ตร.ปคม.บุกจับสองผัวเมีย เปิดร้านเย็บผ้า ย่านดินแดง บังคับแรงงานต่างด้าวทำงานแล้วไม่จ่ายเงินเดือน แถมกักขังไม่ให้ออกไปไหน จนท.บุกช่วยได้เป็นแรงงานชาวพม่าชายหญิงรวม 60 คน เบื้องต้นแรงงานรับถูกกักขัง-บังคับให้ทำงาน ขณะที่ผู้ต้องหารับ แรงงานทั้งหมดเข้าเมืองมาผิด กม.ปฏิเสธไม่ได้บังคับกักขังทำงานและจ่ายเงินเดือนให้ทุกคน
วันนี้(19 เม.ย.) เมื่อเวลา 12.00 น. พ.ต.อ.นพวัฒน์ อารยางกูร ผกก.1 บก.ปคม. นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจบก.ปคม.เข้าตรวจค้นตึกแถวไม่มีชื่อ ภายในซอยทับสุวรรณ แขวงประชาสงเคราะห์ เขตดินแดง กทม.หลังได้รับแจ้งจากชายชาวพม่าที่หลบหนีออกมาแจ้งความว่า ถูกบังคับใช้แรงงานและภายในตึกแถวดังกล่าวยังมีแรงงานต่างด้าวอีกจำนวนมากถูกกักขังอยู่
ที่เกิดเหตุเป็นตึกแถว 2 ชั้น ปลูกติดกันหลายคูหา จากการตรวจสอบตึกแถวเลขที่ 17 ง /27,32,38,140-141 พบว่าเปิดเป็นร้านเย็บผ้าและถูกปิดด้วยลูกกรงเหล็กอย่างมิดชิด ภายในมีแรงงานต่างด้าวทั้งชายและหญิงจำนวน 60 คน เจ้าหน้าที่จึงเข้าไปนำตัวออกมาเพื่อพาไปสอบสวนที่บก.ปคม. นอกจากนี้ยังพบนางสาวนามี แซ่ลี อายุ 26 ปี อยู่บ้านเลขที่ 243 หมู่19 ต.ป่าตึง อ.แม่จัน จ.เชียงราย และนายวู ดาลอง อายุ 50 ปี ชาวจีน สองสามีภรรยา รับเป็นเจ้าของตึกแถวดังกล่าวและเป็นผู้พาแรงงานต่างด้าวเข้ามาทำงาน เจ้าหน้าที่จึงควบคุมตัวไปสอบสวน
พ.ต.อ.นพวัฒน์ เปิดเผยว่า การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องมาจากเมื่อวันที่ 11 เม.ย. ที่ผ่านมา ได้มีชายชาวพม่าเดินทางเข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ปคม.ว่าถูกนายจ้างบังคับใช้แรงงาน ไม่จ่ายเงินเดือน และยังกักขังแรงงานต่างด้าวไว้อีกจำนวนหลายคน เจ้าหน้าที่จึงทำการสอบสวนก่อนจะทำการออกหมายจับนางสาวนามีและนายวู พร้อมนำกำลังเข้ามาตรวจค้นจับกุม ทั้งนี้จากการสอบถามแรงงานต่างด้าวเบื้องต้นทราบว่า ถูกบังคับให้ทำงานและถูกกักขังไม่ให้ออกไปไหน บางครั้งเงินเดือนก็ไม่ได้จ่าย
พ.ต.อ.นพวัฒน์ กล่าวอีกว่า หลังจากนี้ทางบก.ปคม.จะนำตัวแรงงานทั้งหมดไปสอบปากคำอย่างละเอียดก่อนที่จะทำการประสานกับกระทรวงพัฒนาสัคมและความมั่นคงของมนุษย์เพื่อเข้ามาทำการสอบสวนคัดแยกแรงงานต่างด้าวว่ามีรายใดบ้างที่ถูกบังขับ กดขี่ และไม่ได้รับเงินเดือน หรือรายใดสมัครใจมาทำงาน ก่อนจะทำการผลักดันออกนอกประเทศต่อไป เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อหาแก่ผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย จำนวน 3 ข้อหาคือ 1.ค้ามนุษย์ 2.กักขังหน่วงเหนี่ยว และ3.บังคับใช้แรงงาน ก่อนควบคุมตัวดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ด้านนางสาวนามี ให้การอ้างว่า ก่อนหน้านี้ตนเคยทำงานเป็นลูกจ้างเช่นเดียวกันกับแรงงานทั้งหมด ต่อมาเพื่อนได้แนะนำให้กระทำการดังกล่าวโดยร่วมหุ้นกันเปิดร้านเย็บผ้า แต่ระยะหลังตนได้แยกออกมาเปิดร้านเอง โดยเช่าตึกแถวดังกล่าว ตนยอมรับว่าแรงงานทั้งหมดเดินทางเข้ามาโดยผิดกฎหมาย แต่ตนไม่ได้บังคับหรือกักขังแต่อย่างใด ส่วนเงินเดือนก็จ่ายให้ทุกคน สำหรับชายชาวพม่าที่ออกไปแจ้งความเป็นคนที่ตนพาเข้ามาจากชายแดนโดยเสียเงินค่าเดินทางให้จำนวน 1 หมื่นบาท เมื่อมาทำงานตนก็หักเงินเดือนจำนวนหนึ่งเพื่อใช้หนี้ส่วนดังกล่าว ส่วนแรงงานคนอื่นๆหากใครที่ทำงานเย็บผ้าได้รวดเร็วและทำได้ครั้งละมากๆก็จะได้เงินมาก ใครที่ทำน้อยก็ได้เงินน้อย สาเหตุที่ไม่จ้างแรงงานถูกกฎหมายก็เพราะก่อนหน้านี้เคยจ้างแล้วแรงงานดังกล่าวก็ลาออก และหลบหนีออกไปทำงานที่อื่น ทำให้ตนขาดทุน
