เจ้าอาวาสวัดหนองนกไข่ พร้อมลูกศิษย์รวม 18 ราย เข้าร้องกรมการท่องเที่ยว ถูกสองผัวเมียเปิดบริษัททัวร์หลอกพาไปสักการะสังเวชนียสถานที่อินเดีย โดยคิดค่าเดินทางคนละ 3 หมื่นบาท แต่กลับเบี้ยวไม่พาไปตามนัด อ้างลูกไม่สบายแล้วหายเข้ากลีบเมฆ จนท.วางแผนเข้าล่อซื้อและจับกุมทั้งสองได้ที่บ้านพัก สารภาพ เป็นผู้จัดทัวร์ไม่มีใบอนุญาตจริง ก่อนคุมส่งพนักงานสอบสวน สน.คันนายาว ดำเนินคดี
วันนี้ (21 ก.พ.) เมื่อเวลา 15.00 น.ที่ สน.คันนายาว ร.ต.อ.พีรวัฒน์ ปรมพุฒิ รอง สว.งานสืบสวน กก.1 บก.ทท.นำกำลังเข้าจับกุม นายจีราวัฒน์ วงศ์อินตาธาดา อายุ 52 ปี และ นางกุลภัสสรณ์ วงศ์อินตาธาดา อายุ 50 ปี อยู่บ้านเลขที่ 95/11 ซ.เสรีไทย 43 แยก 3 แขวงคลองกุ่ม เขตบึงกุ่ม สองสามีภรรยาเจ้าของบริษัท ดวงใจทัวร์ โดยจับกุมได้ที่บ้านเลขที่ 46/22 อาคารถนอมมิตรพาร์คคอนโดมิเนียม ซอยวัชรพล แขวงท่าแร้ง เขตบางเขน ก่อนนำตัวส่ง ร.ต.ท.หญิง เสาวลักษณ์ สุวรรณมณี พนักงานสอบสวน (สบ1) สน.คันนายาว ดำเนินคดีข้อหาร่วมกันประกอบธุรกิจนำเที่ยวโดยไม่ได้รับอนุญาต และไม่มีใบประกอบอาชีพทัวร์ โดยมีพระครูสาครคุณาภรณ์ เจ้าอาวาสวัดหนองนกไข่ จ.สมุทรสาคร พร้อมผู้เสียหายซึ่งเป็นคณะลูกทัวร์รวม 15 คน มาชี้ตัวยืนยัน
พระครูสาครคุณาภรณ์ ให้การว่า ก่อนหน้านี้ อาตมาและญาติโยมอีก 18 คน ต้องการเดินทางไปที่ประเทศอินเดียเพื่อจะไปสักการะสังเวชนียสถาน จึงมีญาติโยมคนหนึ่งแนะนำให้รู้จักบริษัท ดวงใจทัวร์ โดยทางบริษัทดังกล่าวได้กำหนดราคาค่าเดินทางไว้ที่ 30,000 บาทต่อคน โดยมีกำหนดออกเดินทางวันที่ 8 มี.ค.ปีที่แล้ว โดยก่อนเดินทาง 2 วัน นายจีราวัฒน์ ก็ได้โทร.มาขอยกเลิกการเดินทางโดยให้เหตุผลว่า ลูกไม่สบาย หลังจากนั้นทางบริษัทก็ไม่ติดต่อกับมาอีกเลย
พระครูสาครคุณาภรณ์ กล่าวต่อว่า หลังจากนั้น นางสุภัทรจิรา ฟ่องสุขสวัสดิ์ หนึ่งในคณะผู้เดินทางของกลุ่ม ก็ได้โทรศัพท์ไปสอบถามความคืบหน้า แต่ทางบริษัทก็บ่ายเบี่ยงตลอดเวลา จนพักหลังๆ ไม่สามารถติดต่อได้อีกเลย ซึ่งพวกอาตมาก็พยายามติดต่อไปเป็นระยะๆ โดยทางนางสุภัทรจิรา ได้แจ้งกับทางบริษัทไปว่า หากบริษัทไม่พาไปทัวร์ตามที่สัญญา ก็จะแจ้งความดำเนินคดี จนกระทั่งเมื่อวันที่ 21 ม.ค.ที่ผ่านมาทางบริษัทได้ติดต่อมาอีกครั้งว่า จะพาไปที่ประเทศอินเดีย จนกระทั่งเมื่อถึงวันและเวลานัดหมายจะออกเดินทางก็ไม่ได้รับการติดต่อจากบริษัทตัวอีกตามเคย
เจ้าอาวาสวัดหนองนกไข่ กล่าวต่อว่า หลังจากนั้น ก็ได้โทรศัพท์ไปสอบถามถึงความชัดเจนก็ได้รับคำตอบว่า สาเหตุที่บริษัทไม่พาคณะทัวร์เดินทางตามสัญญาเพราะว่ามีลูกทัวร์จำนวน 8 คนไม่ส่งพาสปอร์ตให้ทางบริษัทเพื่อทำวีซ่า แต่ไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด อาตมาพร้อมลูกทัวร์จึงได้รวมตัวกันเพื่อไปที่บริษัท เพื่อพูดคุยเรื่องดังกล่าวอีกครั้ง แต่ นายจีราวัฒน์ ได้บอกว่าให้ไปพูดคุยกับทางภรรยา เพราะไม่ทราบเรื่องดังกล่าว และไม่ขอรับผิดชอบใดๆ ทั้งสิ้น หากต้องการเดินทางอีกครั้งให้ส่งหนังสือเดินทางมาก่อนวันที่ 1 ก.พ.เพื่อจะทำวีซ่า จนกระทั่งเมื่อวันที่ 15 ก.พ.ที่ผ่านมา หนังสือเดินทางได้ถูกตีกลับมาที่บ้าน จึงได้ไปร้องเรียนที่ทางกรมการท่องเที่ยว
ด้าน ร.ต.อ.พีรวัฒน์ ปรมพุฒิ รอง สว.งานสืบสวน กก.1 บก.ทท.หัวหน้าชุดจับกุม กล่าวว่า หลังจากผู้เสียหายเข้าร้องเรียนกับทางกรมการท่องเที่ยว สำนักทะเบียนธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ ว่า ถูกบริษัทดังกล่าวหลอกลวง และจากการตรวจสอบ พบว่า บริษัทดังกล่าวไม่ได้ขอจดทะเบียนใบอนุญาตประกอบธุรกิจนำเที่ยวแต่อย่างใด จึงได้วางแผนทำทีล่อซื้อเข้าจับกุมสองผัวเมียที่บ้านหลังดังกล่าว ก็พบสองผัวเมียกำลังนั่งทำงานอยู่ เจ้าหน้าที่จึงได้นำเอกสารโฆษณาให้นายจีราวัฒน์ดู ซึ่งนายจีราวัฒน์ได้ยอมรับว่าเป็นของบริษัทตัวเองจริง และเมื่อขอตรวจสอบเอกสารใบอนุญาตประกอบธุรกิจนำเที่ยวก็ไม่มี จึงได้ควบคุมตัวไปทำการสอบสวนที่ สน.คันนายาว
จากการสอบสวน นายจีราวัฒน์ ให้การรับสารภาพว่า เป็นผู้จัดทัวร์โดยไม่มีใบอนุญาตจริง เจ้าหน้าที่จึงแจ้งข้อหาร่วมกันประกอบธุรกิจนำเที่ยวโดยไม่ได้รับอนุญาต, ไม่มีใบอนุญาตประกอบธุรกิจนำเที่ยว และฉ้อโกงประชาชน ก่อนนำตัวไปดำเนินคดีต่อไป