบบหัวใจหลอดเลือดประมาณ 21,000 ล้านบาท และ3.ยากลุ่มทางเดินอาหารอีกประมาณ 17,000 ล้านบาท  4.ยามะเร็ง โดยยากลุ่มนี้เป็นยาที่นำเข้าจากต่างประเทศทั้งหมด เพราะประเทศไทยไม่สามารถผลิตได้เอง โดยมีมูลค่าราว  15,000 ล้านบาท และ 5 ยารักษากล้ามเนื้อและข้อเข่า มีมูลค่าราว  13,000 ล้านบาท ทั้งหมดสะท้อนให้เห็นถึงการใช้ยาในประเทศสูงมาก เรียกว่าประมาณ 2 ใน 3 เป็นยานำเข้าจากต่างประเทศ  ส่วนการผลิตในประเทศไทยนั้นมีน้อยมาก มีราว 1 ใน 3 ซึ่งหมายถึงบรรจุในประเทศไทย  แต่ยังคงเป็นการนำเข้าวัตถุดิบจากต่างประเทศ
 
                 

ประธานคณะกรรมการกำกับทิศทางการวิจัยและพัฒนาระบบยา กล่าวต่อว่า  สำหรับสาเหตุของมูลค่าการใช้ยาที่สูงขึ้น หลักๆ ได้แก่   1.ผลจากการผูกขาดด้านยาจากการนำเรื่องระบบสิทธิบัตรยาเข้ามาใช้ 2.เรื่องของการเปลี่ยนแปลงของโรค ซึ่งปัจจุบันคนเป็นโรคเรื้อรังกันมากขึ้น ส่งผลให้จำเป็นต้องมีการบริโภคยาโดยตลอด  3.ระบบหลักประกันสุขภาพ โดยเฉพาะสิทธิสวัสดิการรักษาพยาบาลของข้าราชการมีการใช้จ่ายยามากที่สุด 
        
ด้าน ภญ.ยุพิน ลาวัณย์ประเสริฐ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านความปลอดภัยและประสิทธิผลของผลิตภัณฑ์และการผลิตภัณฑ์ด้านสาธารณสุข  และผู้แทนเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา กล่าวว่า อย.และ สวรส.อยู่ระหว่างดำเนินการพัฒนาระบบการจัดการสารสนเทศ เพื่อจัดทำบัญชีรายจ่ายยาแห่งชาติ ซึ่งสามารถให้บริการผ่านทางอินเทอร์เน็ตเพื่อเป็นประโยชน์สำหรับประชาชน และอุตสาหกรรมยาของไทย คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในเดือน ต.ค.นี้  โดยจะเผยแพร่ผ่านเว็บไซต์ อย.
     

อนึ่ง ในวันที่ 29-30 ส.ค.  นี้  สวรส.จะจัดให้มีการประชุมเชิงปฏิบัติการ “สู่วิสัยทัศน์วิจัยระบบยาประเทศไทย ปี 2560” ที่โรงแรมสยามซิตี ซึ่งจะเป็นเวทีรับฟังวิสัยทัศน์จากผู้ทรงคุณวุฒิในวงการยา เพื่อหารือในเรื่องการจัดการระบบยา 

           
กำลังโหลดความคิดเห็น