ผู้ประสบภัยน้ำท่วมเข้าร้องมูลนิธิเพื่อผู้บริโภคถูกธนาคารออมสิน เบี้ยวสัญญาการพักชำระหนี้ภัย หลังประสบภัยน้ำท่วม
วันนี้ (3 ส.ค.) นายอิฐบูรณ์ อ้นวงษา หัวหน้าศูนย์พิทักษ์สิทธิผู้บริโภค มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค ได้เปิดเผยว่า มูลนิธิได้รับเรื่องร้องเรียนจากผู้บริโภครายหนึ่ง ซึ่งเป็นผู้กู้ร่วมสินเชื่อเคหะของธนาคารออมสิน สาขาเจ้าเจ้าพรหม จ.พระนครศรีอยุธยา
สืบเนื่องจากในช่วงปลายปี 2553 ได้เกิดภัยพิบัติน้ำท่วมใหญ่ในหลายท้องที่ของประเทศไทยรวมทั้งที่ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา และ ธนาคารออมสิน ได้มีการประชาสัมพันธ์แถลงข่าวและส่งจดหมายมาถึงลูกหนี้แจ้งมาตรการบรรเทาผลกระทบของลูกค้าและประชาชนจากเหตุอุทกภัยครั้งใหญ่ให้พักชำระเงินต้น และดอกเบี้ย สำหรับลูกค้าสินเชื่อทุกประเภทเป็นเวลาครึ่งปี หรือ 6 เดือน
ข่าวการพักชำระหนี้สำหรับผู้ประสบอุทกภัยดังกล่าว ทำให้ผู้บริโภครายนี้สนใจ และเข้าร่วมโครงการพักชำระหนี้กับธนาคารออมสิน โดยได้เข้าไปทำบันทึกแก้ไขเพิ่มเติมต่อท้ายสัญญากู้เงินสินเชื่อเคหะ เมื่อวันที่ 15 ธันวาคม 2553 โดยตกลงกันที่จะผ่อนผันกันพักชำระหนี้เงินต้นและหนี้ดอกเบี้ยเงินกู้ รวมเป็นเวลา 6 เดือน หรือ 6 งวด จนกระทั่งครบกำหนดพักชำระหนี้ดังกล่าว ผู้บริโภคจึงได้นำเงินไปชำระหนี้เงินกู้ตามปกติจำนวน 3,700 บาท ปรากฏว่า ถูกธนาคารคิดเป็นดอกเบี้ยทั้งหมด โดยไม่มีเงินต้นเลย เมื่อสอบถามกับพนักงานของธนาคารออมสิน สาขาเจ้าพรหม ก็ไม่สามารถอธิบายเหตุผลให้เข้าใจเป็นที่กระจ่างได้ว่า เมื่อตกลงทำสัญญาพักชำระหนี้ทั้งเงินต้นและดอกเบี้ยแล้ว ทำไมจึงมีการเรียกเก็บดอกเบี้ยค้างชำระเหมือนเป็นดอกเบี้ยผิดนัดกันอีก
ศูนย์พิทักษ์สิทธิผู้บริโภค มูลนิธิเพื่อผู้บริโภคได้สอบถามไปยังธนาคารออมสินสำนักงานใหญ่ ได้รับคำชี้แจงจากนายมนตรี นกอินทร์ ผู้จัดการธนาคารออมสินสาขาเจ้าพรหม จังหวัดพระนครศรีอยุธยา และ นายอนุสรณ์ มาศรัตน์ พนักงานปฏิบัติการ 7 หน้าห้องผู้ช่วยผู้อำนวยการธนาคารออมสิน ซึ่งได้ให้ข้อมูลไปในทิศทางเดียวกันว่า การพักชำระดอกเบี้ยเงินกู้ 6 เดือนให้กับผู้ประสบอุทกภัยนั้น มิได้หมายความว่า ธนาคารจะหยุดคิดดอกเบี้ย ดอกเบี้ยยังคงเดินอยู่เพียงแต่ธนาคารผ่อนผันการพักชำระหนี้ดอกเบี้ยเท่านั้น เป็นความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนของผู้บริโภคเอง
ในกรณีดังกล่าว นายอิฐบูรณ์ เห็นว่า หากธนาคารออมสินยืนยันจะคิดดอกเบี้ยที่ธนาคารได้ตกลงผ่อนผันให้กับลูกค้าเป็นเวลา 6 เดือน แล้วยังมาเรียกเก็บดอกเบี้ยค้างชำระเสมือนเป็นการผิดนัดชำระหนี้ตามที่ผู้บริโภคร้องเรียนมา อาจจะเป็นการกระทำที่ไม่เป็นธรรมและผิดสัญญาต่อผู้บริโภคได้ ที่สำคัญ ไม่ทำให้ผู้ประสบภัยน้ำท่วมได้รับการบรรเทาความเดือดร้อนตามเจตนารมณ์ของธนาคารได้อย่างแท้จริง สมควรที่ธนาคารออมสินจะนำเรื่องนี้ไปพิจารณาตรวจสอบและแก้ไขโดยเร่งด่วน
“เชื่อว่า น่าจะมีผู้ประสบภัยน้ำท่วมอีกหลายรายที่หลงเชื่อเข้าร่วมโครงการนี้ของ ธนาคารออมสิน เพราะคาดหวังว่า ธนาคารจะหยุดต้น หยุดดอก ตามคำชี้ชวนจริง ดังนั้น สำหรับผู้บริโภคที่ได้รับความเดือดร้อนกรุณาแจ้งเรื่องร้องเรียนมาได้ที่ มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค โทร.02-248-3737 หรือที่เว็บไซต์ www.consumerthai.org โดยเร็ว เพื่อจะได้รวบรวมเรื่องร้องเรียนนำไปเจรจากับธนาคารออมสินต่อไป” นายอิฐบูรณ์ กล่าว