ผอ.สำนักงานป้องกันและบำบัดการติดยาเสพติด กทม.เผย พร้อมสนองพระราชเสาวนีย์ทำงานในเชิงรุกและการบำบัด ปัจจุบันพบผู้เสพมีอายุน้อยลง ชี้ทางแก้ปัญหาให้เบาบางต้องได้รับความร่วมมือทั้งจากครอบครัวและชุมชน
นางป่านฤดี มโนมัยพิบูลย์ ผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันและบำบัดการติดยาเสพติด สำนักอนามัย กรุงเทพมหานคร (กทม.) กล่าวว่า จากพระราชเสาวนีย์ของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เรื่องยาเสพติด ที่ระบาดหนักในสังคมไทยนั้น ในส่วนของ กทม.พร้อมสนองพระราชเสาวนีย์ ซึ่ง กทม.เป็นเมืองใหญ่ถือเป็นพื้นที่พักและผ่านยา ก็ได้ดำเนินการทั้งในเชิงรุกและการบำบัดผู้เสพติด โดยสถานการณ์ขณะนี้ถือว่ายาเสพติดเริ่มกลับมาระบาดอีกครั้ง พบผู้เสพมีอายุน้อยลงมีมากในช่วงตั้งแต่อายุ 15-24 ปี ยาเสพติดที่พบมากได้แก่ ยาบ้า ยาไอซ์ เป็นต้น ในการทำงานด้านการป้องกันได้ให้ทุกสำนักงานเขตลงให้ความรู้แก่นักเรียนในโรงเรียน อย่างต่อเนื่อง การมีคณะกรรมการในชุมชนเพื่อมีส่วนร่วมในการเป็นสอดส่องดูแล เฝ้าระวังและให้ความรู้แก่พ่อแม่ผู้ปกครอง ให้เห็นโทษของยาเสพติด
นางป่านฤดี กล่าวอีกว่า การบำบัดผู้ที่ติดยาเสพติด ในพื้นที่ กทม.มีผู้ที่เข้ารับการบำบัดจำนวนนับหมื่นคน ซึ่งเป็นผู้ที่อยู่ระหว่างต้องคดีไปจนถึงผู้ที่เพิ่งเริ่มเสพและต้องการบำบัดด้วยความสมัครใจ กทม.มีศูนย์ที่รับบำบัดด้านยาเสพติดอยู่ในทุกศูนย์บริการสาธารณสุขทั้ง 68 แห่ง ศูนย์ซับน้ำตาผู้ติดยาเสพติดที่ วชิรพยาบาล และโรงพยาบาลตากสิน นอกจากนี้ ยังมีสถานฟื้นฟูบ้านพิชิตใจ เขตประเวศ จะดูแลผู้ติดยาแบบผู้ป่วยใน ใช้เวลารักษาบำบัดตั้งแต่ 1 เดือนเป็นต้นไป โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย ผู้ที่ต้องการบำบัดหรือพ่อแม่ที่ต้องการจะนำลูกเข้าบำบัดสามารถติดต่อได้ตามสถานที่ดังกล่าวได้
“ในการแก้ปัญหายาเสพติดให้ได้ผล ไม่ใช่เป็นหน้าที่ภาครัฐในปราบปรามเพียงฝ่ายเดียว จำเป็นต้องได้รับความร่วมมือจากทั้งครอบครัวที่ต้องคอยเอาใจใส่ดูแลลูกอย่างใกล้ชิด หากพบว่า ลูกติดยาไม่ควรดุด่าแต่ควรเพิ่มความรักแก่เขามากขึ้น ไม่เช่นนั้นสถานการณ์จะเลวร้ายกว่าเดิม อาจมีการหวนเสพซ้ำได้ และ ความร่วมมือจากชุมชนที่ช่วยกันเฝ้าระวัง สอดส่องไม่ให้ยาเสพติดเข้ามาในพื้นที่ตัวเองได้”
นางป่านฤดี มโนมัยพิบูลย์ ผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันและบำบัดการติดยาเสพติด สำนักอนามัย กรุงเทพมหานคร (กทม.) กล่าวว่า จากพระราชเสาวนีย์ของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เรื่องยาเสพติด ที่ระบาดหนักในสังคมไทยนั้น ในส่วนของ กทม.พร้อมสนองพระราชเสาวนีย์ ซึ่ง กทม.เป็นเมืองใหญ่ถือเป็นพื้นที่พักและผ่านยา ก็ได้ดำเนินการทั้งในเชิงรุกและการบำบัดผู้เสพติด โดยสถานการณ์ขณะนี้ถือว่ายาเสพติดเริ่มกลับมาระบาดอีกครั้ง พบผู้เสพมีอายุน้อยลงมีมากในช่วงตั้งแต่อายุ 15-24 ปี ยาเสพติดที่พบมากได้แก่ ยาบ้า ยาไอซ์ เป็นต้น ในการทำงานด้านการป้องกันได้ให้ทุกสำนักงานเขตลงให้ความรู้แก่นักเรียนในโรงเรียน อย่างต่อเนื่อง การมีคณะกรรมการในชุมชนเพื่อมีส่วนร่วมในการเป็นสอดส่องดูแล เฝ้าระวังและให้ความรู้แก่พ่อแม่ผู้ปกครอง ให้เห็นโทษของยาเสพติด
นางป่านฤดี กล่าวอีกว่า การบำบัดผู้ที่ติดยาเสพติด ในพื้นที่ กทม.มีผู้ที่เข้ารับการบำบัดจำนวนนับหมื่นคน ซึ่งเป็นผู้ที่อยู่ระหว่างต้องคดีไปจนถึงผู้ที่เพิ่งเริ่มเสพและต้องการบำบัดด้วยความสมัครใจ กทม.มีศูนย์ที่รับบำบัดด้านยาเสพติดอยู่ในทุกศูนย์บริการสาธารณสุขทั้ง 68 แห่ง ศูนย์ซับน้ำตาผู้ติดยาเสพติดที่ วชิรพยาบาล และโรงพยาบาลตากสิน นอกจากนี้ ยังมีสถานฟื้นฟูบ้านพิชิตใจ เขตประเวศ จะดูแลผู้ติดยาแบบผู้ป่วยใน ใช้เวลารักษาบำบัดตั้งแต่ 1 เดือนเป็นต้นไป โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย ผู้ที่ต้องการบำบัดหรือพ่อแม่ที่ต้องการจะนำลูกเข้าบำบัดสามารถติดต่อได้ตามสถานที่ดังกล่าวได้
“ในการแก้ปัญหายาเสพติดให้ได้ผล ไม่ใช่เป็นหน้าที่ภาครัฐในปราบปรามเพียงฝ่ายเดียว จำเป็นต้องได้รับความร่วมมือจากทั้งครอบครัวที่ต้องคอยเอาใจใส่ดูแลลูกอย่างใกล้ชิด หากพบว่า ลูกติดยาไม่ควรดุด่าแต่ควรเพิ่มความรักแก่เขามากขึ้น ไม่เช่นนั้นสถานการณ์จะเลวร้ายกว่าเดิม อาจมีการหวนเสพซ้ำได้ และ ความร่วมมือจากชุมชนที่ช่วยกันเฝ้าระวัง สอดส่องไม่ให้ยาเสพติดเข้ามาในพื้นที่ตัวเองได้”
